กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

การใช้งาน Indicator Moving Average (MA)

  • 0 replies
  • 11,203 views
การใช้งาน Indicator Moving Average (MA)
« เมื่อ: 10, พฤศจิกายน 2016, 04:03:15 PM »
การใช้งาน Indicator Moving Average (MA)
ลิขสิทธิ์ Traderider.com
ผู้แปล Mamay

บทนำ

     Moving averages คือการทำให้ราคามันราบเรียบในการบอกเทรนด์ มันไม่ได้บอกทิศทางของราคาแต่ว่า
สามารถบอกทิศทางของราคาในปัจจุบันได้โดยมีความล่าช้าเข้ามาเกี่ยวข้อง MA มันล่าช้าเพราะว่ามัน
ขึ้นอยู่กับราคาในอดีต แม้ว่าจะล่าช้า แต่ว่า MA ก็ช่วยทำให้พฤติกรรมราคามันราบเรียบและสามารถกรอง
สัญญาณหลอกได้ มันยังสามารถใช้เป็นพื้นฐานของเครื่องมือทางเทคนิคตัวอื่นอีกด้วย เช่น Bollinger
Bands, MACD และ the McClellan Oscillator  ค่า MA ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Simple Moving
Average (SMA) และ Exponential Moving Average (EMA) ซึ่งค่า MA สามารถใช้ในการวิเคราะห์
ทิศทางของเทรนด์ในการวิเคราะห์แนวรับแนวต้านที่เป็นไปได้



นี่คือกราฟ  SMA และ   EMA :
Indicator Moving Average (MA)

การคำนวณ Simple Moving Average
 
     Simple moving average เกิดขึ้นจากการคำนวณราคาเฉลี่ยของหลักทรัพย์ภายใต้ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง 
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้ราคาปิด ค่า Moving Average 5 วันคือการนำผลรวมของราคา 5 วันแล้วหารด้วย 5 อย่างที่
ชื่อของมันเรียก ค่า MA คือค่าเฉลี่ยของการเคลื่อนไหวของราคา  ข้อมูลเก่าจะถูกเพิกเฉย และข้อมูลใหม่จะถูกใช้
คำนวณ  ซึ่งทำให้ค่า MA มันเคลื่อนที่ตามสเกลเวลา ข้างล่างแสดงตัวอย่างของ MA 5

Daily Closing Prices: 11,12,13,14,15,16,17 

วันแรกของ   5-day SMA: (11 + 12 + 13 + 14 + 15) / 5 = 13

วันที่ 2 ของ  5-day SMA: (12 + 13 + 14 + 15 + 16) / 5 = 14

วันที่ 3 ของ  5-day SMA: (13 + 14 + 15 + 16 + 17) / 5 = 15


วันแรกของค่า MA ครอบคลุม 5 วันสุดท้ายของ  วันที่สองของ MA นั้นไม่ได้คำนวณรวมค่า 11 และนำค่า
16 เข้ามาคำนวณ วันที่สามของ MA ไม่คำนวณค่า 12 และนำค่า 17 เข้ามาคำนวณ ในตัวอย่างข้างบนราคา
ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจาก 11 ไปยัง 17 ในระยะเวลา 7 วัน จะสังเกตุได้ว่า MA ยังได้เพิ่มขึ้นจาก 13 ไปยัง 15 และ
ราคาของ 4 วันก่อนหน้านั้นต่ำกว่า ทำให้ราคา MA นั้นล่าช้า
 

การคำนวณ Exponential Moving Average

     ค่า Exponential moving averages ลดความล่าช้าโดยการใช้ค่าถ่วงน้ำหนักกับราคาปัจจุบัน ค่าถ่วงน้ำหนัก
ประยุกต์ใช้กับราคาปัจจุบันขึ้นอยู่กับจำนวนของช่วงเวลาที่ใช้ในค่า MA ซึ่งมี 3 ขั้นตอนในการคำนวณ ค่า
Exponential Moving Average อันดับแรกคำนวณค่า  simple moving average ซึ่งค่า EMA ต้องเริ่มจากการ

ใช้ SMA  อันดับที่ 2 คำนวณค่าถ่วงน้ำหนัก โดยใช้ตัวคูณเข้าไป อันดับ 3 คำนวณค่า EMA สูตรสำหรับ 10-
day EMA ข้างล่างนี้

ขั้นที่ 1 SMA: 10 period sum / 10 

ขั้นที่ 2 Multiplier: (2 / (Time periods + 1) ) = (2 / (10 + 1) ) = 0.1818 (18.18%)

ขั้นที่ 3 EMA: {Close - EMA(previous day)} x multiplier + EMA(previous day).


