กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

ราคาทองคำกับความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ - ปัจจัยอะไรทำให้ทองคำเคลื่อนไหว

  • 0 replies
  • 599 views
ถึงแม้ช่วงนี้บิทคอยน์จะมาแรง และราคาทองคำที่ถึงจะ ถึงวันตรุษจีน วันสำคัญใดๆก็ตาม แต่ราคาทองคำยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง เรามาลองศึกษาประวัติศาสตร์ ที่มาสำคัญๆ ที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกันดีกว่า


ราคาทองคำกับความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ปัจจัยอะไรทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหว


   ราคาทองคำ สามารถเป็นตัวบ่งชี้ถึงสถานะที่แท้จริงของเศรษญกิจสหรัฐได้ เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เป็นการส่งสัญญาณว่า "เศรษฐกิจไม่ดี" นักลงทุน "เข้าซื้อ" ทองคำเพื่อป้องกันจากสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ หรือ ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ ราคาทองคำปรับตัวต่ำลง หมายถึง เศรษฐกิจที่ดีขึ้น ส่งผลให้ราคาของหุ้น,พันธบัตรรัฐบาล หรือ ราคาอสังหาริมทรัพย์ ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นในแง่ของการลงทุน

ราคาทองคำ ยังสามารถสะท้อนถึง ความเชื่อของเทรดเดอร์ในสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หากพวกเขาคิดว่าเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ พวกเขาจะซื้อทองคำมากขึ้น หากพวกเขาคิดว่าเศรษฐกิจกำลังดีพวกเขาจะซื้อทองคำน้อยลง ราคาทองคำ สามารถแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของนักลงทุน ต่อสุขภาพทางเศรษฐกิจ  นี่คือ ตัวอย่าง



1.ยุคตื่นทอง และการเริ่มต้นขึ้นทั้งหมด

เมื่อมีการค้นพบทองคำที่ Sutter's Ranch ในปี ค.ศ 1848  เป็นจุดเริ่มต้นยุคทองใน เเคลิฟอร์เนีย และทำให้เกิดการรวมตัวกันของผืนเเผ่นดินอเมริกาตะวันตก ในปี ค.ศ 1861 Salmon Chase รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้พิมพ์สกุลเงินกระดาษสกุลแรกของสหรัฐฯ โดยใช้ปริมาณทองคำที่มีเป็นตัวกำหนดการผลิตธนบัตร  นั่นคือจุดเริ่มต้นของ "มาตรฐานทองคำ"




2.ราคาทองคำและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The greatest depression)

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 20.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 1929 เป็น 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 1934 ธนาคารกลางสหรัฐพยายามรักษามาตรฐานทองคำในขณะที่เศรษฐกิจแย่ลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้มีส่วนทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ โดยมีจุดเริ่มต้นจากตลาดหุ้นตกในปี 1929 และความล้มเหลวด้านการจัดการของธนาคารหลายแห่ง

ผู้คนเริ่มกักตุนทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง ในขณะที่ประเทศต่างๆในยุโรปต่างยกเลิกการใช้มาตรฐานทองคำ ในขณะที่ สหรัฐฯก็ยังคงยืนกรานจะใช้อยู่ จนกระทั่งในปี ค.ศ 1934 ในที่สุดประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ก็ได้ดำเนินการและลงนามในพระราชบัญญัติทองคำสำรอง  สิ่งนี้ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ครอบครองทองคำในรูปแบบทั่วไปนั้นผิดกฎหมาย

พระราชบัญญัติ กำหนด ให้ประชาชนแลกเปลี่ยน เหรียญทอง ทองแท่ง และใบรับรองการครอบครองทอง ต้องนำมาแลกเป็นเงินกระดาษมูลค่า 20.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อช่วยรัฐบาลกลางในการรักษามาตรฐานทองคำ และหนุนทองคำสำรอง

รัฐบาลขึ้นราคาทองคำเป็น 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ทำให้สามารถพิมพ์ธนบัตรได้มากขึ้น ในไม่ช้า เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้ง




