มองทั้ง Sell และรอ buy จากแนวนี้ครับ

☀️YLG_Update : 23 ธ.ค. ข่าวทองภาคเช้า📊
📣 Highlight: ทองปิดพุ่ง $14.09‼️อานิสงส์ดอลล์อ่อน‼️➕แนวรับ $1,78x แกร่ง‼️➕ยอดขายบ้านมือสอง "แย่เกินคาด"‼️หนุนทองฟื้นจาก  Low $1,785.3‼️เทส High $1,804.95‼️ด้านกองทุน SPDR ถือทองคำลดลง -4.94 ตัน
.
⭕️ ดัชนีดอลลาร์ อ่อนค่าลง 0.37% แตะที่ 96.122 เมื่อคืนนี้ จากแรงขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงยูโรและเงินปอนด์ เนื่องจากเทรดเดอร์มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ  #หนุนทอง
.
⭕️ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวขึ้น 1.9% สู่ระดับ 6.46 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน แต่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 6.52 ล้านยูนิต  #หนุนทอง
.
⭕️ นายโรเบิร์ต โฮลซแมน กรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยในวันนี้ (22 ธ.ค.) ว่า ECB อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในช่วงสิ้นปีหน้า และการเรียกร้องให้ ECB ยุติการซื้อพันธบัตรนั้นนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่แข็งแกร่งว่า การซื้อพันธบัตรจะสิ้นสุดลงในช่วง 2 ไตรมาสหน้า #หนุนทอง
.
❌ กองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -4.94  ตันสู่ระดับ 973.63 ตัน  ทำให้ในปี 2021 กองทุน SPDR ถือครองทองลดลงแล้ว -197.11 ตัน #กดดันทอง
.
❌ ผลการวิจัยครั้งล่าสุดของสถาบันอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอนซึ่งระบุว่า ความเสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น มีน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาประมาณ 40% - 45%  #กดดันทอง
.
❌ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 261.19 จุด หรือ + 0.74%, ดัชนี S&P500 ปิด +1.02% และดัชนี Nasdaq ปิด +1.18% ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3 #กดดันทอง
.
❌ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2021 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.3% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่สองที่ระดับ 2.1% #กดดันทอง
.
❌ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 115.8 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 111.9 ในเดือนพ.ย. โดยเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 110.8  #กดดันทอง
.
❌ บริษัทแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเผยว่า กำลังร่วมพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 จำนวนสองโดสสูตรใหม่เพื่อป้องกันเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะ #กดดันทอง
.
Source : Infoquest, Reuters, Bloomberg, CNBC, SPDR, Kitco, Investing
#YLGResearch

               🔔🔔 ราคาทองคำ ล่าสุด กลับมายืนเหนือ ราคา 1800 ได้อีกแล้ว จากรูปแบบเทรนไลน์ของกราฟจะเห็นว่ากราฟกลับเข้ามาสู่เทรนขาขึ้น คือวิ่งอยู่ในช่องของแนวโน้มขาขึ้นได้แล้ว แม้ว่าเมื่อวานล่าสุด การ Breakout เทรนไลน์ขาลงจะ Fail ไปบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วหากมองกันที่แนวต้าน ราคาปัจจุบันถือว่ากราฟยังไม่เกิด Swing high ใหม่แต่อย่างใด ราคาตอนนี้แนว 1806 ยังเป็นแนวต้านเดิม โดยมี High ก่อนหน้าที่ ราคา 1820 ที่หากกราฟ ขึ้นไปเหนือ ราคานี้ได้แล้วจะเป็นสัญญานขาขึ้นของกราฟ ดังนั้นแผนการเทรด ทองคำ วันนี้แอดมินใช้แนวรับแนวต้าน และ Down theory ในการวิเคราะห์ กราฟนะครับ จุด จากแนวราคาปัจจุบัน ยัง Sell ได้แต่หากราคา ขึ้นไป Stop loss ได้ก็ต้องเปลี่ยนแผนการเทรดแล้วนะครับ วันนี้ จึง มองไปที่การหาจังหวะ Sell เหมือนเดิมโดยมองว่ากราฟจะไม่สามารถยืนเหนือราคา 1800$ ได้ ครับประกอบกับการเทขายทองคำของกองทุน SPDR ที่ น่าติดตามว่าเหตุใดทำไมถึงขายต่อเนื่องช่วงนี้ ก็อาจจะมองเรื่องความไม่มั่นใจในการถือครองทองคำ ที่จะทำกำไรได้ในช่วงนี้ครับ