ค่า 10-period exponential moving average ใช้ค่าถ่วงน้ำหนัก  18.18% กับราคาปัจจุบัน ค่า 10-period EMA
สามารถเรียกได้ว่าเป็น  18.18% EMA ส่วนค่า  20-period EMA ใช้ค่าถ่วงน้ำหนัก  9.52% ถ่วงน้ำหนักกับ
ราคาปัจจุบันดังนี้  (2/(20+1) = .0952) สังเกตได้ว่าค่าถ่วงน้ำหนักสำหรับช่วงเวลาสั้นจะมากกว่าช่วงเวลาที่
ยาวนานกว่า จริง ๆ แล้วค่าถ่วงน้ำหนักลดลงทุกครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยที่นำมาคิด   
ถ้าคุณต้องการใช้ตัวเลข % สำหรับค่า EMA คุณสามารถใช้สูตรนี้ในการหา แล้วใส่นี้ตั้งค่าเข้าไป

Time Period = (2 / Percentage) - 1

3% Example:  Time Period = (2 / 0.03) - 1 = 65.67 time periods


ข้างล่างเป็นตาราง Excel สำหรับตัวอย่างการคำนวณ ค่า EMA 10 วันสำหรับค่าหุ้น Intel ค่า Simple
Moving Average นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมาไม่ต้องการคำอธิบายอะไรมาก ค่า SMA จะใช้ได้เมื่อมีราคา
ใหม่ออกมา ค่าเก่าจะไม่ได้ถูกใช้ในการคำนวณ ซึ่งค่า EMA เริ่มจากการคำนวณค่า SMA  (22.22) ในการ
คำนวณครั้งแรก  ซึ่งค่าในตาราง Excel อาจจะแตกต่างจาก กราฟข้างล่างเพราะว่าระยะเวลาที่แสดงอยู่สั้น
ไปหน่อย เนื่องจากตารางใช้แค่ 30  ช่วงเวลาเท่านั้น ซึ่งหมายความว่ามันกระทบกับค่า SMA

Indicator Moving Average (MA)

ปัจจัยล่าช้า (Lag Factor)

     ยิ่งค่า MA ที่ระยะยาว ยิ่งทำให้เกิดความล่าช้ามากขึ้น ค่า  10-day exponential moving average  จะอยู่ใกล้
ราคามากและจะเปลี่ยนแปลงเร็วเมื่อราคาเปลี่ยน ค่า MA ที่สั้นนั้นเป็นเหมือนกับ Speed Boat ซึ่ง
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ ค่า MA 100 นั้นจะต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากในการคำนวณและใช้เวลา
จำนวนมากในการเปลี่ยนแปลง  ยิ่งค่า MA ที่มาเหมือนกับเรือเดินสมุทร ที่ต้องใช้ราคาจำนวนมากในการ
คำนวณ


Indicator Moving Average (MA)
     กราฟข้างบนแสดงดัชนี S&P 500 ETF พร้อมกับ 10-day EMA และ 100-day SMA ซึ่งแม้ว่า เดือน
January-February ราคาจะลดลงแต่ว่า 100-day SMA ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่ 50-day SMA อยู่ระหว่าง
กลางของค่า MA 10 และ 100 วัน