3. ราคาทองคำเพิ่มขึ้นสามเท่าในหนึ่งวัน

ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ราคาทองคำคือ วันที่ประธานาธิบดี Richard M. Nixon ยกเลิกกางอิงดอลลาร์สหรัฐออกจากมาตรฐานทองคำ ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นจาก 42 ดอลลาร์เป็น 120 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ในปีค. ศ. 1971 นิกสันบอกให้ธนาคารกลางของประเทศหยุดแลกเงินดอลลาร์เป็นทองคำ ธนาคารกลางต่างประเทศไม่สามารถแลกเปลี่ยนดอลลาร์เป็นทองคำสหรัฐได้อีกต่อไป นิกสันต้องการทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับทองคำ เขาคิดว่าจะสามารถยุติสภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากการนโยบายควบคุมค่าจ้างขั้นต่ำของเขา ภายในปี 1976 นิกสันได้ยกเลิกมาตรฐานทองคำโดยสิ้นเชิง


4. 2 มิถุนายน 2016 - ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น $100 ภายในหกชั่วโมง

ในเดือนมิถุนายน 2016 ราคาทองคำพุ่งขึ้น 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในหกชั่วโมง นักลงทุนต่างตื่นตระหนกหลังจาก เหตุการณ์ Brexit เมื่อบสหราชอาณาจักร ลงมติขอถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป ราคาเพิ่มขึ้นจาก 1,254.96 ดอลลาร์เมื่อเวลา 16.00 น. ในวันที่ 23 มิถุนายนซึ่งเป็นช่วงเย็นของการโหวต Brexit เป็น 1,347.12 ดอลลาร์ในเวลาเที่ยงคืน นักลงทุนซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินยูโรและปอนด์อังกฤษที่ลดลง

ในปี 2016 ตลาดหุ้นสหรัฐเข้าสู่การปรับฐานของตลาดหุ้น ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของ Dow Jones ลดลง แต่ราคาทองคำกลับปรับเพิ่มขึ้น


5. กันยายน 2011 - ทองคำพุ่งสูงถึง 1,874 ดอลลาร์ต่อออนซ์

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2011  ทองคำทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ณ เวลานั้น) ที่ 1,873.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 1รายงานการจ้างงานที่อ่อนแอ,วิกฤตหนี้ยูโรโซนที่กำลังดำเนินอยู่ และ ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นเกือบสองเท่าจาก 1,000 ดอลลาร์ ออนซ์ในปี 2009

ในเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกัน นักลงทุนกังวลว่า สภาคองเกรส จะไม่เพิ่มเพดานการชำระหนี้ได้ทันเวลา หากไม่มีความสามารถในการออกหนี้ใหม่ รัฐบาลกลางอาจผิดนัดชำระหนี้

ในเดือนกันยายน 2009 ทองคำมีการซื้อ-ขาย ใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 1,032 ดอลลาร์ เมื่อค่าเงินดอลลาร์ลดลง หลายคนสงสัยว่าเป็นเวลาที่ดีหรือไม่ที่จะซื้อทองคำ ถ้าคุณมีลูกแก้วและสามารถมองเห็นอนาคตได้ ในขณะนั้นโลกกำลังออกจากวิกฤตการเงินปี 2008 หลายคนคิดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะกลับมาเหมือนเดิมหลังจากภาวะถดถอยอื่น ๆ แต่อัตราการยึดสังหาริมทรัพย์ที่สูงในสหรัฐอเมริกา และ ความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในยุโรป ทำให้นักลงทุนได้เปรียบ

ถึงกระนั้นนักวางแผนการเงินส่วนใหญ่จะแนะนำให้คุณมีทรัพย์สินในพอร์ตไม่เกิน 10% เป็นทองคำ




6. ภาวะถดถอยในปี 2020 สร้างสถิติสูงสุดใหม่สำหรับทองคำ

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2020 ทองคำพุ่งทะลุจุดสูงสุดก่อนหน้านี้โดยปิดที่ 1,882.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์  นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2020 ซึ่งเกิดจากการระบาดของโควิด -19 ภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2020 ทองคำทำสถิติใหม่ตลอดกาลที่ 2,062,50 ดอลลาร์ต่อออนซ์


ที่มา : the balance.com


โดย KIMBERLY AMADEO อัปเดตเมื่อ 17 กันยายน 2020


ติดตามข้อมูลข่าวสารการลงทุน FOREX เทรดหุ้น ทองคำ เพิ่มเติมได้ที่. https://investingprofit.net

หากคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกด Like กดเเชร์ กดติดตามทาง Facebook page : http://bit.ly/3p8T2bJ

บทความแปลมา หากมีความผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยฮะ  (TH)**