การขึ้นหรือลงของราคาเป็นผลจากความไม่สมดุลย์ออเดอร์ที่มาจาก sellers และ buyers ที่เกิดขึ้น ณ ราคาและ เวลานั้นๆ เนื่องจาก market orders ที่เกินมาต่อเนื่อง เลยทำให้ต้องวิ่งหา liquidity ที่กำหนดไว้ในตลาดด้วย limit orders ที่ราคาต่อไป เงื่อนไขอย่างหนึ่งที่เทรดเดอร์ต้องการเมื่อเปิดเทรดคือต้องการให้ราคาวิ่งไปทางที่เปิดเทรดได้ง่าย และมากพอที่จะทำกำไรหรือถึงจุด take profit ได้ตามที่ต้องการได้ การกำหนด trade setup มีหลายเรื่องประกอบกัน เรื่องของทางที่ราคาจะวิ่งไปหลังเปิดเทรดเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเปิดเทรดทุกครั้ง ต้องให้เห็นว่าทางที่ราคาจะวิ่งไปมีตัวต้านทานหรือออเดอร์ตรงข้ามที่จะหยุดราคามีน้อยหรือไม่มีเลยยิ่งดี ตอนที่เกิดออเดอร์ต่อเนื่องทางที่เปิดเทรดเพื่อให้ราคาถึงเป้าได้ง่ายและเร็ว

จำกัดความ Resistance ตัวต้านทานทั้งสำหรับ Support และ Resistance


เมื่อมีการเปิดเทรดด้วย Market order เช่นเปิด Buy ออเดอร์ตรงข้ามที่ท่านต้องการ ณ  ราคาและเวลาที่เปิดเทรด คือราคา Ask ตอนนั้นๆ การเปิดเทรดค่อยเกิดขึ้นได้ ถ้าราคา Ask นั้นๆ มี sell limit orders ด้วยจำนวนเยอะ และมากเกิน Buy market orders ตลอด sell limit orders ที่ราคา Ask นั้นๆ เลยทำให้ราคา Ask นั้นๆ มีตัวต้านทาน (resistance) หรือ sell limit orders พอที่จะหยุด buy market oders ไม่ให้ขึ้นไปหาราคาต่อไปได้ แต่ถ้าพื้นที่ราคาใกล้ๆ กัน แถวนั้นมีกอง sell limit orders มากหรือ cluster of sell limit orders ทำให้เรียกพื้นที่ตรงนี้เป็นแนวต้านหรือ resistance หรือ supply ในทางกลับกันถ้าท่านจะเปิด Sell ออเดอร์ตรงข้ามที่ท่านต้องการคือ buy limit order ณ ราคาและเวลาที่ท่านเปิดเทรด การเปิดเทรดค่อยเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มี buy limit order ที่ราคานั้น ราคาก็จะลงไปหา buy limit order ที่ราคาล่างลงไปอีก ถ้า buy limit orders มากพอและเกิน sell market oders ที่เปิดเข้าไป ตรงราคาที่มี buy limit orders ก็เป็นตัวต้านทานหรือทำให้ราคาหยุด (resistancce) สำหรับแนวรับหรือ support หรือ demand

ออเดอร์ที่เป็นตัว resistance ลดทำให้เกิด path of least resistance


จากหลักการที่อธิบายมาข้างต้น ดูในภาพด้านบนที่เลข 1 หลังจากที่ราคาได้เบรคลงมา ดูตรงพื้นที่ที่บอกว่าเป็น swap level ที่บอกว่าเป็นจุดเปลี่ยนจาก demand กลายมาเป็น supply หรือจากพื้นที่แนวรับกลายมาเป็นแนวต้าน เทรดเดอร์ที่เห็นตรงนี้ก็คาดหวังที่จะเทรดตามเทรน เมื่อราคากลับมาก็จะกำหนด sell limit orders พื้นที่ตรงนั้น ดูตรงที่เลข 1 ที่บอกว่า Sell Limit โดนใช้ไป การที่ราคาวิ่งขึ้นมาไปถึงพื้นที่ตรงนั้น นอกจากเปิดโอกาสให้ sell limit orders ได้เข้าเทรดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันคือ ลดตัวต้านทานหรือ sell limit orders พื้นที่ตรงนั้นไปได้ ดังนั้นเมื่อมองจากภาพและตรรกะเรื่องออเดอร์และการเคลื่อนไหวของราคาจะเห็นว่า ที่จุดเลข 1 และ 2 ที่บอกว่า Sell Limit โดนลดลงไป คือการที่ราคาได้กลับมาพื้นที่ตรงนั้น ก่อนที่ราคาจะขึ้นไปได้ง่ายตามที่ลูกศรชี้เ พราะตัวที่เคยเป็นตัวต้านทานมีการลดไปหรือใช้ไป เลยทำให้ตัวต้านทานน้อยลง (least resistance) เลยทำให้ราคาวิ่งผ่านไปได้ง่าย

