กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

การใช้งาน Indicator Average Directional Index (ADX)

  • 0 replies
  • 6,347 views
การใช้งาน Indicator Average Directional Index (ADX)
« เมื่อ: 10, พฤศจิกายน 2016, 02:55:41 PM »
การใช้งาน Indicator Average Directional Index (ADX)
ลิขสิทธิ์ Traderider.com
ผู้แปล Mamay

บทนำ 

      Average Directional Index (ADX), Minus Directional Indicator (-DI) และ  Plus Directional Indicator
(+DI) เป็นกลุ่มของอินดิเคเตอร์ที่บอกทิศทางการเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดระบบการเทรด พัฒนาโดย   
Welles Wilder  ซึ่ง Wilder ได้ออกแบบ  ADX  ให้เหมาะกับตลาดโภคภัณฑ์และราคารายวัน แต่ว่าอินดิเค
เตอร์นี้สามารถใช้ได้กับหุ้นด้วย   Average Directional Index (ADX) จะวัดความแข็งแกร่งของเทรนด์โดย
ไม่เกี่ยวข้องกับทิศทางของเทรนด์  ส่วนอีก 2 ตัว คือ  Plus Directional Indicator (+DI) และ Minus
Directional Indicator (-DI)  เป็นตัวเสริมที่จะบอกทิศทางของเทรนด์ การใช้ร่วมกันเทรดเดอร์สารถบอกทั้ง
ทิศทางและความแข็งแกร่งของเทรนด์ 

     Wilder กล่าวถึง  Directional Movement indicator ในหนังสือของเขาในปี 1978  New Concepts in
Technical Trading Systems  หนังสือเล่มนี้ยังรวมรายละเอียดของ  Average True Range (ATR)   Parabolic
SAR system และ RSI  แม้ว่าจะถูกพัฒนาตั้งแต่ก่อนยุคคอมพิวเตอร์ อินดิเคเตอร์ของ Wilder เป็นสิ่งที่
มหัศจรรย์ในด้านการคำนวณและอยู่มานานจนทุกวันนี้

 
Directional Movement

     Plus Directional Movement (+DM) และ Minus Directional Movement (-DM) เป็นส่วนสำคัญของ
Average Directional Index (ADX) Wilder ชี้วัดทิศทางการเคลื่อนไหวโดยการเปรียบเทียบความแตกต่าง
ระหว่าง ราคา Low สองจุดและราคา high



     ทิศทางการเคลื่อนไหวเป็นบวก  (plus)  เมื่อค่า high ลบด้วยราคา high ครั้งก่อน มากกว่า ค่า Low ครั้งก่อน
ลบด้วยราคา Low ปัจจุบัน ดังนั้นมันจึงเรียกว่า  Plus Directional Movement (+DM)  แล้วการเท่ากันของ
ราคา high ปัจจุบันลบด้วย high ครั้งก่อน จะให้ค่าบวก ค่าลบจะเป็นค่า 0 
ทิศทางการเคลื่อนไหวเป็นลบ  (minus) เมื่อราคา Low ก่อนหน้า ลบด้วยราคา Low ปัจจุบัน แล้วมากกว่า
ราคา high ปัจจุบันลบด้วยราคา high ก่อนหน้า ซึ่งเรียกว่า  Minus Directional Movement (-DM) เท่ากับ
ราคา Low ก่อนหน้าลบด้วยราคา Low ปัจจุบัน จะให้ค่าบวก และ ค่าลบจะเท่ากับ 0 
กราฟข้างบนแสดงให้เห็นถึงการคำนวณ 4 ตัวอย่างสำหรับการคำนวณทิศทางการเคลื่อนไหว คู่แรกแสดง
ให้เห็นถึงความแตกต่างค่าบวกระหว่าง ราคา high สำหรับทิศทาง  Plus Directional Movement (+DM) ที่
ชัดเจน คู่ที่สองแสดง Minus Directional Movement (-DM) กำลังได้เปรียบ คู่ที่ 3 แสดงความแตกต่าง
ระหว่าง ราคาต่าสุดสำหรับ  Minus Directional Movement (-DM) ที่ชัดเจน คู่สุดท้ายแสดง กราฟ inside
day ซึ่งไม่มีทิศทาง  (zero)  ทั้ง  Plus Directional Movement (+DM) และ  Minus Directional Movement (-
DM) จะหักล้างกันและกัน ค่าลบจะกลับเป็น 0 ทั้ง inside day จะมีค่าเป็น 0
 

