ดัชนีย์ ดอลล่าห์ Index ที่ New high ต่อเนืองหลังจาก ประกาศ นโยบาย Fed รอบแรกตอนนี้ ผ่าน fibo 138.8 มาได้แล้ว เป้าต่อไป fibo 161.8 ได้ได้ไม่ยาก ครับ
และอาจจะ Swing ได้พอสมควรจากแนวนี้ก่อนไป fibo 200 ได้ครับ คือ 161.8 นั้น มาแน่นอนเร็วๆนี้ครับจากกราฟทางเทคนิค ดังนั้น จะไปกดดันให้ EUR ลงต่อ ได้ครับ

☀️YLG_Update : 28 ม.ค. ข่าวทองภาคเช้า📊
📣 Highlight: ทองปิดร่วง $22.12‼️หลัง U.S. GDP Q4/21 "ดีเกินคาด"‼️➕เก็งเฟดขึ้นดบ.เร็วและแรงสกัดเงินเฟ้อ‼️หนุนดอลล์แข็งต่อแตะ High รอบเกือบปีครึ่ง‼️➕รัสเซียส่งสัญญาร้ดินหน้าเจรจาสหรัฐ‼️ฉุดทองหลุด MA 50 และ 200 วัน เทส Low รอบเกือบ 3 วีคที่ $1,791.8‼️ด้านกองทุน SPDR ถือทองคำไม่เปลี่ยนแปลง
.
❌ ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.75% ซึ่งเป็นการแข็งค่าขึ้นในวันเดียวที่มากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2020 ที่ 97.292 หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. และการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2021  #กดดันทอง
.
❌ สัญญา Fed fund futures ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด สะท้อนว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกือบ 5 ครั้งในปี 2022 #กดดันทอง
.
❌ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2021 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5.5% #กดดันทอง
.
❌ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 30,000 ราย สู่ระดับ 260,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 270,000 ราย #กดดันทอง
.
❌ ทำเนียบเครมลินแถลงในวันนี้ว่า รัสเซียและสหรัฐยังคงมีช่องทางในการเจรจาต่อไป แต่เห็นได้ชัดว่าข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซียไม่ได้รับการตอบสนองจากทางสหรัฐ  #กดดันทอง
.
❌ ทางการรัสเซีย "ปฏิเสธ" รายงานที่ว่ารัสเซียอาจส่งกำลังทหารเข้าประจำการในคิวบาและเวเนซุเอลาเพื่อตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐและชาติตะวันตกไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซีย #กดดันทอง
.
⭕️ ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 7.31 จุด หรือ -0.02%, ดัชนี S&P500 ปิด -0.54% และดัชนี Nasdaq ปิด -1.40% ลดช่วงบวกในช่วงต้นวันเนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด  #หนุนทอง
.
⭕️ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงลง 3.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงเพียง 0.2% ในเดือนธ.ค. #หนุนทอง
.
⭕️ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ ลดลง 0.9% ในเดือนธ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ย.  ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานลดลง 0.6% ในเดือนธ.ค. #หนุนทอง
.
Source : Infoquest, Reuters, Bloomberg, CNBC, SPDR, Kitco, Investing
#YLGResearch

(Jan 28) EU ไฟเขียวยาเม็ดต้านโควิดของไฟเซอร์สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงแล้ว : องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) อนุมัติให้ใช้ยาต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์สำหรับรักษาผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยขั้นรุนแรง ขณะที่ยุโรปกำลังพยายามอย่างหนักในการรับมือไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน

หากเป็นไปตามขั้นตอนปกติของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) การอนุมัติให้ใช้ยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ของไฟเซอร์แบบมีเงื่อนไขโดย EMA นั้น จะเป็นการเปิดทางให้สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) สามารถใช้ยาได้ หลัง EMA กำหนดแนวทางสำหรับการใช้งานฉุกเฉินเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยยังมีเพียงไม่กี่ประเทศที่ซื้อยาของไฟเซอร์ ได้แก่ อิตาลี เยอรมนี และเบลเยียม

ทางด้านนางสเตลลา คีเรียคิเดส กรรมาธิการด้านสาธารณสุขของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า EU มีความคืบหน้าในการสรรหาวิธีการรักษาโควิด โดยระบุว่า การรักษาด้วยยาเป็นแนวทางที่สองรองจากการฉีดวัคซีน

