..ขอบคุณค่าาาาา..

ขอให้รวย ขอให้รวย ไปด้วยกันทุกๆท่าน นะคะ..

(Nov 25) ตลาดการเงินตอบรับการเลือกนาง Janet Yellen ให้มาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ของนาย Joe Biden เป็นอย่างดี

หลังจากนาย Joe Biden ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเสนอชื่อนาง Janet Yellen อดีต FED Chair ระหว่างปี 2014-2018 ให้มาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ของสหรัฐฯ นั้น

ข่าวดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากหลายฝ่ายทั้งในระดับประเทศและนานาชาติจากกลุ่มนักการเมือง นักวิชาการ และผู้ร่วมตลาดต่าง ๆ

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ต่างมองว่านาง Yellen ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านที่รออยู่ ทั้งเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อาจจะไม่ได้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ความไม่แน่นอนเรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ หน้าที่ในการโน้มน้าวหลายฝ่ายที่มีความเห็นแตกต่างกันให้มาสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต นโยบายเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนและประเด็นการคว่ำบาตรทางการค้าในระดับนานาชาติ การบริหารหนี้ของภาครัฐที่อยู่ในระดับสูง การปฏิรูป Fannie Mae และ Freddie Mac การนำเอาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้ามาประกอบการพิจารณา financial regulatory framework รวมทั้งอาจต้องเร่งพิจารณาเป็นการด่วนในประเด็นเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายหน้าต่างที่กำลังจะหมดอายุในสิ้นปีนี้

อนึ่ง นาง Yellen ได้ชื่อว่าเป็นผู้มี stance ที่ค่อนข้าง Dovish โดยนาง Yellen เคยกล่าวว่าการหยุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายภาครัฐอย่างฉับพลันจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจปรับช้าลง เหมือนที่เคยเกิดในช่วงปี 2007-2009 รวมทั้งเห็นว่าตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ การกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อมาช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้กลับมาอยู่ในระดับเดิมก่อนเกิดวิกฤตมีความเสี่ยงด้านต่ำค่อนข้างน้อย

Sentiment ในตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังปรับดีขึ้นต่อเนื่องมาในวันนี้ตามการคาดการณ์เชิงบวกต่อการออกมาตรการทางการคลังเพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังว่าที่ประธานาธิบดี Biden จะเสนอชื่อนาง Janet Yellen อดีต Federal Reserve Chair เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำให้วันนี้ทั้งดัชนี Dow Jones Industrial Average และดัชนี S&P500 ปรับสูงขึ้นมาทำระดับ historical high ที่ 30,046.24 จุดและ 3,635.41 จุด ตามลำดับ ซึ่งนำโดยกลุ่ม Energy (5.16%), Financials (3.53%), Material (2.50%) และ Communication Services (2.30%) โดยที่ราคาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.04 และปิดที่ 44.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวสอดคล้อง โดยปรับเพิ่มขึ้น 1-6 bps ในลักษณะ steepen curve

Source: BoTSS

 

อ้างจาก: lnweakky ที่ 25, พฤศจิกายน  2020, 10:54:01 AM

สวัสดีตอนเช้า ครับ

ขอบคุณครับบบบ 

กราฟคู่เงิน EAUD กราฟลงมาทำ new low ได้อีกรอบแล้วนะครับ เป้าการลงในรอบนี้อยู่ที่ราคา 1.6057-1.6005 ตามลำดับ โดยแนวต้านในวันนี้อยู่ที่ราคา 1.6218และ1.6271 ซึ่งเป็นแนว supply zone ที่เคยดันกราฟลงมาในอดีตครับ หากกราฟขึ้นไปทดสอบแนวต้านนี้คาดว่ากราฟน่าจะดีดตัวลงมาได้ไม่ยาก หากท่านใดหาจุดทุบกันอยู่ก็ลองนำแนวต้านสองแนวนี้ไปพิจารณากันดูนะครับ แต่หากกราฟไม่ดีดตัวลงตามที่คาดแล้วขึ้นไปเหนือราคา 1.6334 ได้ก็ควรรีบตัดขาดทุนทันทีครับ