การคำนวณ 

     ขั้นตอนการคำนวณ สำหรับ  Average Directional Index (ADX) จะอธิบายเป็นขั้นตอน Average True
Range (ATR)  จะไม่บอกละเอียดเพราะว่าอธิบายไว้ใน บทความอื่นแล้ว โดยทั่วไปแล้ว  ATR  คือเวอร์ชั่น
ของ Wilder   ส่วนเวอร์ชั่นที่สมูธ  Plus Directional Movement (+DM) และ  Minus Directional Movement
(-DM) จะถูกหารด้วยสมูธเวอร์ชั่นของ Average True Range (ATR) อีกทีเพื่อสะท้อนค่าความเคลื่อนไหว 

ตัวอย่างข้างล่าง คำนวณ ADX ภายใต้ค่า 14 วัน 

1. คำนวณ ค่า  True Range (TR), Plus Directional Movement (+DM) และ Minus Directional Movement
(-DM) สำหรับแต่ละช่วงเวลา
2. ปรับค่าให้สมูธ ด้วย Wilder เทคนิค ซึ่งจะอธิบายในส่วนถัดไป 
3. หารค่า  14-day smoothed Plus Directional Movement (+DM) ด้วย e 14-day smoothed True Range
เพื่อให้ได้ 14-day Plus Directional Indicator (+DI14) แล้วคูณด้วย  100  เพื่อเอาทศนิยมออก s +DI14   
Plus Directional Indicator (green line) จะพล็อตพร้อมกับเส้น ADX.
4. หารค่า  14-day smoothed Minus Directional Movement (-DM) ด้วย  14-day smoothed True Range เพื่อ
หาค่า  14-day Minus Directional Indicator (-DI14) หลังจากนั้นคูณ  100  เพื่อกำจัดทศนิยม    -DI14  คือ 
Minus Directional Indicator (เส้นสีแดง) จะพล็อตพร้อมกับ  ADX.
5. The Directional Movement Index (DX)  เท่ากับ ค่าสัมบูรณ์ของ  +DI14 น้อยกว่า  - DI14  หารด้วย
ผลรวมของ  +DI14 กับ - DI14  แล้วคุณผลลัพธ์ที่ได้ด้วย 100 เพื่อเอาทศนิยมออก 
6. หลังจากเสร็จแล้ว ต่อไปต้องคำนวณ  Average Directional Index (ADX)  ค่า ADX  แรก คือ  14-day
average of DX  ต่อมาก  ADX values จะถูกปรับค่าด้วยการคูณ ค่า  14-day ADX  ด้วย 13 ใส่ค่า  DX แล้ว
หารด้วย 14



     ข้างบนคือ ตาราง Excel พร้อมกับขั้นตอนการคำนวณ  มีช่องว่างการคำนวณ  119 day  เพราะว่าค่า 150
ต้องปรับสมูธ  การคำนวณสามารถคลิ๊กที่นี่  click here to download  เพื่อใช้ดูในรายละเอียด  กราฟข้างล่าง
แสดงตัวอย่างของการใช้ ADX ในตลาด Nasdaq 100 ETF (QQQQ)



การปรับค่า สมูธของ Wilder
 
     อย่างที่ได้เห็นในการคำนวณ  ADX   มีการปรับค่า  smoothing เข้ามาเกี่ยวข้องเต็มไปหมดและมันสำคัญที่
จะต้องเข้าใจผลกระทบของมัน เพราะว่าเทคนิคนี้สามารถใช้ข้อมูล 150 ช่วงเพื่อให้ได้ค่า  ADX  และ
Wilder ใช้เทคนิคเดียวกันกับการคำนวณ RSI และ  Average True Range และ ADX ใช้ค่า 30  ซึ่งจะไม่
แมทช์กับ ADX  ที่ใช้ค่า  150   ADX  กับ  150 days หรือมากกว่าจะยังคงทำให้มันคงที่ 
เทคนิคแรกที่ใช้ในการปรับค่าของ  +DM1, -DM1 และ  TR1 ใช้ค่า 14 วัน  เช่นเดียวกับ 
exponential moving average  การคำนวณเริ่มจากค่าแรกที่เป็นค่าผลรวมของ 14 ช่วงเวลาแรก ดังที่แสดง
ในตาราง 

First TR14 = ผลรวมของ 14 periods ของ TR1 
Second TR14 = First TR14 - (First TR14/14) + Current TR1 
Subsequent Values = Prior TR14 - (Prior TR14/14) + Current TR1
เทคนิคที่ 2 คือใช้ค่าปรับสมูทแต่ละช่วงของ  DX value กับ Average Directional Index (ADX) อันดับแรก
คำนวณ ค่าเฉลี่ยของ  14 days  เป็นจุดเริ่มต้น อันดับสอง ใช้เทคนิคการคำนวณข้างล่าง :