Simple กับ Exponential Moving Averages

     แม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่าง Simple moving averages และ Exponential moving averages  แต่ว่าไม่ได้
มีอันไหนดีกว่าอีกอันหนึ่ง  Exponential moving averages นั้นมีความผันผวนน้อยกว่าและอ่อนไหวต่อการ
เปลี่ยนแปลงกับราคาในปัจจุบันมากกว่า ขณะที่ Simple moving averages แสดงให้เห็นถึงราคาเฉลี่ยราคา
หลักทรัพย์ในช่วงใดช่วงหนึ่ง ดังนั้น SMA อาจจะเหมาะสำหรับการวิเคราะห์แนวรับแนวต้านมากกว่า
การใช้ Moving average ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์รูปแบบการวิเคราะห์และ Time Frame นักเทรดควรจะต้อง
ทดสอบทั้งคู่กับ Time Frame ว่าเหมาะกับ Time Frame กราฟข้างล่างแสดงหุ้น IBM ภายใน 50 วัน SMA
ในสีแดง และ 50-day EMA ในสีเขียว ซึ่งสูงสุดในเดือน January แต่ว่าการลดลงใน EMA นั้นชั้นกว่า
SMA เส้น EMA และขึ้นในเดือน  February แต่ SMA ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่านั้นจนกระทั่งปลายเดือน  March
จะสังเกตุได้ว่า SMA นั้นกลับขึ้นมาช้ากว่า  EMA


Indicator Moving Average (MA)

ค่า MA และ Timeframes

     ระยะของ MA ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ Moving averages (5-20 periods) ระยะสั้นนั้น
เหมาะกับเทรนด์ระยะสั้นและเทรด  นักวิเคราะห์ที่สนใจในระยะกลางต้องใช้ MA ที่สูงกว่าเดิม ซึ่งอาจจะ
ใช้ค่า 20 - 60 นักลงทุนในระยะยาวจะต้องใช้ค่า MA 100 หรือมากกว่า 
ค่า MA บางช่วงเป็นที่นิยมมากกว่าอันอื่น ค่า MA  200-day Moving average ซึ่งเป็นที่นิยม เพราะว่าเป็นค่า
ระยะยาว ต่อไปคือ ค่า MA 50 ก็เป็นที่นิยมสำหรับระยะกลาง นักเทรดหลายท่านใช้ 50 วัน และ 200 วัน
ด้วย สำหรับระยะสั้น MA 10 นั้นค่อนข้างเป็นที่นิยมเพราะว่ามันใช้ง่าย เมื่อราคาเปลี่ยนเส้น MA ก็เปลี่ยน
แล้ว


การวิเคราะห์เทรนด์

     สัญญาณเดียวกันสามารถสร้าง SMA หรือ EMA ได้ อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่า ขึ้นอยู่กับว่าชอบอะไร
แล้วแต่คน ตัวอย่างเหล่านี้ข้างล่างจะใช้ทั้ง SMA และ EMA  ซึ่งคำว่า "moving average" ใช้ทั้ง Simple
และ Exponential Moving Average 

ทิศทางของ MA ได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับราคา การเพิ่มขึ้นของ MA แสดงให้เห็นถึงราคานั้นกำลังเพิ่มขึ้น
เมื่อ MA ลดลง หมายความว่าราคากำลังลดลง การเพิ่มขึ้นของ MA ระยะยาวจะสะท้อนการเคลื่อนไหวของ
ราคาระยะยาว  การลดลงของ MA ระยะยาวจะสะท้อนเทรนด์ขาลงระยะยาว


Indicator Moving Average (MA)
     กราฟข้างบนแสดง หุ้น  3M (MMM) พร้อมกับ EMA 150 ซึ่งตัวอย่างเพียงแค่แสดงว่ามันใช้งานได้ดีขนาด
ไหนเมื่อเทรนด์มีความชัดเจน ค่า EMA 150 ลดลงในเดือน พฤศจิกายน 2007 และอีกครั้งในเดือน มกราคม
2008 จะสังเกตุได้ว่ามันลดลง 15 % กว่าจะกลับตัว ซึ่งการล่าช้าของ Indicator นี้ทำให้สามารถวิเคราะห์จุด
กลับตัวได้เป็นอย่างดี  MMM นั้นยังลดลงในช่วงเดือน มีนาคม 2009 และอยู่ห่างจาก EMA 40 - 50 % ซึ่ง
EMA ไม่ได้กลับตัวแต่เมื่อ EMA เริ่มกลับตัวมัน ราคา MMM เคลื่อนไหวขึ้นเป็นระยะเวลา 12 เดือน


Double Crossovers

Moving  Average สามารถใช้ด้วยกันในการสร้างการตัดกันของสัญญาณ ในการวิเคราะห์ในตลาดการเงิน
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค  Murphy เรียกเทคนิคนี้ว่า  "double crossover method" ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ค่า MA
ระยะสั้นที่ตัดข้างระยะยาว เนื่องจากระยะที่ใช้คำนวณ MA ก็เกี่ยวข้องกับระบบ Time Frame อยู่แล้ว
ระบบที่ใช้  5-day EMA และ 35-day EMA จะเป็นระยะสั้น และ 50-day SMA และ 200-day SMA จะใช้
เป็นระยะยาว (หรืออาจจะใช้มากกว่านั้น ) 