"ยาแพ็กซ์โลวิดเป็นยารับประทานชนิดแรกสำหรับการรักษาที่บ้านที่เรามี และมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงเนื่องจากโควิด-19" นางคีเรียคิเดสกล่าว
นอกจากนี้ EU ยังคงพิจารณาอนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โคด้วยแต่ยังคงใช้เวลานานในการอนุมัติ เนื่องจากบริษัทได้ทบทวนข้อมูลการทดลองไปเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และให้เหตุผลว่ายามีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่คิด

ด้านไฟเซอร์ระบุว่า ตามข้อมูลจากการทดสอบทางคลินิกของบริษัทนั้น ยาแพ็กซ์โลวิดมีประสิทธิภาพในการป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้เกือบ 90% ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรง ขณะที่ข้อมูลจากห้องปฏิบัติการล่าสุดชี้ว่า ยายังคงมีประสิทธิภาพในการต้านโควิดสายพันธุ์โอมิครอน

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุภัค โห้พึ่งจู/รัตนา

            🔔🔔ราคาทองคำ จากล่าสุด กราฟสามารถ ผ่านแนวรับ สำคัญได้ 2 แนว คือ 1830-1835 และ แนว 1795-1800 จนตอนนี้ราคาลงไป Low ล่าสุด 1791 สำหรับเมื่อคืนที่ผ่าน มาแนวโน้มตอนนี้เรียกได้ว่า ผ่านแนวรับ ทีสำคัญ 2 แนวมาได้แล้วมีโอกาสสูงมากที่จะลงไปได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ เหตุผลจาก usd index ที่เป็นตัวกดดันให้ ราคาทองคำมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปได้ต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งกราฟลงมาจาก divergence จาก High 1853 แต่เนื่องจากข่าวทำให้ลงไวเกินไปทำให้ มองได้ยากตามไปด้วย ครับ วันนี้มองไปที่ usd index ที่กำลังจะไปทดสอบแนวต้าน fibo 161.8@97.88-98.00 ของ Usd index นะครับแน่นอนว่าถ้า ดอลล่าห์แข็งค่า ทองคำก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงไปด้วยแผนการเทรดวันนี้ เป็นการรอเข้า Sell ที่ Daily Pivot ครับ โดยมีแนวต้านที่ 1815 เป็นแนวต้านหากกราฟยัง คง Swing จากแรงเข้าซื้อ โดยมองว่าวันนี้ราคาทองคำจะปิดในแดนลบได้ต่อเนื่อง อีกครั้ง ครับ

✅✅#SPDRไม่เปลี่ยนแปลง ✅✅

รายงานการถือครองทองคำแท่งของกองทุน SPDR Gold Share  28 มกราคม 2565

ทองคำแท่ง รวมในคลัง SPDRล่าสุด ✅✅ 1014.26 ตัน

เดือนนี้  มกราคม 2565 เพิ่มขึ้น ✳️✳️ +38.60 ตัน

ปีนี้ 2565 เพิ่มขึ้น ✅✅ +38.60 ตัน

**********************************************
#ทองคำ,#ทองคำแท่ง,#กองทุนทองคำ,#ซื้อทอง,#spdrgoldtrust,#gold,#goldtrust,#goldshare,#ราคาทองคำ #traderider

🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔
#ติดตามข่าวสาร Forex,ทองคำ กับ TRADERIDER
🌐🌐เวปไซต์ :www.traderider.com
**********************************************

EU หลังจากกราฟทำ new Low แล้ว กราฟจะมีแนวต้านตามเส้นสีน้ำเงินนะครับ
กราฟลักษณะนี้ ส่วนมากจะเทต่อเนื่อง

'ไบเดน' โทรคุยผู้นำยูเครน เตือนเดือน ก.พ. รัสเซียอาจบุกแน่ สอดคล้องผู้เชี่ยวชาญทางการทหารชี้ รัสเซียกำลังรอให้สภาพพื้นที่เหมาะสมเพื่อเคลื่อนอาวุธหนัก ยกตัวอย่าง 8 ปีก่อนที่รัสเซียส่งกองทัพบุกไครเมียเดือน ก.พ. เหมือนกัน

วันที่ 28 ก.พ. 2565 สำนักข่าวเอพี รายงานอ้างการเปิดเผยของรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงการโทรศัพท์คุยกันระหว่างนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) โดยผู้นำสหรัฐฯ เตือนผู้นำยูเครนว่า มีความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจใช้กำลังทหารกับยูเครนในเดือน ก.พ. นี้