🎯🎯#SPDRเทขายทองคำ ออกมา -4.94 ตัน 🎯🎯

รายงานการถือครองทองคำแท่งของกองทุน SPDR Gold Share  23 ธันวาคม 2564

ทองคำแท่ง รวมในคลัง SPDRล่าสุด 🎯🎯 973.63 ตัน

เดือนนี้  พฤศจิกายน 2564 ลดลง 🔻🔻 -19.22 ตัน

ปีนี้ 2564 ลดลง  🔻🔻 197.11 ตัน

********************************************
#ทองคำ,#ทองคำแท่ง,#กองทุนทองคำ,#ซื้อทอง,#spdrgoldtrust,#gold,#goldtrust,#goldshare,#ราคาทองคำ #traderider

🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔
#ติดตามข่าวสาร Forex,ทองคำ กับ TRADERIDER
🌐🌐เวปไซต์ :www.traderider.com
********************************************

EU มองในกรอบ สามเหลี่ยมอาจจะวิ่งแบบนี้ครับ

ก็ย่อมาให้นะ

อ้างจาก: admin ที่ 23, ธันวาคม  2021, 03:58:35 PM
ก็ย่อมาให้นะ

มาๆ มาให้เก็บกำไรไม้ sell หน่อยจะได้ buy ต่อครับ

วันนี้ ตลาดทอง ปิดนะครับ

สำหรับกลุ่มฟอเรกซ์ 
- เวลาปิด : 20:00 GMT+0 ของวันที่ 24 ธันวาคม 2021 หรือเวลา 03.00 น. ของวันที่ 25 ธันวาคม 2021 ตามเวลาประเทศไทย   
- เวลาเปิด : 22:05 GMT+0 ของวันที่ 26 ธันวาคม 2021 หรือเวลา 05.05 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม 2021 ตามเวลาประเทศไทย

 

อ้างจาก: admin ที่ 24, ธันวาคม  2021, 10:33:27 AM
วันนี้ ตลาดทอง ปิดนะครับ

สำหรับกลุ่มฟอเรกซ์ 
- เวลาปิด : 20:00 GMT+0 ของวันที่ 24 ธันวาคม 2021 หรือเวลา 03.00 น. ของวันที่ 25 ธันวาคม 2021 ตามเวลาประเทศไทย   
- เวลาเปิด : 22:05 GMT+0 ของวันที่ 26 ธันวาคม 2021 หรือเวลา 05.05 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม 2021 ตามเวลาประเทศไทย

อ้างจาก: DDN-FX ที่ 24, ธันวาคม  2021, 10:39:38 AM

อ้างจาก: admin ที่ 24, ธันวาคม  2021, 10:33:27 AM
วันนี้ ตลาดทอง ปิดนะครับ

สำหรับกลุ่มฟอเรกซ์ 
- เวลาปิด : 20:00 GMT+0 ของวันที่ 24 ธันวาคม 2021 หรือเวลา 03.00 น. ของวันที่ 25 ธันวาคม 2021 ตามเวลาประเทศไทย   
- เวลาเปิด : 22:05 GMT+0 ของวันที่ 26 ธันวาคม 2021 หรือเวลา 05.05 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม 2021 ตามเวลาประเทศไทย

Spread จะถ่างมากกว่าปกติ หน่อยนะครับ วันนี้

(Dec 24) ขนส่งทั่วโลกกระทบหนัก ล่าช้า-ดันบริษัทต้นทุนพุ่ง หลังจีนเข้มมาตรการคุมโควิด : สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 ว่า นโยบาย "ปลอดเชื้อโควิด" (zero COVID)  ที่เข้มงวดของจีนกำลังส่งผลกระทบต่อท่าเรือของประเทศและกระทบต่อการขนส่งทั่วโลก รวมถึงห่วงโซ่อุปทานที่ทรุดโทรมไปแล้ว

โดยจีนได้กำหนดให้ลูกเรือของเรือบรรทุกสินค้าต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-10 ก่อนเทียบท่า และหากพบกรณีต้องสงสัยเพียงกรณีเดียว ทุกคนบนเรือจะต้องถูกกักตัวอย่างน้อย 14 วัน