กราฟคู่เงิน AU กราฟที่ TF DAY ยังเป็นขาขึ้นอยู่นะครับ ตอนนี้กราฟก็ขึ้นมาถึงเป้าหมายแรกที่ราคา 0.7356 ได้เรียบร้อยแล้วนะครับ กราฟมีโอกาสที่จะพักตัวลงลึกจากจุดนี้ได้ โดยเป้าการพักตัวลงในรอบนี้มองว่าน่าจะลงมาได้ถึงราคา 0.7250 หรือ อาจจะลงมาถึง 0.7150 ก็เป็นได้เช่นกัน โดยแนวต้านวันนี้ที่จะใช้เป็นจุดทุบอยู่ที่ราคา 0.7364 ส่วนจุดตัดขาดทุนคือเหนือราคา 0.7413 ครับ และถ้ากราฟขึ้นไปชน SL จริงๆค่อยไปรอดักทุบจากด้านบนที่ราคา 0.7460 กันอีกทีครับ

กราฟคู่เงิน UCHF ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่กราฟยังอยู่ในช่วง sideway นะครับ แต่แนวโน้มในภาพรวมของ TF DAY กราฟยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงอยู่ แผนการเทรดในวันนี้ก็จะมาดักทุบเก็บรอบสั้นกันนะครับ โดยแนวต้านที่จะใช้เป็นจุดทุบวันนี้อยู่ที่ราคา 0.9177และ0.9204 คาดว่าหากกราฟขึ้นไปทดสอบแนวต้านสองแนวนี้กราฟน่าจะดีดตัวลงมาได้บ้าง อย่างน้อยๆก็อาจจะลงมาหาแนวรับ 0.9120 ได้อีกรอบครับ แต่หากกราฟไม่ลงมาตามที่คาดแล้วขึ้นไปเหนือราคา 0.9235 ได้แทนก็ต้องรีบตัดขาดทุนไปก่อนครับ

กราฟคู่เงิน UCAD เมื่อวานนี้กราฟก็ปิดแท่ง Day เป็นแท่งแดงหลุดกรอบ sideway ลงมาได้แล้วนะครับ เป้าหมายการลงในรอบนี้น่าจะลงมาได้ถึงราคา 1.2871 ครับ ส่วนแนวต้านที่จะใช้เป็นจุดทุบลงไปหาเป้าวันนี้คือแนวต้านที่ราคา 1.3050 หากกราฟขึ้นไปทดสอบก็สามารถทุบลงมาได้ทันที จุดตัดขาดทุนคือเหนือสวิงไฮ 1.3175 ครับ

กราฟ กำลังมารับ นะครับ

อ้างจาก: admin ที่ 25, พฤศจิกายน  2020, 07:20:11 PM
กราฟ กำลังมารับ นะครับ

รออยู่เลยครับ 

นายริชิ ซูแนค รัฐมนตรีคลังอังกฤษ แถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะหดตัวลง 11.3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบกว่า 300 ปี โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นายซูแนคยังกล่าวว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นจนกว่าจะถึงไตรมาส 4 ของปี 2565

นายซูแนคเปิดเผยว่า หนี้สาธารณะจะพุ่งขึ้นแตะ 3.94 แสนล้านปอนด์ (5.26 แสนล้านดอลลาร์) ในปีงบประมาณ 2563/64 ซึ่งเทียบเท่ากับ 19% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการที่รัฐบาลทำการใช้จ่ายฉุกเฉินและมีการปรับลดภาษีเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19



นายซูแนคกล่าวว่า รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะต้องใช้งบประมาณ 2.8 แสนล้านปอนด์ในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์โควิด-19 ในปีนี้

นายซูแนคระบุว่า ภารกิจสำคัญที่สุดของรัฐบาลคือการปกป้องสุขภาพและวิถีชีวิตของประชาชน

นอกจากนี้ รัฐบาลจะทุ่มงบประมาณในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาคนว่างงาน ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 2.6 ล้านคนภายในไตรมาส 2 ของปีหน้า

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

(Nov 25) 'ไบเดน'ลั่นอเมริกากลับมาแล้ว พร้อมคืนบัลลังก์ผู้นำโลก : โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐลั่น "อเมริกากลับมาแล้ว และพร้อมจะเป็นผู้นำโลก" โดยเปิดรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีด้านความมั่นคงและการต่างประเทศเมื่อวันอังคาร บ่งบอกชัดเจนว่า เขาจะนำสหรัฐกลับเข้าสังคมโลกพหุภาคีอีกครั้ง หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างปฏิปักษ์และทำห่างเหินกับชาติพันธมิตรด้วยนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน"

โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ (กลาง) แนะนำผู้ที่เขาเสนอชื่อรับตำแหน่งสำคัญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563