รายงานของสำนักข่าวเอพีอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่า กองทัพรัสเซียอาจรอจังหวะให้สภาพพื้นที่เข้าสู่ภาวะเยือกแข็ง โดยอาจเลือกบุกยูเครนเข้าไปทางตอนเหนือของกรุงเคียฟ เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญทางการทหารที่ให้ความเห็นว่า กองทัพรัสเซียอาจกำลังรอให้สภาพพื้นที่มีความเหมาะสมต่อการเคลื่อนย้ายอาวุธหนัก เหมือนเมื่อ 8 ปีก่อน รัสเซียก็เลือกที่จะส่งกำลังทหารเข้าไปในไครเมียในเดือน ก.พ. เช่นกัน

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังอ้างด้วยว่า เขาได้พยายามเตือนเรื่องนี้ต่อสาธารณะมาตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะยืนยันว่า สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรพร้อมให้ความช่วยเหลือทางการทหารกับยูเครน เช่นเดียวกับผู้นำยูเครนที่เปิดเผยว่า สหรัฐฯ และยูเครนจะหารือเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อกันด้วย

การหารือระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และยูเครน เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายข้อเสนอของสหรัฐฯ เพื่อผ่อนคลายวิกฤติยูเครนไปถึงรัสเซียแล้ว โดยยืนยันว่า สหรัฐฯ และชาติตะวันตกจะไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของรัสเซีย ที่อยากให้การันตีว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)

ท่าทีดังกล่าวทำให้แม้รัฐบาลรัสเซียจะตอบรับว่า ขอใช้เวลาเพื่อศึกษาและตอบสนองต่อข้อเสนอของสหรัฐฯ แต่เบื้องต้นก็ชี้ว่า สหรัฐฯ และชาติตะวันตกไม่ได้ทำตามความต้องการของรัสเซีย

ที่มา https://apnews.com/article/russia-ukraine-crisis-live-updates-1b213930aeced003b990adb474ef722b
https://www.aljazeera.com/news/2022/1/27/russia-sees-little-optimism-in-us-response-on-ukraine-crisis

(Jan 28) นักลงทุนคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งปีนี้สกัดเงินเฟ้อ: FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 33% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 5 ครั้งในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 22%

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 1.50% ในเดือนธ.ค. จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.00-0.25%

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดยังคงสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกมาก โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

(Jan 29) "เฟด" ส่งซิก มี.ค.ขึ้นดอกเบี้ย จับตา "ลดงบดุล" สะเทือนสินทรัพย์ : หลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา คณะกรรมการมีแถลงการณ์ว่า มีความเหมาะสมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็ว ๆ นี้ 0.25% จากระดับปัจจุบันที่อยู่ใกล้ศูนย์ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาด

อีกทั้งตลาดการจ้างงานค่อนข้างแข็งแกร่ง พร้อมส่งสัญญาณว่า ในเดือนกุมภาพันธ์จะลดการซื้อพันธบัตรลงเหลือเพียงเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม

แถลงการณ์ของคณะกรรมการไม่ได้แจ้งวันเวลาแน่นอนในการขึ้นดอกเบี้ย แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม เมื่อมีการประชุมครั้งต่อไป เนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์จะไม่มีการประชุม และตามที่เฟดเคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะมีขึ้นหลังจากโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุด

ส่วนการลดขนาดงบดุลของเฟด ซึ่งอยู่ในระดับสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ และถูกตลาดจับตามองค่อนข้างมากนั้น แถลงการณ์ไม่ได้แจ้งอย่างเจาะจงเกี่ยวกับกรอบเวลาที่จะดำเนินการ แต่ได้แจ้งหลักการในการลดขนาดงบดุลว่า จะเริ่มหลังจากมีการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว พร้อมกับระบุด้วยว่า "เฟดเตรียมจะลดการถือครองสินทรัพย์ลงอย่างมีนัยสำคัญ" อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเรื่องนี้จะเป็นไปอย่างคาดหมายได้

"เจอโรม พาวเวลล์" ประธานเฟด แถลงภายหลังประชุมว่า เฟดจะเริ่มถอยห่างจากนโยบายผ่อนคลายอย่างมากไปสู่การผ่อนคลายที่น้อยลงไป จนถึงนโยบายที่ไม่ผ่อนคลายเลย ตอนนี้ขนาดงบดุลของเฟดสูงกว่าความจำเป็นอย่างมาก ยังต้องลดขนาดงบดุลอีกเยอะ ซึ่งจะใช้เวลาระยะหนึ่ง เราต้องการให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างมีระเบียบและคาดหมายได้ ตอนนี้เศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่งด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีนโยบายการเงินสนับสนุนอย่างเข้มข้น