ในกรณีดังกล่าว เรือต่างๆ จะต้องกักกันในบริเวณที่ทอดสมอนอกชายฝั่ง ซึ่งทำให้เกิดความแออัดมากขึ้นและทำให้มาถึงท่าเรืออื่นล่าช้า โดยในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน หลังจากการเกิดขึ้นของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) จีนก็ได้เพิ่มการกักกันภาคบังคับสำหรับลูกเรือที่กลับจากปฏิบัติหน้าที่เป็น 7 สัปดาห์ จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 6 สัปดาห์ ทำให้ปัญหาการขาดแคลนลูกเรือและการจัดตารางพนักงานมีปัญหามากขึ้นไปอีก

คณะมุขมนตรีของปักกิ่งกล่าวเมื่อวัน 15 ธันวาคมว่า จะเสริมสร้างมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการแลกเปลี่ยนลูกเรือ รวมถึงการขอให้ลูกเรือทุกคนเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ท่าเรือต่างประเทศก่อนเดินทางมาถึงประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565

โดยแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นเนื่องจากท่าเรือต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐมีความแออัดอย่างรุนแรงเนื่องจากการขาดแคลนแรงงานและการขนส่งสินค้าจำนวนมากเพื่อตอบสนองความต้องการหลังเกิดโรคระบาด ซึ่งทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันพุธว่า ความแออัดได้คลี่คลายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามบริษัทขนส่งหลายแห่งกล่าวว่าความแออัดไม่สามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน เนื่องจากพนักงานจำนวนมากต้องหยุดงานในช่วงเทศกาลวันหยุด ทำให้การดำเนินงานล่าช้า

ความน่าเชื่อถือของตารางเวลาของเรือเดินสมุทรทั่วโลก ซึ่งเป็นการวัดว่าเรือมาถึงหรือออกตามกำหนด คาดว่าจะยังคงต่ำกว่า 40% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ตามการคาดการณ์ล่าสุดของ Sea-Intelligence ผู้ให้บริการ 4 รายมีอัตราความน่าเชื่อถือตามกำหนดการที่ต่ำกว่า 20% ในเดือนตุลาคม โดย Evergreen ของไต้หวันต่ำที่สุดเพียง 13.4%

ทั้งนี้อัตราค่าจัดส่งได้เพิ่มขึ้น ดัชนี Freightos Baltic Index ซึ่งติดตามค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ใน 12 เส้นทางบินชั้นนำทั่วโลก ได้พุ่งขึ้นมากกว่า 550% นับตั้งแต่ต้นปี 2020 แม้จะตกลงเล็กน้อยในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ซึ่งรวมถึงค่าโดยสารสำหรับเส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดระหว่างจีนและชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ

John Chen รองประธานฝ่ายผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แห่งเอเชีย CH Robinson ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 15 ปีแล้ว กล่าวว่า เขาไม่เคยเห็นความหายนะที่ยืดเยื้อดังกล่าวมากระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

"เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดการกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ในอดีตเป็นเพียงชั่วคราว แต่วันนี้เกิดขึ้นเป็นเวลานานกว่ามาก อุตสาหกรรมเผชิญกับการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ความแออัดของท่าเรือ อัตราความน่าเชื่อถือสำหรับการขนส่งทางทะเล ซึ่งต่ำที่สุดที่เราเคยเห็นมา มีแนวโน้มที่จะยังคงเนื่องจากมีการเกิดขึ้นของสายพันธุ์โอมิครอน"

Tommy Hsieh ประธานบริษัท Wanhai บริษัทขนส่งอันดับ 10 ของโลก ได้ประเมินสถานการณ์ในลักษณะเดียวกัน ว่า ไตรมาสธันวาคมเป็นช่วงพีคซีซันสำหรับเส้นทางใกล้มหาสมุทรในเอเชีย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ เราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะช่วยเหลือลูกค้าของเราในการค้นหาพื้นที่บนเรือ ตรวจสอบสถานะความแออัดของท่าเรือและการจัดการ เนื่องจากการขาดแคลนพนักงาน"

Tommy Hsieh กล่าวต่อว่า "บริษัทเดินเรือทั้งหมดปฏิบัติตามกฎใหม่ของจีนสำหรับมาตรการกักกันสำหรับลูกเรือชาวจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด แต่มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับเราและสำหรับลูกเรือที่ต้องผ่านการล็อคดาวน์ที่นานขึ้น"

