(May 7) แบงก์ชาติอังกฤษมีมติคงดอกเบี้ย 0.1% ส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นศก.เพิ่มเติมหากจำเป็น : คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 2 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ในการประชุมวันนี้ พร้อมกับคงวงเงินในการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไว้ที่ 6.45 แสนล้านปอนด์

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางอังกฤษยืนยันว่า ธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม หากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงย่ำแย่ลง

แถลงการณ์ของคณะกรรมการ MPC ระบุว่า "MPC จะยังคงติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน"

ธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษจะทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ขณะที่อัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่รัฐบาลอังกฤษจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ธนาคารกลางก็เชื่อว่า การชะลอตัวของ GDP จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และหลังจากนั้นจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอลง

ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษจะประกาศผลการทบทวนมาตรการล็อกดาวน์รอบที่สองในวันนี้ หลังจากที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอังกฤษพุ่งขึ้นแซงหน้าอิตาลี และทำสถิติประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในยุโรป

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/กัลยาณี

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า การยุติมาตรการล็อกดาวน์ควรดำเนินการอย่างระมัดระวังให้มากที่สุด หลังจากที่หลายประเทศกำลังพิจารณาแนวทางการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวมากขึ้นเรื่อยๆ

"มีความเป็นได้สูงมากที่จะกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ หากไม่บริหารจัดการกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วยความระมัดระวังสูงสุด และแบ่งการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวออกเป็นระยะๆ" นายแพทย์ทีโดรสกล่าวในระหว่างงานแถลงข่าวทางออนไลน์ที่นครเจนีวาเมื่อวานนี้



สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายแพทย์ทีโดรสได้ระบุถึงหลักเกณฑ์หกข้อที่ WHO แนะให้ประเทศต่างๆ นำไปพิจารณา ประกอบด้วยการเฝ้าระวังที่เข้มงวด การกักตัว การตรวจหาเชื้อ การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อทุกรายและติดตามทุกคนที่สัมผัสกับผู้ป่วย การใช้มาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพทั้งในที่ทำงานและโรงเรียน ตลอดจนการขอความร่วมมือจากประชาชนให้ปฏิบัติตาม "วิถีปกติแบบใหม่ (New Normal)" หลังจากคลายล็อกดาวน์

ทั้งนี้ นายแพทย์ทีโดรสเผยว่า ขณะนี้ WHO ได้รับรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 3.5 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 250,000 ราย โดยตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีการรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ย 80,000 รายต่อวัน



"จำนวนที่รายงานนั้นไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข เพราะผู้ป่วยแต่ละรายล้วนเป็นพ่อ แม่ ลูก พี่ น้องหรือเพื่อน" นายแพทย์ทีโดรสกล่าวทิ้งท้าย


--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุภัค โห้พึ่งจู/รัตนา