เริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรด Forex
รีวิวการสอบกองทุน Forex
"My Forex Funds"
จากการทยอยเปิดตัวขึ้นมาเป็นจำนวนมากของบริษัท prop trading ในตลาดที่มอบข้อเสนอบัญชีกองทุนที่อาจมีมูลค่าสูงถึง $1,000,000 ให้กับเทรดเดอร์ที่สนใจ มันจึงอาจเป็นภารกิจที่ซับซ้อนในการค้นหาว่าบริษัทใดที่จะมีข้อเสนอดีที่สุดสำหรับการทำงานร่วมกัน
ในคราวนี้เราจะมาพูดถึง My Forex Funds (MFF) หนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดในปัจจุบันโดยเฉพาะในบ้านเรา ลองมาสำรวจกันว่าอะไรที่ทำให้มีเทรดเดอร์กว่า 180,000 คนทั่วโลกพิสูจน์ตัวเองเพื่อเข้ามาทำงานร่วมกับพวกเขาประวัติของ MFFMFF เปิดตัวขึ้นในเดือนก.ค.ปี 2020 จากจุดเริ่มต้นด้วยแบรนด์เล็ก ๆ ก่อนจะขยายตัวจนดึงดูดเทรดเดอร์จากกว่า 150 ประเทศทั่วโลกให้เข้ามาร่วมงานด้วยจนถึงปัจจุบัน และกลายเป็นหนึ่งในบริษัท prop trading ที่สามารถยืนหยัดท้าทายเจ้าใหญ่ ๆ ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้
จากการเป็นหนึ่งในกิจการที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุดภายในปี 2022 พวกเขานำเสนอกองทุนสำหรับเทรดเดอร์ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยโครงสร้างของบัญชีที่แตกต่างกัน 3 ระดับ โดยขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเทรดเดอร์ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงระดับมืออาชีพ
MFF อยู่ภายใต้การบริหารงานของ Murtuza Kazmi ชายหนุ่มวัย 37 ปีที่อาศัยอยู่ในแคนาดา โดยที่เขาดำรงตำแหน่ง CEO และประธานบริษัทมาตั้งแต่การเปิดตัวของกิจการนี้เมื่อ 2 ปีก่อน
Martuza Kazmi บริหารงานที่ MFF โดยเปิดรับทีมงานจากหลากหลายประเทศและวัฒนธรรมที่ช่วยให้เขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่ในทุก ๆ วัน ในขณะที่แผนการจ้างงานสตาฟจากทั่วทุกภูมิภาคยังช่วยให้บริษัทสามารถครอบคลุมการสื่อสารกับเทรดเดอร์จากทั่วทุกมุมโลกการสอบกองทุนของ MFFอย่างที่เคยกล่าวเอาไว้ข้างต้น พวกเขานำเสนอบัญชีกองทุนโดยแบ่งแยกออกเป็น 3 ประเภทตามประสบการณ์ของผู้ที่สนใจ เพราะการที่เทรดเดอร์มือใหม่เกิดบังเอิญได้รับบัญชีสำหรับเทรดจริงมูลค่า $100,000 ก็คงไม่วายที่จะลงเอยด้วยความหายนะจากประสบการณ์อันน้อยนิดและการไม่คุ้นชินกับกฎระเบียบอันเข้มงวดRapid Accountด้วยบัญชีประเภทนี้ ทาง MFF วางเป้าหมายไปที่การทดสอบขีดความสามารถของเทรดเดอร์ภายในระยะเวลา 3 เดือนก่อนจะส่งมอบเงินทุนให้ โดยโปรแกรมนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนแบ่งของผลกำไรที่ 12% แม้จะอยู่ในช่วงของการเทรดบนบัญชีเดโม
โปรแกรม Rapid ไม่มีเป้าของผลกำไรในช่วงของการสอบ แต่คุณยังสามารถรับส่วนแบ่ง 12% จากการเทรดที่ใช้ leverage ได้ถึง 1:500 โดยแค่โฟกัสไปที่ยอดขาดทุนรายวันให้ไม่เกิน 5% และยอดขาดทุนสูงสุดไม่เกิน 12% ในขณะที่ยังคุณต้องรักษากฎของการเทรดอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ด้วย