ขณะเดียวกันหลายบริษัทรีบเปลี่ยนมาใช้การขนส่งสินค้าทางอากาศเพื่อขนส่งผลิตภัณฑ์จากเอเชียไปยังตลาดตะวันตกให้ได้ทันเวลาเพื่อตอบสนองความต้องการในช่วงวันหยุด

ผู้บริหารของซัพพลายเออร์ของ Dyson กล่าวว่า บริษัท Dyson ถูกบังคับให้ส่งสินค้าทางอากาศมากกว่าการขนส่งทางทะเลเนื่องจากความแออัดของท่าเรืออย่างรุนแรง

"เชื่อหรือไหมว่านี่คือไดสัน ผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่มาก และพวกเขาเลือกที่จะจัดส่งทางอากาศ ซึ่งมีราคาแพงกว่าการขนส่งทางทะเลมาก แต่มันจะทำอะไรได้อีก นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตามข้อตกลงการรับประกันสินค้าขาเข้ากับผู้ค้าปลีก เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีบางอย่างที่จะขายบนชั้นวางได้ทันเวลา"

ขณะที่ Paul Peng ประธาน AU Optronics ซึ่งจัดหาจอแสดงผลให้กับ Tesla, HP และ Acer กล่าวว่า บริษัทได้เห็นลูกค้าจัดส่งทีวีระดับไฮเอนด์ขนาดใหญ่บางรุ่นทางอากาศ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางอากาศไม่ใช่ทางเลือกสำหรับทุกคน Hsu Lung-luen ประธานฝ่ายจัดหากราฟิกการ์ดและมาเธอร์บอร์ด ASRock กล่าวว่า บริษัทได้รับแจ้งว่าเวลาการส่งมอบไปยังสหรัฐได้ปรับเพิ่มจาก 3 เป็น 3 เดือน ในขณะที่ยุโรปใช้เวลาเพิ่มขึ้นจาก 5 สัปดาห์ เป็นระหว่าง 2-3 เดือน และกล่าวเสริมว่าไม่สามารถเปลี่ยนแผนในการจัดส่งสินค้าทางอากาศจำนวนมากเกินไปได้ เนื่องจากอัตราค่าขนส่งทางอากาศได้เพิ่มขึ้นเป็น 700 เหรียญสหรัฐฯต่อกิโลกรัมเมื่อเร็วๆ นี้

ขณะที่ผู้บริหารสายการบินขนส่งสินค้าและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีคาดการณ์ว่าการขนส่งจะหยุดชะงักในปีหน้า สำหรับบริษัทต่างๆ นี่อาจหมายถึงอัตรากำไรที่ต่ำลงเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น

Doris Hsu ประธาน Globalwafers ผู้ผลิตวัสดุแผ่นเวเฟอร์รายใหญ่อันดับสามของโลก กล่าวว่า ความแออัดของท่าเรือส่งผลต่อกำหนดการจัดส่งของบริษัท และทำให้ต้นทุนสูงขึ้น "ความโกลาหลอาจคงอยู่จนถึงกลางปี 2022 ต้นทุนด้านโลจิสติกส์และวัตถุดิบยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Source: การเงินธนาคารออนไลน์

(Dec 28) ทำไมธนาคารกลางไม่ส่งเสริมคริปโทเคอร์เรนซี : ท่านที่ติดตามบทความของดิฉันมานาน คงจะทราบอยู่แล้วว่าดิฉันไม่สนับสนุนให้นำเงินเพื่อการเกษียณอายุงาน ไปลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี

และเคยให้เหตุผลไปบ้างแล้วว่า เทคโนโลยีที่ใช้ในการออกเงินคริปโทหลายสกุล คือ บล็อกเชนนั้น เป็นเทคโนโลยีที่ดี สามารถนำมาใช้ในการทำธุรกรรมที่ป้องกันการปลอมแปลงได้ดี แต่การลงทุนในเงินคริปโทที่ไม่มีเจ้าภาพเป็นธนาคารกลาง เป็นการลงทุนที่เสี่ยง เพราะปัจจัยพื้นฐานที่รองรับเป็นปัจจัยที่เกิดจากอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ล้วนๆ