First ADX14 = 14 period Average of DX 
Second ADX14 = ((First ADX14 x 13) + Current DX Value)/14 
Subsequent ADX14 = ((Prior ADX14 x 13) + Current DX Value)/14


การตีความ 

     The Average Directional Index (ADX) ถูกใช้ในการวัดความแข็งแกร่งหรือว่าความอ่อนแรงของเทรนด์
ไม่ได้บอกทิศทางของการเคลื่อนไหว  ทิศทางของการเคลื่อนไหว วัดด้วยโดย +DI และ –DI  โดยทั่วไป
แล้ว ตลาดกระทิงมีความได้เปรียบเมื่อ +DI  มีค่ามากกว่า – DI   ขณะที่ตลาดหมีจะมีความได้เปรียบเมื่อ  -
DI  มีค่ามากกว่า การตัดกันของอินดิเคเตอร์สามารถรวมกันกับ  ADX ทำให้ระบบเทรดสมบูรณ์ 
ก่อนที่จะดูสัญญาณ โปรดระลึกไว้เสมอว่า  Wilder เป็นเทรดเดอร์ในตลาดโภคภัณฑ์และค่าเงิน ตัวอย่างใน
หนังสือจะใช้เครื่องมือเหล่านี้ ไม่ใช่หุ้น แต่นี่ไม่ได้หมายความว่ามันใช้กับหุ้นไม่ได้ บางครั้งหุ้นก็มีลักษณะ
คล้ายกับโภคภัณฑ์ ซึ่งผันผวนกว่าในระยะสั้นและมีเทรนด์ที่แข็งแรง  หุ้นที่ความผัวผวนต่ำอาจจะไม่
สามารถสร้างสัญญาณตาม Wilder's parameter  นักเทรดจะต้องปรับการตั้ง indicator หรือสัญญาณตาม
พฤติกรรมของหลักทรัพย์ 


ความแข็งแกร่งของเทรนด์ 

     การใช้  Average Directional Index (ADX) สามารถใช้ในการตัดสินว่าถ้าหลักทรัพย์นั้นมีเทรนด์หรือไม่ 
การวิเคราะห์นี้ช่วยเทรดเดอร์เลือกระหว่างจะเป็นระบบเทรดตามเทรนด์หรือว่าระบบสวิง  Wilder แนะนำ
ว่า เทรนด์ที่ชัดเจนจะเกิดขึ้นเมื่อ  ADX  อยู่สูงกว่า  25 และไม่มีเทรนด์เมื่อค่าต่ำากว่า  20 ซึ่งค่อนข้างว่า
อาจจะมีพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่าง  20 และ  25 อย่างที่กล่าวไว้ตอนแรก นักเทรดอาจจะต้องปรับการตั้งค่า
เพื่อเพิ่มความอ่อนไหวของสัญญาณ   ADX ยังคงมี Lag บ้างแต่ก็ยอมรับได้ เพราะว่ามีการปรับใช้สมูธ
เทคนิค ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ระดับ 20 เป็นสำคัญ สำหรับ ADX


     กราฟข้างบนแสดงหุ้น Nordstrom (JWN)  พร้อมกับ  50-day SMA และ 14-day Average Directional
Index (ADX) หุ้นเคลื่อนไหวจากเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแกร่งในเดือน  April-May แต่  ADX ยังคงอยู่สูงกว่า 
20  เพราะว่าเทรนด์ขาขึ้นอย่างรวดเร็วเปลี่ยนเทรนด์ขาลงอย่างรวดเร็ว  มีช่วงไม่มีเทรนด์เนื่องจากหุ้นเกิด
Bottom ในเดือนกุมภาพันธ์ และ เดือนสิงหาคม เทรนด์ที่แข็งแกร่งเกิดหลังจากเดือน August เมื่อ ADX อยู่
สูง 20 และยังคงอยู่สูงกว่า 20 