หลังผ่านพ้นช่วงเวลา 3 เดือนของการเทรดบัญชีเดโมและได้รับบัญชีกองทุนจริง คุณจะเริ่มได้รับส่วนแบ่งจากการเทรดเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในเดือนแรก ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 65% ในเดือนที่ 2 และกลายเป็น 80% นับจากเดือนที่ 3 เป็นต้นไป
นอกจากนี้คุณยังจะได้รับเงินค่าสมัครสอบที่อยู่ระหว่าง $99 และ $749 คืนทั้งหมดจากการถอนเงินครั้งแรกในบัญชีจริง อย่างไรก็ตามบัญชี Rapid จะไม่มีแผนการสเกลอัปสำหรับบัญชีกองทุนที่มีขนาดตั้งแต่ $10,000 ไปจนถึง $100,000 แต่อย่างใดEvaluation Accountสำหรับโปรแกรมประเภทนี้จะเหมาะสำหรับเทรเดอร์ที่มีทักษะและความจริงจังในการเทรด โดยผู้เข้าสอบจะต้องผ่านการทดสอบใน 2 ระยะตามมาตรฐานที่ใช้กันในหลาย ๆ บริษัท และด้วยการเทรดในบัญชีที่อนุญาตให้ใช้ leverage ได้ถึง 1:100
ในระยะแรก MFF วางเป้าหมายของกำไรเอาไว้ที่ 8% ด้วยกฎ DD เหมือนกับบัญชี Rapid ที่ต่อวัน 5% และสูงสุดที่ 12% โดยกำหนดระยะเวลาให้ทำกำไรถึงเป้าหมายแรกภายใน 30 วันนับจากการเปิดออเดอร์แรก และต้องมีระยะเวลาเทรดอย่างน้อย 5 วันจึงจะผ่านเข้าสู่เฟส 2
ในระยะที่ 2 กำหนดเป้าหมายไว้ที่ 5% ด้วยกฎ DD เดียวกับระยะแรก แต่คุณจะมีระยะเวลาในการไปให้ถึงเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 60 วัน และต้องใช้เวลาเทรดอย่างน้อย 5 วันเช่นเดียวกับการสอบในระยะแรก
หลังการบรรลุเป้าหมายทั้ง 2 เฟสที่ผ่านมาก็จะได้รับบัญชีกองทุนที่ไม่มีการกำหนดเป้าหมายอีกต่อไป โดยที่คุณแค่คอยระมัดระวังเรื่องการรักษากฎ DD เอาไว้ให้เหนียวแน่นเท่านั้น ในขณะที่คุณจะสามารถถอนเงินก้อนแรกได้ใน 30 วันหลังการเปิดออเดอร์แรกกับบัญชีจริง และมีข้อบังคับให้คุณยังต้องเทรดให้ได้อย่างน้อย 10 วันภายในเดือนแรก
ส่วนแบ่งของผลกำไรครั้งแรกจะอยู่ที่ 75% และมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมในการสอบที่จะคืนให้ทั้งหมด หลังจากนั้นการถอนเงินจะทำได้ในทุก ๆ 2 สัปดาห์ด้วยส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นเป็น 80% ในเดือนที่ 2 และกลายเป็น 85% นับจากเดือนที่ 3 เป็นต้นไป
แผนการสเกลอัปของโปรแกรม Evaluation กำหนดให้คุณต้องทำกำไรถึง 10% หรือมากกว่านั้นภายในรอบ 4 เดือน โดย 2 จาก 4 เดือนเหล่านั้นต้องมียอดรวมที่เป็นบวก จึงจะได้รับการขยายเงินทุนเพิ่มขึ้น 30% จากขนาดบัญชีตั้งต้น Accelerated Accountมาถึงโปรแกรมประเภทสุดท้ายของ MFF ที่ยังจะมีตัวเลือกให้อีก 2 ชอยส์ในแบบ Conventional และ Emphatic โดยจุดเด่นของบัญชี Accelerated คือจะไม่มีลิมิตของ DD ต่อวันแต่จะมีแค่ DD รวมสูงสุดเท่านั้น พร้อมเงื่อนไขของการถอนเงินได้ในทุกสัปดาห์
สำหรับตัวเลือก Conventional จะเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มาพอสมควรข้ามขั้นตอนการสอบและเข้าถึงแหล่งเงินทุนพร้อมเทรดทำกำไรได้ในทันที โดยจะได้รับส่วนแบ่งที่ 50% จากอัตรา Leverage ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 1:50