ผลที่เกิดขึ้นพร้อมกับการลดตัวต้านทาน

สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจเรื่องราคาวิ่งไปทางใดทางหนึ่งแล้วเกิดราคาเด้งกลับมา เมื่อมองจากชาร์ตเรามักจะบอกว่า trading pressure เกิดทางฝั่งนั้นๆ มากพอเลยทำให้ราคาเด้งกลับมา โดยเฉพาะมีเรื่องขนาดของแท่งเทียนและความเร็วของการเคลื่อนไหวของราคามาประกอบด้วย ยิ่งบอกถึงว่า trading pressure เช่นอย่างรูปแบบที่เห็นบ่อยเรื่องที่ spiking bar หรือเห็นบาร์ที่มักจะแทงหางยาวๆ และราคากลับมาที่เดิม แต่ราคาไม่สามารถเบรค high/low ได้ อย่างตัวอย่างภาพด้านบน ราคา spiking หรือแทงหางขึ้นไปด้านบนเพื่อเคลียร์ออเดอร์หรือลดตัวต้านทาน สร้างเป็น Pin Bar สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันคือได้แปลง sell limit orders พร้อมที่รอเข้าตลาดเพราะรอเงื่อนไขราคาได้เข้าตลาด กลายมาเป็น short positions ไปในตัวด้วย ถ้าราคากลับมาอีกทีและเกินพื้นที่เดิมที่เทรดเดอร์พวกที่ถือ postions พวกนี้อยู่ในตลาดก็จะเดือดร้อน ดังนั้นพอราคากลับมาอีกทีหลังจากที่ราคาได้กลับมาก่อนเพื่อลดออเดอร์หรือทำให้ทางไปของราคาไปได้ง่าย และพอราคาเบรคตรงนี้อีกทีก็จะมีการออกจากตลาดของเทรดเดอร์ที่ติดลบเป็นตัวเร่งราคาให้วิ่งเร็วอีกด้วย


ภาพด้านบนเป็นตัวอย่างจะเห็นว่าหลังจากราคาได้ลงมาจาก resistance ราคาได้ย่อตัวกลับมา 3 ครั้งที่ตอนลงมาราคาได้มีการย่อตัวกลับไป แม้ว่าบอกถึง sell trading pressure ต่อเนื่องจากที่ราคาลงมาจาก resistance ก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยคือการที่ราคาย่อตัวไปกลับเป็นการลด sell limit orders พื้นที่ราคากลับไปนั้นๆ ด้วย เลยทำให้พื้นที่นี้ๆ เป็น path of least resistance เกิดขึ้น พอราคากลับมาและมี buy market orders ต่อเนื่องมากพอและเกิน เลยทำให้ราคาผ่านได้ง่าย อย่างที่เห็นตรงพื้นที่ลูกศรชี้ที่ราคากลับมาและผ่านได้ง่ายด้วย เพราะราคามีการย่อตัวกลับไปก่อนที่จะลงมา ในทางกลับกันราคาวิ่งขึ้นไปหา resistance ด้านบนได้ ก่อนที่ราคาจะถึงมีการย่อตัวลงล่างอีก ทำแบบเดียวกันกับตรรกะก่อนนี้แค่คนละทาง ที่เลข 4 5 และ 6 เห็นได้ชัด และที่น่าเทรดเพราะราคาแม้เด้งขึ้นจาก 4 5 และ 6 ราคากลับไม่สามารถเบรค resistance ได้ด้วย momentum ด้วยบาร์ยาวๆ และปิดทางที่เบรคได้ เลยทำให้เทรดเดอร์ที่รอเข้าหันมาสนใจเพราะเป็น resistance ด้วย เพราะมีการทำให้เกิด path of resistance ด้วย เพราะมี trapped traders ที่เกิดขึ้นตอนที่ทำให้เกิด path of resistance ที่ยังอยู่ในตลาดด้วย เลยทำให้เทรดเดอร์อยากเปิดเทรดทาง sell และพอราคาเบรคตรงที่เป็น support จากพื้นที่เลข 4 5 และ 6 ด้วยออเดอร์ที่ช่วยเร่งราคาจากเทรดเดอร์ที่ติดลบ และเทรดเดอร์ที่หันมาเทรดแบบ breakout traders ด้วย เลยทำให้ราคาวิ่งลงได้ง่ายและเร็ว

ดังนั้น เมื่อท่านกำหนด trade setup ได้สิ่งที่ต้องดูให้ดีคือดูว่าทางที่ท่านเปิดเทรดราคามีความเป็นไปได้สูงที่จะวิ่งผ่านได้ง่ายหรือเปล่า เพราะมีตัวต้านทานได้ลดหรือใช้ไปบ้างแล้ว ถ้ามีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะวิ่งผ่านทางนั้นก็จะวิ่งได้ง่ายและเร็วตามที่อธิบายมา