DI Crossover System

     Wilder ใส่ระบบเทรดที่ธรรมดากับ Indicator ADX สิ่งแรกที่ต้องใช้คือ  ADX ต้องอยู่เหนือ  25 นี่ทำให้
ราคาเป็นเทรนด์ เทรดเดอร์หลาย ๆ คนใช้  20 เป็น key level  สัญญาณ Buy เกิดขึ้นเมื่อ +DI ตัดเหนือ  - DI 
ของ Wilder ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ ราคา Low ของสัญญาณ Day   สัญญาณจะอยู่ตราบเท่าที่ราคา Low ยังอยู่อย่าง
นั้น แม้ว่า  +DI ตัดกลับมาต่ำกว่า  - DI   ให้รอราคา Low หมดก่อน สัญญาณตลาดกระทิงจะเกิดขึ้น เมื่อ 
ADX เลี้ยวกลับขึ้นและเทรนด์แข็งแกร่ง  เมื่อเทรนด์พัฒนาและเราเริ่มกำไร เทรดเดอร์จะต้องใส่ Trailing
Stop เมื่อเทรนด์ไปต่อ  เมื่อ - DI  ตัดสูงกว่า  +DI ราคา high ของวันที่เกิดสัญญาณ Sell จะกลายเป็นจุดส่ง
Stop loss


     กราฟข้างบนแสดงหุ้น  Medco Health Solutions  พร้อมกับ ADX ซึ่งใช้ค่า 20 แทน 25 การตั้งค่าต่ำ
หมายความว่าให้สัญญาณที่ดีมากกว่า เส้นสีเขียวแสดงสัญญาณ Buy สีแดงแสดงสัญญาณ Sell กราฟแสดง
สัญญาณ  +DI และ  - DI ตัดกัน บางครั้งเกิด  ADX สูงกว่า  20 เป็นสัญญาณที่ถูกต้อง  ซึ่งส่วนอื่นเป็น
สัญญาณที่ไม่ถูกต้อง  ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ระบบส่งสัญญาณหลอกมากมาย มีสัญญาณดีและสัญญาณไม่ดี
ปะปนกัน แต่หลักคือต้องใช้กับ Indicator ตัวอื่นๆ ตัอวย่างเช่น กลุ่มแรกที่มีสัญญาณหลอก ในเดือน
September 2009 เกิดในช่วงกราฟกระจุกตัว  ซึ่งคล้ายกับรูปธง ซึ่งเกิดเป็นการกระจุกตัวสัญญาณตลาด
กระทิง เราควรจะใช้จังหวะนี้ไม่ดูสัญญาณ Sell และดูสัญญาณ Buy อย่างเดียว ในเดือน  June 2010
สัญญาณ buy เกิดขึ้นใกล้สัญญาณแนวต้าน ซึ่งเกิดที่ระดับจุดพักฐาน  50-62%  ซึ่งควรจะไม่สนใจสัญญาณ
Buy ณ จุดนี้


     กราฟข้างบนแสดง  AT&T (T) พร้อมกับสัญญาณเทรดตลอด  12  เดือน สัญญาณ 3 ครั้งค่อนข้างดี และมี
กำไร พร้อมกับต้องใช้ Trailing Stop   Wilders ใช้  Parabolic SAR ตั้ง Stop loss จะสังเกตุว่าไม่มีสัญญาณ
Sell ระหว่างเดือน March  และ  July  เพราะว่า  ADX  ไม่อยู่สูงกว่า  20 เมื่อ  -DI ตัดอยู่เหนือ  +DI ในช่วง
ปลายเดือน  April.


สรุป

     การคำนวณ ADX นั้นซับซ้อน การตีความค่อนข้างตรงไปตรงมา และการจะนำไปใช้ต้องอาศัยการฝึก  +DI
และ  - DI ตัดกันค่อนข้างบ่อย นักเทรดต้องกรองสัญญาณเหล่านี้โดยการวิเคราะห์เพิ่มเติม การตั้งค่า  ADX
เพิ่มจะช่วยลดสัญญาณหลอก แต่ว่าถ้าตั้งแข็งมากก็จะลบสัญญาณเทรดที่ดีออกไปด้วยเช่นกัน อีกแง่หนึ่ง
นักเทรดอาจจะต้องพิจารณาการไม่ใช้ ADX แล้วดูเฉพาะสัญญาณ DI อย่างเดียว ซึ่งการตัดกันของสัญญาณ
จะคล้ายกับการสร้างสัญญาณของ Momentum Oscillator  ดังนั้น นักเทรดต้องอาศัยสัญญาณยืนยัน 
Indicator ที่ใช้ Volume ในการคำนวณ เทรด์ หรือรูปแบบกราฟ สามารถช่วยบอกความแตกต่างระหว่างตัว
สัญญาณที่ชัดเจนและสัญญาณที่อ่อน  ตัวอย่างเช่น นักเทรดสามารถโฟกัส  +DI  เมื่อเทรนด์ใหญ่ ๆ คือ ขา
ขึ้น และ  - DI  คือสัญญาณเมื่อเทรนด์ใหญ่เป็นขาลง 



ลิขสิทธิ์ Traderider.com
ผู้แปล Mamay