(Nov 7) สงครามการค้ามีอิทธิพลมากกว่าเลือกตั้ง นักวิเคราะห์ชี้ จีน-สหรัฐจะทำสงครามการค้าไปอีกระยะ - นักวิเคราะห์ชี้ การทำสงครามการค้ากับจีนของทรัมป์มีความสำคัญต่อตลาดมากกว่าการเลือกตั้งกลางเทอม มองสองประเทศจะยังคงทำสงครามการค้าไปอีกระยะ และไม่คาดหวังมากว่าจะมีความคืบหน้าจากการประชุมระหว่างทรัมป์ และสี ในปลายเดือนนี้ โดยสหรัฐน่าจะเก็บภาษีจีนอีกในปีหน้า
แม้มีการคาดหวังในระดับหนึ่งว่าบรรยากาศหลังการเลือกตั้งกลางเทอมและการประชุมที่จะมีขึ้นระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่บัวโนส ไอเรส ในปลายเดือนนี้ จะทำให้บรรยากาศในการเจรจาการค้าที่จะเริ่มขึ้นใหม่ดีขึ้น แต่นักวิเคราะห์ยังคงสงสัยและกล่าวว่าความตึงเครียดทางการค้าอาจเลวร้ายลงก่อนที่จะดีขึ้น โดยจะมีการเก็บภาษีอีกในปี 2562
ทรัมป์กล่าวว่าเขาได้หารือกับสีในสัปดาห์ที่ผ่านมาและจีนต้องการที่จะทำข้อตกลง แต่นักกลยุทธ์หลายคนกล่าวว่า ดูเหมือนจะยังไม่มีการเจรจาที่มีสาระสำคัญและทั้งสองฝ่ายยังไม่พบความเห็นร่วมกัน ในขณะเดียวกัน สีได้เปรียบเปรยในงานเอ็กซ์โปเมื่อวันจันทร์ว่า มีรอยร้าวมากระหว่างสองประเทศ แม้ว่าไม่ได้เอ่ยชื่อสหรัฐโดยตรง
เกรก วาลเลียร์ หัวหน้านักกลยุทธ์ฮอไรซอน อินเวสเมนต์ กล่าวว่า บรรยากาศดีขึ้นเล็กน้อยแต่คิดว่าทรัมป์หารือกับสีทางโทรศัพท์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะเขารู้ว่าตลาดจะพอใจ และเขาต้องการที่จะเห็นตลาดปรับตัวขึ้นก่อนการเลือกตั้ง ส่วนสีได้วิจารณ์เมื่อสุดสัปดาห์เพื่อชี้ว่า ยังอีกยาวไกลที่จะได้ข้อตกลง
มาร์ก แชนเดิลเลอร์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของแบนน็อกเบิร์น โกลบัล ฟอเร็กซ์ กล่าวว่า การปราศรัยของสีไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขากำลังจะยอมจำนน สีและจีนทำข้อตกลงกับสตีเวน มนูชิ รัฐมนตรีคลังสหรัฐเมื่อต้นปีนี้เพื่อลดการขาดดุลการค้า โดยจีนจะซื้อสินค้ามากขึ้น เช่น สินค้าเกษตรและพลังงาน แต่หลังจากนั้นทรัมป์กล่าวว่ายังไม่มีข้อตกลงซึ่งทำให้ความสัมพันธ์เลวร้ายลง จีนกำลังมองว่านี่เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนานและกำลังพยายามที่จะหาหนทางเกี่ยวกับเรื่องนี้
แชนเดิลเลอร์ กล่าวว่า หากพรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาล่างตามที่คาด ทั้งสองพรรคในสภาคองเกรสก็จะต้อสู้กับจีนเนื่องจากมองว่าจีนเป็นผู้ร้ายที่ทำร้ายคนงานอเมริกันและแย่งงานจากสหรัฐ ดังนั้นจึงไม่คิดว่าความสัมพันธ์กับจีนจะเปลี่ยนไปหลังการเลือกตั้ง
แกรี่ ฮัฟบาวเออร์ นักวิชาการอาวุโสของปีเตอร์สัน อินสติติว กล่าวว่า ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการพักเรื่องจีนไว้ในขณะที่จะมีการเลือกตั้งในวันอังคาร แต่คาดว่าสงครามการค้ากับจีนจะดำเนินต่อไปจนทรัมป์ครบวาระนอกเสียจากว่าธุรกิจหรือผู้บริโภคเดือดร้อนมากเกินไป
ฮัฟบาวเออร์มองว่าจะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากหากมีความคืบหน้าในการเจรจาสิ้นเดือนนี้และจะยิ่งน่าแปลกใจเป็นสองเท่าหากทรัมป์ไม่ทำอะไรในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ทรัมป์ได้กล่าวว่าจะขึ้นอัตราภาษีที่เก็บกับสินค้าจีนในวงเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์จาก 10% เป็น 25% หากไม่มีอะไรดีขึ้น
อย่างไรก็ดี แดเนียล คลิฟตัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยนโยบายของสเตรเตกาส กล่าวว่า ทรัมป์จะยับยั้งความตึงเครียดกับจีนก่อนที่มันจะทำร้ายเขาในทางการเมือง ทรัมป์ต้องการที่จะได้รับเลือกตั้งอีกครั้งมากกว่าสิ่งใด และเขาก็ไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจล่มจมก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ และเพราะว่านี่เป็นปีที่มีการเลือกตั้งกลางเทอม ทรัมป์พยายามที่จะเพิ่มฐานเสียง และยังทุ่มสุดตัวก่อนที่จะทำข้อตกลง ดังนั้นจึงเดาว่าทรัมป์สามารถทำข้อตกลงการค้าได้หลังเลือกตั้งกลางเทอมและจากนั้นจะเพิ่มแรงกดดันทางภูมิศาสตร์การเมืองหลังได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง
นักกลยุทธ์ของแบล็กร็อก กล่าวว่า การเลือกตั้งกลางเทอมอาจทำให้เกิดความผันผวนในระดับหนึ่งแต่การค้ายังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญกว่าที่จะคุกคามต่อตลาดและการเติบโตทั่วโลก หากความตึงเครียดทางการค้าไม่ลุกลามจะเป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้น และการประชุมระหว่างทรัมป์และสี ในปลายเดือนนี้จะเป็นสัญญาณสำคัญที่ชี้ว่าความตึงเครียดจะลดลงหรือร้อนแรงขึ้นอีกในปี 2562
Source: ข่าวหุ้น