หากมีความต้องการซื้อในตลาดสูง ก็จะผลักดันราคาให้ขึ้นไปสูงมากๆได้ โดยเฉพาะหาก สินค้ามีจำนวนจำกัด ซึ่ง บิทคอยน์ ใช้วิธีการลดปริมาณลงเป็นระยะๆ เพื่อช่วยพยุงราคาไว้

ในขณะเดียวกัน หากความต้องการลดลง ราคาก็สามารถลดลงไปได้ด้วย การหมุนเวียนเปลี่ยนมือของคริปโทเคอร์เรนซี จึงอยู่เฉพาะในกลุ่มคนจำกัด ที่ยอมรับความเสี่ยงทั้งจากความผันผวนของมูลค่า และจากการไม่มีเจ้าภาพดูแลได้ เปรียบเสมือน "ชิป" ในบ่อนคาสิโน ซึ่งจะมีมูลค่าเฉพาะในคาสิโนแห่งนั้น เมื่อออกจากคาสิโนนั้นไป "ชิป"นั้นก็เป็นเหรียญพลาสติกธรรมดา

อย่างไรก็ดี หากมีปัจจัยอื่นเช่น ความสามารถในการเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นคุณสมบัติของ "เงิน" โดยทั่วไป คริปโทเคอร์เรนซี ก็จะมีคุณค่ามากขึ้น เพราะมีปัจจัยพื้นฐานมารองรับเพิ่มเติม

นอกจากประเทศเอล ซัลวาดอร์ ซึ่งประกาศใช้บิทคอยน์ เป็นเงินที่สามารถใช้ในการจับจ่ายซื้อสินค้าและแลกเปลี่ยนได้ เพิ่มเติมจาก ดอลลาร์สหรัฐที่ใช้อยู่ นั้น ธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ออกมาเหยียบเบรกการนำคริปโตเคอร์เรนซีมาใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนแทน​ "เงิน"ของประเทศนั้นๆ

เหตุผลที่ เอลซัลวาดอร์ ประกาศใช้ บิทคอยน์ เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน เนื่องจากคนเอล ซัลวาดอร์ กว่า 70% ไม่มีบัญชีธนาคาร และคนที่ออกไปทำงานนอกประเทศ ส่งเงินกลับบ้าน คิดเป็นถึง 1 ใน 5 ของจีดีพี ที่ผ่านมาใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน และการพึ่งพาสถาบันการเงินในการโอนเงินมีค่าใช้จ่ายสูง

แต่หลายประเทศมองเห็นถึงอันตรายของการมี "เงิน" สกุลอื่นนำมาใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของและบริการ โดยเฉพาะ "เงิน" ที่ไม่มีการควบคุม และเงินที่มีค่าที่ผันผวนสูง เพราะหากปล่อยให้ใช้เป็นการแพร่หลาย คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องก็อาจจะตกเป็นผู้เสียเปรียบ

ธนาคารกลางของหลายประเทศกำลังศึกษาเรื่องนี้ และส่วนใหญ่ ศึกษาแบบที่ธนาคารกลางจะเป็นเจ้าภาพเอง คือเงินดิจิทัลของสกุลตัวเอง ซึ่งดิฉันคิดว่าน่าสนใจในด้านการเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนที่สะดวก ต้นทุนต่ำ แต่ในแง่การลงทุน เงินดิจิทัลจะไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยให้ จึงต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าน่าสนใจลงทุนหรือไม่

ประเทศจีนได้ออกมาเบรกความร้อนแรงของ คริปโตเคอร์เรนซี ด้วยการประกาศไม่ยอมรับให้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนที่ถูกกฎหมาย หลังจากนั้นก็มีอีกหลายประเทศ ออกมาประกาศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย และล่าสุดคือ ประเทศรัสเซีย

ไม่ใช่ว่าคริปโตเคอร์เรนซีไม่ดีนะคะ แต่เป็นเรื่องของการลงทุนที่ควรจะอยู่ในวงจำกัด เฉพาะผู้ลงทุนที่มีความรู้ เหมือนเป็นคลับดีล แลกกันเองภายในกลุ่ม ถ้าจะเอามาใช้เป็นการทั่วไป เช่น ซื้อคอนโด ซื้ออาหาร ของใช้ ซื้อทอง ซื้อเพชร ฯลฯ ผู้ซื้อและผู้ขาย ต้องเข้าใจธรรมชาติของตัวกลางนี้ค่ะ