โปรแกรม Accelerated ตัวเลือกนี้ยังมีแผนการสเกลอัปขึ้นจากยอดเงินทุนเดิม 1.5-2 เท่าเมื่อสามารถทำกำไรได้ถึงเป้าที่ 10% และยังสามารถสเกลอัปได้ในทุกรอบของการจ่ายเงินเมื่อผลกำไรของแต่ละสัปดาห์รวมกันถึงเป้าหมายที่ 10% โดยที่การถอนเงินของคุณจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อแผนสเกลอัป
ส่วนตัวเลือก Emphatic จะอนุญาตให้คุณข้ามขั้นตอนการสอบและเข้าถึงแหล่งเงินทุนพร้อมเทรดทำกำไรได้ในทันที และจะได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรที่ 50% เช่นกัน จากอัตรา Leverage ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 1:100
แผนการสเกลอัปของตัวเลือกนี้ก็จะอยู่ที่ 1.5-2 เท่าเช่นเดียวกัน แต่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสามารถทำกำไรได้ถึง 20% โดยสามารถสเกลอัปได้ในทุกรอบของการจ่ายเงินเมื่อผลกำไรของแต่ละสัปดาห์รวมกันถึงเป้าหมายที่วางไว้ และการถอนเงินก็ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อแผนสเกลอัป
กฎที่เทรดเดอร์ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดสำหรับโปรแกรมประเภทนี้ก็คือยอดขาดทุนรวมสูงสุดไม่เกิน 5% และ 10% สำหรับตัวเลือก Conventional และ Emphatic ตามลำดับ นอกจากนี้คุณยังไม่สามารถใช้ EA ช่วยในการเทรดและไม่สามารถเปิดออเดอร์ในช่วงวันหยุด ฟีเจอร์อื่น ๆ MFF มี 1 จุดเด่นที่แตกต่างจากบริษัท prop trading รายอื่น ๆ คือ พวกเขามีกิจการโบรกเกอร์เป็นของตัวเองภายใต้ชื่อ Traders Global Group ที่คอยดูแลเซิร์ฟเวอร์สำหรับการเทรดของบริษัท
และจากการที่พวกเขาดูแลรับผิดชอบสภาพคล่องของตัวเอง จึงไม่จำเป็นต้องผ่านกฎหมายควบคุมเพราะ MFF ใช้เงินของบริษัทสำหรับบัญชีกองทุนที่มอบให้กับเทรดเดอร์ ซึ่งรองรับกับแพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 สำหรับการเทรดในปัจจุบัน
สำหรับสินทรัพย์ที่สามารถเทรดกับ MFF ได้ประกอบไปด้วยคู่เงิน Forex ประมาณ 40 คู่, โลหะ, สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนี และคริปโทเคอร์เรนซี แต่จะไม่มีการเทรดหุ้นและการถือออเดอร์ใด ๆ ในช่วงวันหยุดไม่เว้นแม้แต่คริปโทเคอร์เรนซี
ในขณะเดียวกัน MFF ก็เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นในตลาดที่ค่อยมีการซัพพอร์ตในส่วนของการเรียนรู้ โดยที่คุณอาจจะพอมองหาพื้นฐานหรือบทความบางอย่างได้ในส่วนของ blog บนหน้าเว็บไซต์หลักเท่านั้น ที่ยังไว้คอยอัปเดตข่าวสารสำคัญอีกด้วยสรุปภาพรวมข้อดี• ค่าธรรมเนียมในการสอบต่ำ
• มีประเภทและขนาดของบัญชีให้เลือกหลากหลาย
• มีประเภทบัญขีแบบไม่ต้องสอบให้ใช้งานได้เลย
• ใช้ leverage ได้สูงสุดถึง 1:500
• ส่วนแบ่งผลกำไรสูงสุดที่ 85%
• รอบจ่ายเงินเร็วสุดใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ข้อเสีย• หลักการคำนวณ DD จะคิดจากยอดบาลานซ์หรือ equity ที่ต่ำสุด
• ฝ่ายซัพพอร์ตมีการตอบสนองต่อลูกค้าค่อนข้างช้า
• เทรดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ได้สอบกองทุน Myforexfund Click :
https://myforexfunds.com/?wpam_id=742224