เมื่อถูกถามว่าห้วงเวลาที่เหมาะสมในการขึ้นดอกเบี้ยคือเดือนมีนาคมใช่หรือไม่ ประธานเฟดยอมรับว่า ในใจของคณะกรรมการเห็นว่าน่าจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ ส่วนการจะขึ้นถึง 0.5% หรือไม่นั้น พาวเวลล์ปฏิเสธที่จะยอมรับทางใดทางหนึ่ง โดยระบุว่าเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ เฟดต้องมีความยืดหยุ่นและปรับมาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์

พาวเวลล์ระบุว่า มีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะไม่ลดลงมาเท่ากับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 และอาจปรับขึ้นได้อีก เฟดมีเป้าหมายจะสร้างเสถียรภาพให้เงินเฟ้อ จึงจะใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจ สนับสนุนการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็จะป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อเข้ามายึดกุมจนเป็นอุปสรรค

"จิม เครอน" เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการลงทุนของมอร์แกน สแตนลีย์ อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์ กล่าวว่า ตนจับตามองการลดขนาดงบดุลของเฟด เพราะถือเป็นมาตรการสำคัญยิ่งในเชิงนโยบายสำหรับปีนี้ ซึ่งการดำเนินการเรื่องนี้จำเป็นต้องมีมาตรการเสริม เฟดอาจใช้วิธีขึ้นดอกเบี้ยน้อยลงและไปลดขนาดของงบดุลมากขึ้นแทน ซึ่งจะมีความหมายอย่างมากต่อราคาสินทรัพย์

ด้าน "เจ ไบรสัน" หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ เวลส์ ฟาร์โก คาดว่าเฟดจะประกาศในการประชุมเดือนกันยายนนี้ ว่าจะเริ่มลดขนาดงบดุลช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

ทั้งนี้ ตามหลักการของการเริ่มใช้นโยบายการเงินตึงตัว จะประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1.เริ่มลดวงเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบ ซึ่งเฟดประกาศตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ว่าจะเร่งลดวงเงินและจะให้สิ้นสุดเดือนมีนาคมปีนี้ 2.ขึ้นดอกเบี้ย และ 3.ลดขนาดงบดุล ซึ่งจะมีผลด้านลบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ

ภายหลังแถลงการณ์ของเฟด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐ กระโดดขึ้น 0.08% สู่ระดับ 1.86% ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 129.64 จุด หรือ 0.4% ปิดตลาดที่ 34,168.09 จุด กลับทิศจากช่วงซื้อขายระหว่างวันที่ช่วงหนึ่งปรับขึ้นกว่า 500 จุด ด้านเอสแอนด์พี 500 ปรับลงเล็กน้อย 6.52 จุด หรือ 0.2% ปิดที่ 4,349.93 จุด ส่วนแนสแดคสามารถยืนแดนบวก ปิดตลาดที่ 13,542.12 จุด เพิ่มขึ้น 2.82 จุด 
หรือ 0.02% เพราะแรงหนุนจากผลประกอบการของไมโครซอฟท์

คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

หากรัสเซียปลดปล่อยกองกำลังที่ระดมอยู่ใกล้ชายแดนยูเครนเข้ารุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ผลลัพธ์จะเป็นอะไรที่น่าสยดสยอง และมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวเตือนเมื่อวันศุกร์ (28 ม.ค.) พร้อมเปรียบเทียบช่วงเวลาปัจจุบันกับสงครามเย็น
.
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 3 ราย ระบุในวันเสาร์ (29 ม.ค.) ว่า การเสริมกำลังทหารของรัสเซียตามแนวชายแดนติดกับยูเครน ได้ขยายขอบเขตครอบคลุมถึงเพิ่มเสบียงเลือดและวัสดุการแพทย์อื่นๆ บ่งชี้ถึงการเตรียมพร้อมด้านการทหารของมอสโก ท่ามกลางความคาดหมายของหลายฝ่ายว่าพวกเขาอาจยกพลบุกเร็วๆ นี้
.
พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นท่ามกลางสถานการณ์ทางการทูตที่เปราะบางระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียในเหตุเผชิญหน้าระหว่างตะวันตกและตะวันออกในประเด็นยูเครน โดยมอสโกต้องการให้นาโต้ถอนกำลังทหารและอาวุธออกจากยุโรปตะวันออก และห้ามยูเครนเข้าเป็นสมาชิกของนาโต้ตลอดกาล
.
วอชิงตันและพันธมิตรนาโต้ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว แต่บอกว่าพร้อมพูดคุยหารือในประเด็นอื่นๆ อย่างเช่นควบคุมอาวุธและมาตรการสร้างความเชื่อมั่นที่จะโน้มน้าวให้รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่ใกล้ชายแดนยูเครน
.
พล.อ.มิลลีย์ กล่าวระหว่างแถลงข่าวที่เพนตากอน ว่า จากรูปแบบการจัดวางกองกำลังของรัสเซีย "ทั้งหมดทั้งมวลรวมกัน" ถ้าพวกเขาปลดปล่อยเข้าใส่ยูเครน มันจะก่อผลลัพธ์บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก "และถ้าคุณลองนึกดู ถ้ามันเป็นพื้นที่ในเมืองที่มีผู้คนพักอาศัยหนาแน่น ตามท้องถนนสายต่างๆ และอื่นๆ มันจะน่ากลัวแค่ไหน มันน่าสยดสยอง"
.
ด้าน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวเสริมว่า แม้สหรัฐฯ เชื่อว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะรุกรานยูเครนหรือไม่ แต่ตอนนี้มอสโกมีแสนยานุภาพด้านการทหารที่จะทำเช่นนั้น "ทางเลือกมีอยู่มากมาย ในนั้นรวมถึงยึดเมืองและดินแดนสำคัญๆ แต่ก็รวมถึงความเคลื่อนไหวบีบบังคับและปลุกปั่นทางการเมือง อย่างเช่นให้การรับรองดินแดนต่างๆ ที่ประกาศแยกตัวจากยูเครน" ออสติน กล่าว
.
เขาบอกว่าสหรัฐฯ ยังคงมุ่งเน้นตอบโต้ข้อมูลบืดเบือนของรัสเซีย ในนั้นรวมถึงทุกอย่างที่อาจใช้เป็นข้ออ้างสำหรับโจมตียูเครน และระบุว่าอเมริกาสัญญาว่าจะช่วยยูเครนป้องกันตนเองและจะจัดหาอาวุธต่อต้านยานเกราะให้เพิ่มเติม
.
สอดคล้องกับความคิดเห็นของประธานเสนาธิการทหารร่วมและรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อเมริกา 3 ราย ระบุว่า รัสเซียได้ขยายขอบเขตการเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนติดกับยูเครน ครอบคลุมถึงการเสริมเลือดและวัสดุการแพทย์อื่นๆ สำหรับใช้รักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำหรับที่บ่งชี้เกี่ยวกับความพร้อมด้านการทหารของรัสเซีย
.
แหล่งข่าวทหารทั้งในอดีตและปัจจุบันบอกกับรอยเตอร์ว่า สิ่งบ่งชี้ที่เป็นรูปธรรม อย่างเช่นเสบียงเลือด มีความสำคัญยิ่งในการสรุปว่ามอสโกจะเตรียมพร้อมทำการรุกรานหรือไม่ หากว่าประธานาธิบดีปูตินตัดสินใจเช่นนั้น
.
การเปิดเผยเกี่ยวกับเสบียงเลือดของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ นับเป็นอีกหนึ่งบริบทในเสียงเตือนที่เริ่มเข้มข้นขึ้นของอเมริกา ที่ว่ารัสเซียอาจกำลังเตรียมการรุกรานยูเครนรอบใหม่ ในขณะที่พวกเขาระดมกำลังมากกว่า 100,000 นายตามแนวชายแดน
.
คำเตือนต่างๆ เหล่านั้น รวมถึงกรณีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน คาดการณ์ว่าปฏิบัติการจู่โจมหนึ่งๆ ของรัสเซียนั้นมีความเป็นไปได้ และแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกลาโหม แสดงความคิดเห็นว่ารัสเซียอาจลงมือโจมตีรอบใหม่ใส่ยูเครน "ในระยะเวลาอันใกล้นี้"
.
เพนตากอนเคยออกมาเผยว่า รัสเซียได้ประจำการ "กำลังหนุนทางการแพทย์" ส่วนหนึ่งในการเสริมกำลังตามแนวชายแดน แต่สำหรับการเสริมเสบียงเลือดเข้าไปเพิ่มเติมนั้น ทางพวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สามารถชี้วัดความพร้อมของทหารรัสเซีย
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/around/detail/9650000009727