Risk&Reward Ratio คืออะไร?🧐
เมื่อพูดถึงการลงทุน ก็ต้องคิดถึงความเสี่ยงที่เราจะขาดทุนหรือได้กำไร ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าการลงทุนในครั้งนั้นจะมีผลลัพธ์ออกมายังไง แต่เราสามารถที่จะควบคุมมันได้ในระดับนึง วันนี้ทาง traderider จะพามาทำความรู้จักกับ การบริหารความเสี่ยงหรือสิ่งที่จะช่วยในการจัดการลงทุนของเรา🔶ความหมายของ Risk&Reward Ratio Risk&Reward Ratio เมื่อเราลองแยกคำออกมาแล้ว ก็จะสามารถแปลได้ว่า
Risk คือ ความเสี่ยงหรือขาดทุน Reward คือ ผลตอบแทนหรือกำไร และ
Ratio คือ อัตราส่วน เมื่อเราลองนำ 3 คำนี้มารวมกันแล้ว
Risk&Reward Ratio ก็
คือ อัตราส่วนของความเสี่ยง(ขาดทุน)ต่อผลตอบแทน(กำไร) หรือที่เราเห็นทั่วไปในคำว่า RRR หรือก็คือการกำหนดเป้าหมายในความเสี่ยงหรือการขาดทุนที่จะเกิดขึ้นที่เราสามารถรับได้ และผลตอบแทนหรือกำไรที่เราคาดว่าจะได้รับ โดย Risk&Reward Ratio หรือ
RRR นั้น สามารถนำมาใช้ควบคู่กับการเทรด Forex ได้ โดยการคำนวณหาความคุ้มค่าของเงินที่เราจะนำไปลงทุน ว่ามีความคุ้มค่าพอที่จะเสี่ยงไหม และจะได้ผลตอบแทนกลับมามากแค่ไหน หาก
Risk มีมากกว่า
Reward ก็
ไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง แต่ถ้าหาก
Reward มีมากกว่า
Risk ก็
คุ้มค่าที่จะเสี่ยง 🔷RRR เกี่ยวกับการเทรดอย่างไร ?RRR สามารถใช้ได้กับทุกการลงทุนที่มีความเสี่ยง ซึ่งในตลาด
Forex นั้นมีความเสี่ยงสูง รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการเทรดมีสภาพคล่องและผันผวนสูง และ
ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอกหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น เศรษฐกิจ สงคราม รวมถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ อีกด้วยซึ่งการกำหนด
RRR ไว้ล่วงหน้านั้น จะทำให้เทรดเดอร์
สามารถลงทุนได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น🚨ตัวอย่างแรกRRR 1:1 หมายความว่าหากการลงทุนในครั้งนั้นเราลงทุนไป 10$ หากผิดทางเราจะเสีย 10$ แต่หากถูกทางได้กลับมา 10 $
ในตัวอย่างนี้ จะเห็นว่าหากระบบเทรดของท่านมี Winrate ที่ 50% (เทรด 10 ครั้ง ชนะ 5 ครั้ง) ผลรวมจะออกมาเท่าทุน
🚨ตัวอย่างที่2RRR 1:3 หมายความว่าหากการลงทุนในครั้งนั้นเราลงทุนไป 10$ หากผิดทางเราจะเสีย 10$ แต่หากถูกทางได้กลับมา 30 $
ในตัวอย่างนี้ จะเห็นว่าหากระบบเทรดมี Winrate 50% เท่ากันกับตัวอย่างแรก (เทรด 10 ครั้ง ชนะ 5 ครั้ง) ก็ยังทำกำไรได้ $100 เมื่อหักกับส่วนที่เทรดเสียไปนั่นเอง
🔶ตั้ง Risk & Reward Ratio แบบไหนดีที่สุดอัตราส่วน
RRR ที่ดีที่สุดจะแตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ , รูปแบบการเทรด เช่น การเทรดแบบ
Scalping จะมี
RRR ต่ำมากหรืออาจถึงขั้นติดลบ แต่จะได้ winrate ที่สูงกว่ามาชดเชยแทน ในขณะที่การเทรดแบบ
Trend Following จะให้ RRR ที่ค่อนข้างสูงกว่า แต่ก็อาจจะแลกมาด้วย winrate ที่น้อยลงมาแทน
🔷วิธีที่ดีที่สุดที่จะหา Risk Reward Ratio ที่เหมาะสมกับเราต้องทดสอบเป็นกลยุทธ์ ๆ ไปทีละอย่าง และจำนวนออเดอร์ที่ทดสอบเพื่อเก็บผลงานก็ควรจะต้องให้เยอะที่สุดด้วย
ซึ่งปัจจุบันนั้นมีโปรแกรมสำหรับแบคเทส หรือทดสอบเทรดย้อนหลังให้ใช้ทดสอบระบบเทรดได้ แต่ถึงแม้ว่าจะได้ระบบเทรดหรือค่า
RRR ที่เหมาะสมที่ทดสอบย้อนหลังแล้วได้กำไร ก็ไม่ได้หมายความในอนาคตระบบนั้นๆจะทำกำไรให้เราได้อีก
ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้งแนะนำให้คำนวณหรือวานแผนการลงทุนนั้นๆ ก่อน หากเราไม่คำนวณสิ่งใดเลยแล้วพึ่งโชคหรือดวงอย่างเดียว ก็อาจจะทำให้เราหมดตัวได้ง่ายๆ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้การวิ่งของกราฟนั้นก็จะแตกต่างไปในแต่ละสถานการณ์ด้วย จึงทำให้ระบบเทรดที่เคยผลงานดีในอดีตอาจจะเป็นระบบที่แย่ที่สุดในอนาคตได้เช่นกัน