(Jul 5) ผนึกกำลังโต้สหรัฐ ไทยร่วม40ชาติสมาชิกค้านขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไม่เป็นตามเกณฑ์ดับเบิ้ลยูทีโอ - 40 ชาติสมาชิกองค์การการค้าโลก ใช้เวที WTO รุมต้านมาตรการขึ้นภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศของสหรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ชาติสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) กว่า 40 ประเทศ ทั้งกลุ่มอียู จีน และญี่ปุ่น ร่วมคัดค้านมาตรการของสหรัฐที่จะตั้งภาษีเพิ่มเติมกับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าจากต่างชาติ ระหว่างการประชุมสภาการค้าของ WTO โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับตลาดโลก และบั่นทอนกลไกระบบการค้าของ WTO
รายงานระบุว่า 15 ชาติสมาชิก ได้แก่ ไทย จีน แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ตุรกี คอสตาริกา ฮ่องกง เวเนซุเอลา สิงคโปร์ บราซิล เกาหลีใต้ เม็กซิโก กาตาร์ และอินเดีย แสดงความกังวล เพิ่มเติมว่า มาตรการภาษีของสหรัฐ ยังอาจไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของ WTO ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อเดือน พ.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 232 เปิดการสอบสวนรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ เป็น ภัยคุกคามต่อความมั่นคงสหรัฐหรือไม่ ซึ่งอาจเปิดทางไปสู่การตั้งกำแพงภาษีสูงสุด 25% โดยผู้แทนของญี่ปุ่นเตือนว่า หากสหรัฐตั้งภาษีเพิ่มอีก จะส่งผลให้เกิดมาตรการตอบโต้จากนานาชาติที่รุนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากรถยนต์เป็นสินค้าสำคัญของระบบการค้าโลก และภาษี ยังบั่นทอนระบบการค้าพหุภาคีที่ตั้งอยู่บนกฎระเบียบต่างๆ ขณะที่ผู้แทนรัสเซียระบุว่าสหรัฐกำลังบั่นทอนความน่าเชื่อถือของตนเอง
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมคณะทำงานด้านการค้าและการลงทุนไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ครั้งที่ 13 ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงสถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบันที่หลายประเทศเริ่มมีการนำมาตรการกีดกันและตอบโต้ทางการค้ามาใช้กันมากขึ้น จนเกิดความตึงเครียดและเสี่ยงต่อการเกิดสงครามการค้า โดยไทยและอียูยืนยันที่จะร่วมมือกันในการผลักดันการทำงานของ WTO เพื่อให้ความสำคัญกับระบบการค้าพหุภาคี และให้สมาชิก WTO หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการทางการค้าฝ่ายเดียวในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางการค้า
"ปัญหาเฉพาะหน้าคือ ต้องผลักดันให้ WTO แต่งตั้งสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ที่ว่างอยู่ 3 ตำแหน่งให้ได้โดยเร็ว เพื่อ ให้องค์กรอุทธรณ์มีสมาชิกครบทั้ง 7 ตำแหน่ง เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้กลไกระงับข้อพิพาททางการค้าของ WTO เกิดการชะงักงัน โดยเฉพาะระบบระงับข้อพิพาท WTO ถือเป็นที่พึ่งของประเทศกำลังพัฒนาในการผลักดันให้ประเทศ ที่แพ้คดีต้องปรับแก้ไขมาตรการ และดำเนินการตามผลคำตัดสินของคณะผู้พิจารณาและองค์กรอุทธรณ์ของ WTO" นางอรมน กล่าว
นอกจากนี้ ไทยยังได้แสดงความเป็นห่วงการใช้มาตรการและกฎระเบียบทางการค้าของอียู โดยเฉพาะการยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากพืช รวมทั้งน้ำมันปาล์มในปี 2573 การออกกฎระเบียบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการเตรียมออกกฎระเบียบของสหภาพยุโรป เพื่อจัดเก็บภาษีดิจิทัลกับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เป็นต้น เพราะมาตรการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนไทยที่ทำธุรกิจกับอียู จึงได้ขอให้อียูจัดหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
Source: Posttoday