เมื่อพูดถึงการเทรดทอง หลายๆ คนอาจมองว่าเป็นเรื่องที่น่าเทรดเพราะว่าสามารถทำกำไรได้มากในเวลาอันสั้น เพราะถ้าเทียบกับการเทรดค่าเงินหรือ Forex แล้ว การเทรดทองซึ่งมีการเคลื่อนไหวของราคาแต่ละวันมากกว่าหลายเท่า เพราะมีการเทรดเกิดขึ้นเยอะ หรือมี liquidity แต่ละวันมากกว่า เลยทำให้เกิดโอกาสเทรดได้มากกว่า แต่ก็มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ถ้าท่านไม่ใส่ใจ ความผิดพลาดมาจากสาเหตุหลายๆ อย่างดังนี้


เทรดโดยไม่ได้วางแผน

การเข้าเทรดเลยโดยไม่ได้วางแผนน่าจะเป็นความผิดพลาดแรกที่จะกล่าว การเปิดเทรดไม่ใช่แค่ว่าท่านเปิดชาร์ตขึ้นมา เห็นราคาขึ้นหรือลง แล้วเปิดเทรดเลย ท่านต้องกำหนดว่าจะเทรดอย่างไร เช่น การเปิดเทรดเป็นแบบไหน เป็น Swing trading, Position Trading, Day Trading หรือ Scalping Trading แต่ละอย่างก็จะต่างแผนการออกไป เช่น ท่านกำหนด ตัวเองเป็น Day Trading การเปิดเทรดเน้นไม่ถือออเดอร์ข้ามวัน จบการเทรดเป็นวันๆ ท่านต้องกำหนดว่าจะเปิดท่านเสี่ยงเท่าไรในแต่ละออเดอร์ที่จะเปิดเทรด รับการเสี่ยงสูงสุดได้เท่าไร มีจุดเข้าเทรดและจุดออกเทรดชัดเจนหรือเปล่า การเปิดเทรดท่านจะเปิดเทรดช่วงไหน เช่นจะเทรดช่วงตลาดเอเชียน หรือยุโรป หรืออเมริกา เปิดกี่ออเดอร์เมื่อเปิดพร้อมกัน เปิดกี่ออเดอร์ต่อวัน และรับความเสี่ยงแต่ละวันได้เท่าไร อาจมีการนำเรื่องของ trading journal เพื่อบันทึกรายละเอียดการเทรดเข้ามาประกอบ

การไม่มีการวิเคราะห์ตลาดเพียงพอ

สิงที่จะทำให้เกิดความผิดพลาดอีกอย่างได้ คือการไม่ได้ชำนาญหรือศึกษาสินค้าหรือทองที่ท่านเทรดอย่างจริงจังแต่ละวันก่อนที่จะเปิดเทรด ก่อนเปิดเทรดทองแต่ละวัน ท่านจำเป็นต้องวิเคราะห์เทรน ศึกษาข้อมูลพื้นฐานหรือที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของทอง เช่น ดูเรื่องของ Dollar Index หรือ Interest Rate ที่กระทบการเคลื่อนของทอง หรือด้านเทคนิคเป็น pattern เช่นเปิดเทรดเมื่อท่านเห็นรูปแบบ Double Tops/Bottoms, Head and Shoulders เป็นต้น หรือดูความต่อเนื่องของการเคลื่อนราคาแต่ละวัน หรือดูข้อมูลการซื้อและขายของ SPDR Gold Shares เมื่อมีการชื้อหรือขาย มักจะช่วยให้เราเห็น demand/supply ชัดเจนที่เกิดขึ้นที่ชาร์ตทองได้

ยังเพิ่มออเดอร์เทรดอีก เมื่อยังถือ positions ที่ติดลบอยู่


ความผิดพลาดอีกอย่าง เป็นเรื่องของการจัดการการออเดอร์ที่ติดลบอยู่ ว่าเป็นตัวกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของเทรดเดอร์ได้เลย แม้ว่าการเทรดเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการติดลบเมื่อเปิดเทรด เพราะบางที่ช่วงที่ท่านเปิดเทรดอาจมีการ stop hunt เข้ามา ราคาอาจทำให้ท่านติดลบมากขึ้น แต่ถ้าท่านเพิ่มออเดอร์เข้าไป ราคาอาจวิ่งสวนท่านไปต่อก็ได้ ยิ่งเป็นการเทรดทองด้วยแล้ว มีการเคลื่อนไหวเยอะ ท่านก็ยิ่งติดลบมากขึ้น เพราะการเทรดเป็นเรื่องของความเป็นไปได้ อันที่เป็น stop hunt ก็อาจไม่เป็นก็ได้ ยกตัวอย่างภาพประกอบด้านบนท่านเปิด Sell เมื่อเห็นราคาเกิด Bearish Candle แท่งเทียนสีแดงตรงพื้นที่ Resistance พอดี ท่านจะเห็นว่าราคายังเด้งขึ้นไปอีก เพราะว่ามี stop loss ออเดอร์ที่ขาใหญ่สามารถใช้ประโยชน์เพื่อเข้าเทรดเพิ่มได้ เพราะถ้าราคาไปแตะ stop order พวกนี้จะกลายเป็น buy market orders และถ้าขาใหญ่เปิด sell limit orders ที่ด้านบนก็จะได้ราคาที่ดีกว่า แต่ราคาอาจเด้งขึ้นไปอีกก็ได้ ถ้าเราเปิด Sell เพิ่มเข้าไปอีกแล้วพื้นที่นี้ไม่ได้จบด้วยการเป็น Stop hunt ก็จะทำให้ท่านเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้นถ้าเพิ่มออเดอร์เข้าไปทั้งๆ ที่ยังถือออเดอร์ที่ติดลบอยู่

