Three-Drive เป็นรูปแบบแรกของ Harmonic pattern ที่ถือว่าง่ายอีกรูปแบบ มอง Market structure ง่ายคือการกำหนดภาพคร่าวๆ ได้ว่าเป็นรูปแบบนี้หรือเปล่า  ไม่ซับซ้อน แต่ต้องมีสายตาที่เปรียบเทียบหลักการของ Swing highs/lows และ Fibonacci Retracement และ Fibonacci Extension เมื่อมองที่ชาร์ตให้เห็นเป็นรูปแบบคร่าวๆ ว่าได้รูปแบบที่ต้องการมองหา แต่ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า รูปแบบที่ตรงกับเงื่อนไขทางตัวเลข Fibonacci เลยทีเดียวนั้น นานๆ ค่อยจะเจอ ส่วนมากจะมีขาดมีเกินบ้างสำหรับสัดส่วนของ Fibonacci  สำคัญในการกำหนดรูปแบบคือต้องเห็นภาพรวมของรูปแบบว่าเป็นรูปแบบเกิดขึ้นก่อน แล้วกำหนดความเป็นไปได้ ตามด้วย Price Action ยืนยันที่จุด Potential Reverse Zone (PRZ ) ค่อยเปิดเทรด ส่วนมากก็จะมีการใช้หลักการเทรดอย่างอื่นเข้ามาประกอบ เช่นหลักการแนวรับ-แนวต้าน มองหาพื้นที่ แล้วใช้รูปแบบ Harmonic patterns ประกอบ Market structure เพื่อหาโอกาสเทรด


รูปแบบ Three-Drive เป็นอย่างไร

อธิบายรูปแบบก่อน ค่อยตามด้วยว่ามีการใช้ Fibonacci Retracement และ Extension ตรงไหนบ้างเพื่อกำหนดว่าเป็นรูปแบบ อย่างแรกเลย รูปแบบ Three-Drive เหมือนรูปแบบ chart pattern ทั่วไปคือมีรูปแบบที่เป็น Bullish และ Bearish ดูจากภาพประกอบ สิ่งแรกที่เราเห็นคือ การทำ Swing ไปทางเดียวกันคือ Bearish Three-Drive ก็จะทำ Swing Highs ต่อเนื่องทางเดียวกัน 3 จุด (มี Higher Highs ต่อเนื่องกัน 3 ) หรือนับเป็นขาคือ X1 leg, A2 leg และ B3 leg ส่วน Bullish ก็จะทำ Swing lows ต่อเนื่องกัน 3 จุด (Lower Lows ต่อเนื่องกัน 3 ) เช่นกัน และทั้งรูปแบบ Bearish หรือ Bullish ต่างมีส่วนที่เป็น correction หรือ retracement เกิดขึ้น 2 จุดด้วยกัน ถ้าท่านไหนที่เข้าใจหลักการพัฒนาการ Swing highs/lows ในการกำหนดเทรน จะมองออกง่าย เพราะไม่ต่างกันเลย การที่เกิดการเคลื่อนจาก X ไปที่เลข 1 เรียกว่า Drive-1 จาก A ไปที่เลข 2 เรียกกว่า Drive-2 และ จาก B ไปที่เลข 3 เรียกกว่า Drive-3

ส่วนการใช้ Fibonacci อธิบายที่ Bearish Three-Drive ส่วน Bullish Three-Drive เงื่อนไขและตรรกะตรงกันข้ามเท่านั้นเอง จุด X ไปยัง 1 คือจุดสำหรับกำหนด Fibonacci Retracement หรือมองจากมุมของ Market structure คือกำหนด Fibonacci จากจุด swing low ที่จุด X ไปยังจุด swing high ที่จุด 1 เพื่อกำหนดพื้นที่ Retracement levels ตามหลักของ Retracement (X-1 เพื่อกำหนด Fibonacci Retracement) สำหรับ Drive 1 และ A-2 สำหรับ Drive 2  ส่วน Fibonacci Extension กำหนดด้วย 3 จุดคือ ชุดแรกที่ X-1-A, ชุด 2 ที่ A-2-B


เทียบภาพนี้เมื่อมอง Three-Drive กับภาพประกอบที่อธิบายหลักการคร่าวๆ ว่ามองภาพอย่างไร ภาพที่เกิดขึ้น ชาร์ตจริงจำเป็นต้องมีสายตาที่มองภาพรวมการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไรออก หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Hawk eye เข้าใจหลักการ Market structure แล้วอ่านการพัฒนาการหรือการสร้าง Market structure เข้ากับภาพรวมเป็นอย่างไร  การมอง Harmonic patterns จำเป็นต้องมีสายตาแบบนี้ พร้อมเข้าใจหลักการ Fibonacci Extension และ Extension

ตรรกะเบื้องหลัง Three-Drive pattern และการเทรด

รูปแบบ chart patterns คือรูปแบบที่เป็นวัฏจักร์บอกถึงพฤติกรรมเดิมที่เกิดขึ้น หรือถ้าจะพูดให้ตรงกว่านั้นคือ พฤติกรรมเดิมที่เทรดเดอร์ส่วนมากโต้ตอบกับตลาด เมื่อเกิดเงื่อนไขหรือ market structure แบบนั้นๆ  การเทรด แม้ว่ารูปแบบ Three-Drive จะเป็นรูปแบบที่หาโอกาสเทรดเปลี่ยนเทรนเมื่อจบลง แต่การที่จะดูว่ามันเกิดอย่างไร และจบพื้นที่ตรงไหน จำเป็นต้องอ่าน Market structure ประกอบ เช่นอย่างภาพต่อไปนี้เป็นการใช้ Three-Drive กับการเทรดแบบ Supply/Demand หรือ Support/Resistance


