(Sep 5) 'หัวเว่ย'แฉรบ.สหรัฐฯโจมตีทางไซเบอร์ปักกิ่งสับ'ไม่สง่างาม'สำทับเลิกป้ายสีบ.จีน - "หัวเว่ย" กล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ "ทุกวิถีทางอย่าง ไร้ยางอาย" เพื่อขัดขวางธุรกิจและดิสเครดิตบริษัท ซึ่งรวมถึงการพยายามเข้าถึงข้อมูลด้วยการโจมตีทางไซเบอร์และข่มขู่พนักงาน ด้านปักกิ่งจวกพฤติกรรมดังกล่าวทั้งไม่สง่างามและไม่ปกติ พร้อมเรียกร้องวอชิงตันยุติการป้ายสี บริษัทจีน
หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายเทเลคอมรายใหญ่ที่สุดในโลก และสมาร์ทโฟนอันดับ 2 ของโลก ออกคำแถลงในวันพุธ (4 ก.ย.) ระบุว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการอย่างไร้ยางอาย หลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อแทรกซึมระบบอินทราเน็ต (อินเทอร์เน็ตภายใน) และระบบข้อมูลภายในของบริษัท อย่างไรก็ดี หัวเว่ย ไม่ได้แสดงหลักฐาน รวมทั้งไม่ได้ระบุว่า ข้อมูลใดที่ตกเป็นเป้าหมายหรือวอชิงตันทำสำเร็จหรือไม่
บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนรายนี้ยังระบุว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) พยายามกักขังหน่วงเหนี่ยว รวมทั้งบุกไปที่บ้านพนักงานของบริษัทเพื่อกดดันให้เปิดเผยข้อมูล
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงเอกสารของหัวเว่ยว่า พนักงานเหล่านั้นคือผู้บริหารระดับกลาง-สูง 8 คน ซึ่งในจำนวนนี้หลายคนเป็นพลเมืองอเมริกัน โดยกรณีล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานคนหนึ่งแจ้งหัวเว่ยว่า ได้รับการทาบทามจากเอฟบีไอให้เป็นสายคอยแจ้งข้อมูล
หัวเว่ยสำทับว่า ทางการอเมริกาพยายามขัดขวางธุรกิจของบริษัทด้วยการชะลอการจัดส่ง, ปฏิเสธการออกวีซ่า, และการคุกคาม ซึ่งบริษัทไม่ได้แจกแจงรายละเอียด
"เราขอประณามความพยายามที่ร้ายกาจของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการทำลายความน่าเชื่อถือและจำกัดสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมของเรา" คำแถลงของ หัวเว่ยระบุ
ทางด้าน เกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวันของกระทรวงในวันเดียวกันว่า พฤติกรรมดังกล่าวของอเมริกาทั้งไม่สง่างามและไม่ปกติ พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตันยุติการใส่ร้ายป้ายสีบริษัทจีน รวมถึงสร้างบรรยากาศการแข่งขันที่เป็นธรรม
ในส่วนคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั้น ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ
ขณะเดียวกัน คำแถลงของหัวเว่ยยังตอบโต้รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลที่ว่า บริษัทถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สอบสวนข้อหาขโมยสิทธิบัตรกล้องบนสมาร์ทโฟน โดยหัวเว่ยยืนยันว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง
หัวเว่ยกลายเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ฟาดฟันของจีนและอเมริกาที่เปิดสงครามการค้ากันมากว่าปี โดยตัวหัวเว่ยเองนั้นถูกขึ้นบัญชีดำในเดือนพฤษภาคมภายใต้ข้อกล่าวหาลอยๆ ว่า คุกคามความมั่นคงของอเมริกา วอชิงตันยังล็อบบี้ให้ประเทศพันธมิตรงดใช้ผลิตภัณฑ์หัวเว่ยเพื่อป้องกันการถูกจีนสอดแนม
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของสงครามการค้าสองมหาอำนาจโลกนั้น ทรัมป์ได้ทวีตเมื่อวันอังคาร (3) โจมตีว่า ปักกิ่งอาจพยายามเตะถ่วงการเจรจาการค้า เพราะหวังว่าตนจะแพ้การเลือกตั้งปีหน้า รวมทั้งหวังว่า จะได้ข้อตกลงที่ดีกว่าจากคณะบริหารชุดใหม่ของสหรัฐฯ
ทรัมป์ร่ายยาวว่า การรอคอยอีก 16 เดือนถือเป็นช่วงเวลายาวนาน ที่ตำแหน่งงานและบริษัทจีนจะเผชิญความตกต่ำ เพียงเพื่อจะพบว่า ตนเป็น ผู้ชนะเลือกตั้ง และพบเงื่อนไขการเจรจาที่เข้มข้นกว่าเดิม
Source: ผู้จัดการ 360 องศา