วันนี้ สื่อต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกา ในวันจันทร์ (28 ก.พ.) กลบกระแสความกังวลต่อภัยคุกคามอันตราย จากคำสั่งเตรียมพร้อมกองกำลังนิวเคลียร์ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในขณะที่สงครามในยูเครนหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ และตะวันตกกำลังส่งอาวุธเข้าไปช่วยเหลือเคียฟเพิ่มขึ้น
.
เมื่อถามว่า ชาวอเมริกาควรกังวลเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์หรือไม่ หลังประธานาธิบดีปูติน ได้สั่งการให้กองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซีย เข้าสู่ "กฎเกณฑ์พิเศษของการปฏิบัติหน้าที่สู้รบ (special regime of combat duty) ไบเดนตอบคำถามด้วยท่าทีนิ่ง ๆ ว่า "ไม่"
.
เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันไม่เห็นเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนแปลงระดับการตื่นตัวของกองกำลังนิวเคลียร์สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมระดับสูงรายหนึ่ง เสริมว่าเพนตากอนไม่พบเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนใด ๆ จากทางฝ่ายรัสเซีย แม้ปูตินได้ออกคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.พ.)
.
"เพนตากอนยังคงเดินหน้าทบทวน วิเคราะห์ และสังเกตการณ์ท่าทีต่าง ๆ ของรัสเซีย" จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุเช่นกัน
.
เมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) หรือ 4 วันหลังจากมอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครน ปูตินแถลงว่า เขาได้สั่งให้บรรดาผู้บัญชาการทหารของเขา "ให้สั่งการกองกำลังป้องปรามทางนิวเคลียร์ของกองทัพรัสเซียเข้าสู่ปฏิบัติการต่อสู้พิเศษ" อ้างอิงถึงโครงสร้างพื้นฐานอาวุธนิวเคลียร์อันใหญ่โตของประเทศ
.
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เรียกคำสั่งดังกล่าวว่า "อันตราย" และ "ยิ่งทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย" อย่างไรก็ตามในวันจันทร์ (28 ก.พ.) พวกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม เผยว่า พวกเขายังคงอยู่ระหว่างพยายามสรุปว่า จะใช้มาตรการใดตอบโต้คำสั่งดังกล่าว
.
"ถ้อยคำยั่วยุลักษณะนี้อันตราย และเพิ่มความเสี่ยงของการคำนวณผิดพลาด และควรหลีกเลี่ยง" ไพรซ์กล่าว "เราเห็นพ้องกันมานาน ระหว่างสหรัฐฯ และสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าการใช้นิวเคลียร์ จะก่อผลลัพธ์ทำลายล้าง"
.
ในวันจันทร์ (28 ก.พ.) ไบเดน เป็นเจ้าภาพประชุมทางไกลกับพันธมิตร และคู่หูที่กำลังสนับสนุนยูเครนสู้กับกับรัสเซีย ในสิ่งที่ทำเนียบขาวให้คำจำกัดความว่า "สงครามที่ไม่ชอบธรรม และปราศจากการยั่วยุของรัสเซีย"
.
การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมลับ และในระหว่างการพูดคุย "ทางกลุ่มได้หารือถึงความพยายามร่วมกันในการกำหนดบทลงโทษที่ก่อผลลัพธ์รุนแรง และการชดใช้ราคาแพงที่ทางรัสเซียต้องรับผิดชอบ" แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก ในนั้นรวมถึงพยายามเหนี่ยวรั้งราคาน้ำมันให้ปรับลดลงมา
.
สหรัฐฯ และนาโต้ยังคงเดินหน้าส่งมอบอาวุธ และกระสุนแก่ยูเครน ซึ่ง ไพรซ์ บอกว่า จะช่วยให้เคียฟสู้รบกับยานยนต์หุ้มเกราะ และแสนยานุภาพทางอากาศของรัสเซีย
.
อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธยืนยันรายงานข่าวที่ระบุว่า วอชิงตัน กำลังทำตามอย่างเยอรมนี ด้วยการส่งมอบจรวดต่อสู้อากาศยานประทับบ่า Stinger ที่สามารถสอยเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินรบที่บินด้วยความเร็วต่ำแก่ยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ปฏิเสธมาหลายเดือนว่า ไม่มีแผนส่งมอบอาวุธเหล่านี้แก่ยูเครน
.
ในด้านการประเมินการรุกคืบของกองทัพรัสเซีย เคอร์บี โฆษกเพนตากอนระบุว่า ปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิง และส่งกำลังบำรุงอื่น ๆ รวมถึงการถูกกองทัพยูเครนต้านทานอย่างดุเดือดอย่างที่ไม่คาดหมายไว้ ได้ชะลอการรุกคืบของกองทัพรัสเซีย
.
"ชัดเจนว่า รัสเซียไม่สามารถรุกคืบได้ตามที่พวกเขาต้องการในวันที่ 5 ของการสู้รบ" เคอร์บีกล่าว "พวกเขาเผชิญกับการก้าวถอยหลัง และเจอการต่อต้าน"
.
กระนั้นก็ตาม เขาบอกว่าแม้จะมีความก้าวหน้าอย่างช้า ๆ แต่รัสเซียยังมีกองกำลังท่วมท้น ที่มุ่งมั่นจะยึดเมืองสำคัญ ๆ และโค่นล้มรัฐบาลยูเครน "อย่าเข้าใจผิด ปูตินยังคงมีแสนยานุภาพการสู้รบมหาศาลให้ใช้ เขายังไม่ได้เคลื่อนมันทั้งหมดเข้าสู่ยูเครน" อ้างถึงกำลังทหารรัสเซียราว 25% ที่อยู่นอกยูเครน และพร้อมเคลื่อนพล
.
"พวกเขาประสบปัญหา แต่ผมไม่คิดว่าเราจะสามารถทึกทักได้ว่า พวกเขาจะประสบปัญหาเช่นนี้ต่อไป พวกเขายังคงต้องการเคลื่อนพลเข้าสู่กรุงเคียฟ และต้องการยึดกรุงเคียฟ" เขากล่าว
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://nypost.com/2022/02/28/no-americans-should-not-fear-nuke-war-with-russia-biden-says/