การอ่าน Market structure เป็นส่วนสำคัญว่า เราเห็นภาพรวมของการเคลื่อนตลาดเป็นอย่างไร รูปแบบ chart patterns ต่างๆ ในที่นี้คือ Three-Drive คือส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น การอ่านโครงสร้างออก ช่วยให้เรากำหนดพื้นที่จะเทรดได้ง่าย แล้วใช้รูปแบบต่างๆ ประกอบเพื่อหาจุดเข้าเทรด แม้ว่ารูปแบบของ Harmonic บอกได้ว่ามีการเปิดเผยแนวรับ-แนวต้านเองในตัวด้วย  ดูภาพประกอบที่เกิด Three-Drive เมื่อเรามองจากภาพรวมจะเห็นว่า Three-Drive เกิดตอนที่ราคาวิ่งกลับเข้าไปหา Supply 2 และตอนที่สร้าง Three-Drive ส่วนประกอบด้านล่าง Higher Lows ได้สร้าง Demand ขึ้นไปได้ Demand 1 และ Demand 2 ตามภาพประกอบ

พื้นที่กำหนด Fibonacci Retracement ในส่วนของ Three-Drive  คือราคาลงมาทำ Correction หรือ Retracement ตรรกะที่อยู่เบื้องหลังเรื่องของการทำงานออเดอร์ นอกจากการเข้าเทรดทาง Buy orders เข้าเทรดและมากกว่าจนเกิดราคาสามารถทำ New High หรือเบรค High ก่อนที่เลข 1 และ 2 ของการนับ Drive  การที่ราคาย่อตัวลงมาทำ Retracement หรือส่วนที่ใช้ Fibonacci Retracement ราคายังได้เคลียร์ buy limit orders ที่อยู่ตรงพื้นที่ตรงนั้นด้วย หรือลด Demand ถ้าราคาลงมา โอกาสที่ความต้านทานจาก Demand ก็จะน้อย ทำให้ราคาผ่านง่าย ดังนั้น Three-Drive ในรูปแบบที่ยกตัวอย่างมา นอกจากราคากลับไปหาพื้นที่ Supply แล้ว ยังลด Demand ตอนที่วิ่งขึ้นไปด้วย


อีกจุดที่ต้องการอธิบาย ตรงที่นับ Drive  1 และ 2  ตามภาพประกอบด้านบน มีการเปิดเทรด Sell เพราะราคากลับมาที่ Supply 1 ราคาลงไป เด้งขึ้นมาอีกทำ Drive 2 ที่เลข 2 ก็จะมีการเปิด Sell อีก จะเห็นว่าพื้นที่ Drive 1 และ Drive 2 อยู่พื้นที่ Supply 1 เทรดเดอร์ที่เปิดเทรดและยังคงถือ Short positions อยู่ก็มักจะกำหนด stop loss ไว้ด้านบนจุด Highs หรือ Drive แต่ละจุดขึ้นมาหน่อย เลยทำให้เกิด Drive 3 ได้ง่ายด้วย เพราะราคาจะดันขึ้นมาเปิดแตะ stop loss พวกนี้ก็จะกลายเป็น Buy market orders ทำให้ราคาขึ้นไปหา Supply 2 ได้ง่าย และทำให้เกิด Drive 3 ได้ง่ายด้วยเช่นกัน เพราะว่า เทรดเดอร์ที่เปิด Buy ด้านล่าง ทั้งก่อนเกิดรูปแบบ Three-Drive หรือเปิดเทรดพื้นที่ A และ B เห็นพื้นที่ stop loss ของเทรดเดอร์ที่เปิด Sell ด้านบน เป็นตัวเร่งราคาก็จะดันต่อไป สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ง่ายด้วย และเมื่อจะปิดเทรด ยังมีออเดอร์ตรงข้ามที่มี liquidity มากพอที่ออกจากตลาดด้วย

สุดท้ายมาที่เลข 3 หรือจุดกลับตัวของ Three-Drive  มองจุดที่บอกว่า เทรดเดอร์ที่ถือ short positions และ stop loss, จากกลุ่มเทรดเดอร์ที่เปิดเทรด Sell อิง High ที่ Drive 1 และ High ที่ Drive 2 ที่ยังไม่ได้ออก พอราคาจบ Retracement ของ Drive 2 กลับขึ้นมาก็เริ่มกำไรน้อยลง หรือเริ่มติดลบ และราคาดันขึ้นไปเรื่อยๆ  ก็เลยมีการกำหนด stop loss เข้าไป พอราคาปัจจุบันไปแตะเลยทำให้เทรดเดอร์ที่ Buy ด้านล่างกำไรได้ง่ายและเร็วด้วย stop loss พวกนี้ด้วยถ้าราคาแตะ เลยทำให้เกิด Drive 3 อย่างง่าย และถ้าเทรดเดอร์ขาใหญ่ที่ต้องการเปิดเทรดที่ Supply 2 พวกเขาก็จะได้ Buy orders ตรงกันข้ามที่พวกเขาต้องการเพื่อเปิด Sell ด้วย

รูปแบบ Harmonic Three-Drive เลยมีความเป็นไปได้สูงเพราะตรรกะออเดอร์ที่อยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ระหว่างออเดอร์ได้ง่าย ยิ่งเมื่อใช้เข้ากับหลักการ Support/Resistance หรือ Supply/Demand ตามที่ยกตัวอย่างมาประกอบ