(May 21) กระทรวงการคลังสหรัฐจับมือกรมสรรพากรออกกฎเข้มกวาดล้างตลาดคริปโต : กระทรวงการคลังสหรัฐออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางกระทรวงกำลังออกมาตรการในการกวาดล้างตลาดสกุลเงินคริปโต รวมทั้งการทำธุรกรรมในตลาดดังกล่าว โดยรายการโอนเงินสกุลคริปโตที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์ขึ้นไป หรือราว 315,000 บาท จะต้องมีการรายงานไปยังกรมสรรพากรสหรัฐ (IRS)
"สกุลเงินคริปโตได้สร้างปัญหาการตรวจสอบเป็นอย่างมาก โดยมีการสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการหลบเลี่ยงภาษี" แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเสนอให้เพิ่มงบประมาณ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่ IRS รวมทั้งเพิ่มพนักงานเต็มเวลาจำนวนมากกว่า 86,000 รายในช่วง 1 ทศวรรษข้างหน้าเพื่อรับมือกับการเติบโตของสินทรัพย์คริปโต
"ภาคธุรกิจที่รับสินทรัพย์คริปโตที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ จะต้องรายงานต่อ IRS เช่นเดียวกับเงินสด โดยภายในบริบทของกฎระเบียบการรายงานบัญชีทางการเงินฉบับใหม่นั้น สกุลเงินคริปโต, บัญชีแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต และบัญชีการให้บริการด้านการชำระเงินซึ่งมีการรับสกุลเงินคริปโต จะต้องถูกรวมอยู่ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว" กระทรวงการคลังระบุ
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
https://www.ryt9.com/s/iq29/3225158เพิ่มเติม
- Biden administration targets crypto transfers in tax crackdown plan :
https://www.ft.com/content/09112208-08ce-40a1-8e50-9152f1ba03d9*******
ราคาบิตคอยน์รีบาวด์ขึ้นมายืนเหนือ 4.1 หมื่นดอลลาร์ แม้กระทรวงคลังสหรัฐฯ สั่งคุมเข้มตลาดคริปโตฯ ลุยกวาดล้างกลุ่มหนีภาษี
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมตรวจสอบการดำเนินธุรกรรมและถ่ายโอนเงินผ่านตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอย่างเข้มงวด ด้วยการกำหนดอย่างชัดเจนว่า การโอนเงินสกุลคริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป (ราว 315,000 บาท) จะต้องมีการรายงานไปยังกรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS)
แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า คริปโตเคอร์เรนซีได้สร้างปัญหาในการตรวจสอบสอบเป็นอย่างมาก เนื่องจากสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้มีส่วนพัวพันกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งหมายรวมถึงการหลบเลี่ยงภาษี ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้กรมสรรพากรเข้ามาร่วมมือกับกระทรวงการคลังในการดำเนินการตรวจตราดูแลสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซีในตลาดที่กำลังขยายตัวเติบโตอย่างรวดเร็วในเวลานี้
ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังเสริมว่า ภาคธุรกิจที่รับสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะต้องรายงานต่อ IRS เช่นเดียวกับเงินสด โดยภายในบริบทของกฎระเบียบการรายงานบัญชีทางการเงินฉบับใหม่นั้น สกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี, บัญชีแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซี และบัญชีการให้บริการด้านการชำระเงินซึ่งมีการรับสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี จะต้องถูกรวมอยู่ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว
ประกาศของกระทรวงการคลังในครั้งนี้เป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเห็นว่าหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงการคลัง กรมสรรพากร และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ จะเพิ่มบทบาทในการควบคุมสกุลเงินดิจิทัลให้มากขึ้นในไม่ช้า
ด้านสถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ที่ต้องการเข้ามาจัดระเบียบกำกับดูแลตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อกวาดล้างการเลี่ยงภาษี และทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีนี้ดำเนินการได้อย่างโปร่งใสถูกต้องตามระเบียบปฎิบัติทางกฎหมาย
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดนเพิ่งจะเสนอให้เพิ่มงบประมาณ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ทาง IRS รวมทั้งยกระดับเทคโนโลยีและเพิ่มพนักงานเต็มเวลาจำนวนมากกว่า 86,000 รายใน 10 ปีข้างหน้า เพื่อรับมือกับการเติบโตของสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซี ตลอดจนเพิ่มบทลงโทษให้หนักขึ้นสำหรับผู้ที่พยายามละเมิดกฎหมายดังกล่าว
กฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นยังอาจทำให้นักลงทุนสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีบางคนไม่พอใจ โดยเฉพาะในห้วงเวลานี้ที่เห็นมูลค่าของบิตคอยน์ลดลงไปแล้วประมาณ 25%
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเช้าวันนี้ (21 พฤษภาคม) ราคาคริปโตเคอร์เรนซีต่างๆ เริ่มรีบาวด์ขึ้นมา โดยบิตคอยน์ขึ้นมายืนเหนือระดับ 40,000 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 41,685 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16%, อีเทอเรียมขึ้นมาอยู่ที่ 2,901 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30%, XRP ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1.204 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26% และ Dogecoin ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.409 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32%
Source: standard wealth
https://thestandard.co/bitcoin-price-rebound/