    โจ ไบเดน วัย 78 ปี ซึ่งเคยเป็นรองประธานาธิบดี 8 ปีในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ เมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน เพื่อเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เขาเลือกมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ, ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง ทูตประจำองค์การสหประชาชาติ และผู้แทนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    "ข้าราชการเหล่านี้จะฟื้นฟูความเป็นผู้นำระดับโลกและความเป็นผู้นำด้านศีลธรรมของอเมริกา" ไบเดนกล่าวโดยมีบุรุษและสตรี 6 คนในตำแหน่งข้างต้นยืนอยู่ด้านหลัง

    ไบเดนกล่าวว่า เมื่อรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม และโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากทำเนียบขาวแล้ว สหรัฐจะ "กลับมานั่งหัวโต๊ะอีกครั้ง พร้อมจะเผชิญหน้ากับศัตรูของเรา และไม่ปฏิเสธพันธมิตรของเรา"

    "นี่คือทีมที่สะท้อนข้อเท็จจริงว่า อเมริกากลับมาแล้ว พร้อมที่จะเป็นผู้นำโลก ไม่ถอยหนีจากโลก" ไบเดนกล่าวเหน็บแนมถึงนโยบายลุยเดี่ยว "อเมริกามาก่อน" ของทรัมป์

    ด้านทรัมป์กำลังเข้าตาจนมากขึ้น เมื่อรัฐเพนซิลเวเนียและเนวาดาให้การรับรองว่าไบเดนคือผู้ชนะเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนในรัฐนั้น หนึ่งวันก่อนหน้านี้รัฐมิชิแกนก็เพิ่งรับรองว่าไบเดนคือผู้ชนะ และทำให้สำนักบริหารการบริการทั่วไป (จีเอสเอ) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่ไบเดนอย่างเป็นทางการ และทรัมป์อนุมัติ ซึ่งเท่ากับเขายอมรับความพ่ายแพ้โดยปริยาย

    กระนั้น ในวันอังคาร ทรัมป์ยังคงดื้อแพ่งด้วยการทวีตภาพเขาในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว พร้อมคำบรรยายภาพว่า "ผมไม่ได้ยอมรับอะไรทั้งนั้น"

    การตัดสินใจของจีเอสเอเปิดทางให้ไบเดนเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ และจะอนุญาตให้ผู้ช่วยของเขาได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนาที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันแล้วกว่า 259,000 คน และทำให้ตกงานอีกหลายสิบล้านคน

    ไบเดนกล่าวกับเอ็นบีซีในการให้สัมภาษณ์ทีวีครั้งแรกนับแต่ชนะเลือกตั้งว่า การทำงาน 100 วันแรกของเขา เขาจะจัดการกับวิกฤติโควิด ทิ้งนโยบายของทรัมป์ที่ "ทำลาย" สิ่งแวดล้อม และผลักดันกฎหมายที่เสนอเส้นทางสู่การเป็นพลเมืองสำหรับผู้อยู่อาศัยในสหรัฐที่ไม่มีเอกสารหลายล้านคน

    รายชื่อที่ไบเดนเปิดเผยนั้นเต็มไปด้วยอดีตเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลโอบามา และส่งสัญญาณว่าเขาจะนำสหรัฐกลับเข้าสู่ระบบพหุภาคีและการทูตแบบเก่า

    เขาเลือกแอนโทนี บลิงเคน อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลโอบามา รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บลิงเคนประกาศชัดเจนว่าสหรัฐไม่สามารถแก้ปัญหาโลกด้วยตนเองเพียงชาติเดียว "เราจำเป็นต้องทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ"

    จอห์น แคร์รี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้รับเลือกเป็นทูตพิเศษด้านภาวะโลกร้อน เขายืนยันว่าสหรัฐจะกลับเข้าสู่ความตกลงปารีสที่ทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวเมื่อต้นเดือนนี้

    นอกจากนี้ ไบเดนยังเลือกอาเลฮันโดร มายอร์กัส ที่มีเชื้อสายคิวบา เป็นรัฐมนตรีความมั่นคงมาตุภูมิ แอฟริล เฮนส์ เป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง และจะเป็นผู้หญิงคนแรกในตำแหน่งนี้ เจค ซัลลิแวน เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และคาดด้วยว่า เจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลาง จะได้เป็นรัฐมนตรีคลังหญิงคนแรก

Source: Thaipost
https://www.thaipost.net/main/detail/85052