หลายคนเห็นว่า การไม่ลงทุนในเงินคริปโทเป็นการเสียโอกาส ซึ่งดิฉันมองว่า ยังมีโอกาสอื่นๆให้ลงทุนมากมาย การลงทุนในคริปโตเป็นการเก็งกำไร หากผู้ลงทุนทำใจได้ว่า หากเงินที่ลงทุนไปหากไปหมดก็ยังไม่เดือดร้อน ก็สามารถลงทุนได้ค่ะ ลงเล่นๆ สนุกๆ แต่หากเงินลงทุนหายไปหมด ท่านเดือดร้อน ท่านก็ไม่ควรลงทุน

คนดังที่ลงทุน ทั้งลงทุนส่วนตัวและนำเงินของบริษัทไปลงทุน มีสองค่ายค่ะ หากถาม อีลอน มัสก์ ซึ่งนำเงินสภาพคล่องส่วนเกินของเทสล่าไปลงทุนใน บิทคอยน์ เขาก็จะตอบว่า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหุ้นของเทสล่า แต่หากถาม คุณทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิล เขาก็จะตอบว่า ผู้ลงทุนในบริษัทแอปเปิล ลงทุนเพื่อเติบโตไปกับธุรกิจของบริษัท ไม่ได้ลงทุนเพื่อให้บริษัทบริหารเงินสดให้โดยการนำไปลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวมีการลงทุนในบิทคอยน์ไหม คุณทิม คุก ตอบตรงๆว่า มีการลงทุน เพราะตัวเขาเองรับความเสี่ยงนี้ได้

สำหรับโทเคน (Token) ซึ่งกำลังนิยมออกมานั้น มีความแตกต่าง โทเคนจะเป็นเสมือนสัญลักษณ์แสดงสิทธิ์ เริ่มต้นจากอดีต ที โทเคนรถราง โทเคนรถไฟ โทเคนเล่นเกม ก็เป็นการแลกเหรียญ เพื่อให้มีสิทธิ์ ขึ้นรถ หรือเล่นเกมได้

โทเคนของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ก็เปรียบเสมือนหน่วยลงทุน หรือแชร์ ที่ลงขันกัน เพื่อทำโครงการอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อมีผลกำไรก็มีสิทธิ์ในการรับการแบ่งปัน หรือเมื่อขาดทุนก็ขาดทุนด้วยกัน

ตรงนี้ หากเรามีการกำกับดูแลที่ดี ให้มีการเปิดเผยข้อมูลกับผู้ซื้อหรือผู้ลงทุน เพื่อให้เขาสามารถพิจารณา ก็จะช่วยลดโอกาสของการลงทุนโดยไม่รู้ ไม่มีข้อมูล ลดโศกนาฏกรรมได้มากค่ะ ซึ่งประเทศไทยถือว่าทันสมัย มีการกำกับดูแลตั้งแต่หลายปีก่อน

ส่วนผู้ประกอบการตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคน ก็ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ซึ่งจะได้ค่าธรรมเนียม และหากเป็นดีลเลอร์เอง ก็จะมีกำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายได้เช่นกัน

ดิฉันนึกถึงภาพยนตร์สารคดีที่ไปดูในหอประวัติศาสตร์ของเมืองสเกกเวย์ (Skagway) ในอแลสกา เขาบรรยายถึงยุคตื่นทอง (Gold Rush) ว่ามีผู้คนแห่แหนไปขุดทองกันมากมาย แม้จะลำบาก ในคำบรรยายไม่ได้บอกว่าพบทองมากไหม แต่สรุปตอนท้ายคล้ายๆกับว่า กลุ่มที่พบโชคและมีความมั่งคั่งจริง คือกลุ่มผู้ประกอบการที่ไปให้บริการกับนักเผชิญโชคเหล่านั้น ทั้งร้านอาหาร พับ บาร์ บริการซักรีด ฯลฯ

เวลาพูดถึงเรื่องคริปโทเคอร์เรนซี และโทเคน จึงต้องดูด้วยว่า พูดในบริบทไหน เพราะแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก็มีหน้าที่ มีรายได้ มีผลตอบแทน และมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันค่ะ

โดย วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ | MoneyPro

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์