ไม่ใช้ stop loss   

ความผิดพลาดอีกอย่างที่ถือว่าชัดเจนมากคือการไม่กำหนด stop loss เข้าไป เพราะว่าการกำหนด stop loss เป็นการจำกัดความเสี่ยงเบื้องต้นที่ง่ายและตรงที่สุดว่าท่านรับความเสี่ยงแต่ละออเดอร์ได้เท่าไร ถ้าท่านไม่กำหนดความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าราคาวิ่งสวนท่าน ยิ่งวิ่งสวนมากก็ยิ่งเสี่ยงมากยิ่งขึ้น การกำหนด stop loss จะช่วยควบคุมการสูญเสียและจัดการความเสี่ยง เพื่อป้องกันความผิดพลาดนี้ก่อนที่จะเปิดเทรดแต่ละออเดอร์ท่านต้องดูพื้นที่ที่จะกำหนดจุดเข้า (entry) จุดออก (take profit) และจุดรับการสูญเสีย (stop loss) ให้ชัดเจนก่อนเปิดเทรด

เสี่ยงมากเกินไปหรือ Overtrading

ความผิดพลาดอีกอย่างที่เกิดขึ้นคือการเสี่ยงมากเกินไปที่รับการสูญเสียได้ หรือเรียกได้ว่า Overtrading เช่นท่านมีทุน 1000 ดอลลาร์ แต่ตลาดฟอเรกหรือทองสามารถให้ท่านเปิดเทรดเกินทุนได้ ขึ้นอยู่กับว่า Leverage ที่ท่านเปิดบัญชีเทรดเท่าไร ยิ่งมากยิ่งเทรดได้เกินทุนเยอะ ยิ่งเป็นการเทรดทองด้วย วิ่งเยอะ เปิดเทรดได้เยอะเกินทุน ยิ่งทำให้เกิดเสี่ยงมากได้มากเสี่ยงน้อยได้น้อยได้ง่าย ท่านต้องเข้าใจว่าตลาดเทรดฟอเรกที่ท่านสามารถเทรดทองและค่าเงินหรือสินค้าอื่นๆ ที่แต่ละโบรกเกอร์ที่ท่านเปิดบัญชีกำหนด การเทรดตลาดนี้เป็นการเทรดด้วยการใช้ Margin เข้ามาประกอบ การที่โบรกเกอร์ให้เปิดบัญชี leverage มากเพราะต้องการให้ท่านเปิดเทรดเกินทุนตัวเอง เพราะรายได้หลักของโบรกเกอร์มาจากค่าคอมมิชชั่นของการเทรด ยิ่งลูกค้าเปิดเทรดมากโบรกเกอร์ยิ่งมีรายได้มาก และการที่ยอมให้ลูกค้าเปิดเทรดได้มากเป็นการเพิ่ม liqudity เข้าตลาดมากขึ้นไปด้วย ทำให้กลไกตลาดทำงาน และเมื่อขาใหญ่เปิดเทรดก็จะหา liquidity ออเดอร์ตรงข้ามได้ง่ายหรือสะสม positions ได้ง่ายได้เพราะมีการเปิดเทรดตลอด สิ่งที่ตามมาคือ เมื่อเปิดเทรดเกินทุน ก็จะถูกบังคับให้ออกจากตลาดได้เร็ว เลยทำให้เกิดออเดอร์ตรงข้ามได้ง่าย อย่างกรณีเรื่องของ trapped traders คือตัวอย่างที่ดีของการบังคับออกจากตลาด

เรื่องการจัดการอารมณ์

การจัดการอารมณ์น่าจะเป็นเรื่องที่ยากสุด เช่นเมื่อท่านเห็นแท่งเทียนยาวๆ แรงๆ กลัวไม่ทันเทรนหรือตกเทรนก็อดที่จะเทรดตามไม่ได้หรือที่รู้กันว่า Fear of Missing Out  หรือเพราะเห็นเทรดเดอร์อื่นๆ เทรดทางนั้นก็อยากที่จะเทรดตาม การเทรดแบบนี้จะทำให้ท่านวิ่งตามตลาด เกิดความผิดพลาดได้มาก ราคาทองวิ่งแรงและวิ่งเร็ว โดยเฉพาะช่วงตลาดอเมริกา เพื่อป้องกันความผิดพลาดนี้ ท่านควรเปิดเทรดด้วยเงื่อนไขหรือ rule-based เท่านั้นว่าได้เงื่อนการเทรดของท่านหรือเปล่า ท่านเปิดเทรดเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะเห็นแท่งเทียนยาวๆ เห็นคนอื่นๆ เทรดแล้วอยากเทรดบ้าง ท่านต้องชัดเจน ได้เงื่อนว่าที่เปิดเทรดเพราะอะไร กำหนด stop loss และ take profit ตรงไหน ทุกๆ อย่างให้เป็นเรื่องของ objective ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์