     การตัดขึ้นของภาวะตลาดกระทิง เกิดขึ้นเมื่อ MA ระยะสั้นตัดขึ้นเหนือ MA ระยะยาว ซึ่งเรียกว่า Golden
cross  สัญญาณตลาดหมีเกิดขึ้นเมื่อสัญญาณ MA ระยะสั้นตัดลงข้างล่าง MA ระยะยาว เรียกว่า Dead Cross 
Moving average ตัดกันจะสร้างสัญญาณที่ช้า หลังจากที่เราใช้ระบบที่ ล่าช้าจากเครื่องมือ ยิ่งใช้ MA ที่ช้า
มากเท่าไหร่ ยิ่งให้สัญญาณที่ช้ามากไปด้วย แต่สัญญาณเหล่านี้ใช้ได้ดีเมื่อเกิดเทรนด์ที่ดี อย่างไรก็ตาม MA
Cross over จะสร้างสัญญาณหลอกบ่อยครั้งถ้าเกิดไม่มีเทรนด์ใหญ่ ๆ เกิดขึ้น
ซึ่งมีการใช้ Tripple Crossover ที่ใช้ MA 3 เส้นซึ่งสัญญาณที่สร้างขึ้นเกิดขึ้นเมื่อ MA ระยะสั้นตัดข้าม MA
ระยะยาว  โดยใช้ค่าต่อไปนี้ MA 5,10 และ 20 วัน


Indicator Moving Average (MA)
     กราฟข้างบนแสดงหุ้น Home Depot (HD) พร้อมกับ  10-day EMA (เส้นประสีเขียว ) และ  50-day EMA
(เส้นสีแดง) เส้นสีดำเป็นเส้นราคาปิดรายวัน การใช้ MA ตัดกันจะส่งผลกับความผันผวนระยะสั้นก่อนที่จะ
เกิดสัญญาณเทรดที่ดีเกิดขึ้น 10-day EMA ทะลุต่ำกว่า  50-day EMA ในปลายเดือนตุลาคม (1) แต่ไม่ได้
สามารถเกิดขึ้นได้นาน เนื่องจาก  10-day ย้อนกลับขึ้นไปในเดือน พฤศจิกายน November (2)  ซึ่งการตัด
กันนี้อยู่นาน แต่เกิดสัญญาณตลาดกระทิงในเดือน มกราคม  (3) เกิดขึ้นใกล้กับช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน
ทำให้เกิดสัญญาณหลอก ซึ่งสัญญาณตลาดหมีนี้ไม่ได้อยู่นานเนื่องจาก  10-day EMA ตัดขึ้นสูงกว่า  50-
day ภายในไม่กี่วันหลังจากนั้น  (4) หลังจากเกิดสัญญาณหลอก 3 ครั้ง ครั้งที่สี่ สัญญาณเกิดการชัดเจนราคา
ขึ้นไปกว่า 20 %
 
     มี 2 อย่างเกิดขึ้นที่นี่  อันดับแรก การตัดกันเป็นสัญญาณหลอก เราใช้เวลาในการกรองสัญญาณหลอก เทรด
เดอร์อาจจะต้องใช้ MA ตัดกันแล้วรอ 3 วันหลังจากนั้นเพื่อป้องกันสัญญาณหลอก หรือว่าต้องรอให้ EMA
10 ขึ้นสูงกว่า EMA 50 ก่อนที่จะทำอะไรลงไป  สอง MACD  สามารถใช้ในการวิเคราะห์การตัดกันนี้
MACD  (10,50,1) แสดงเส้นที่แตกต่างกันระหว่างค่า MA  เนื่องจาก MACD จะเป็นบวกช่วงที่เกิด Golden
Cross และเป็นลบในช่วง dead cross  อินดิเคเตอร์ Percentage Price Oscillator (PPO) สามารถใช้แบบ
เดียวกัน หมายเหตุ  MACD และ  PPO นั้นมีพื้นฐานมาจาก EMA และจะไม่เหมาะกับ Simple moving
averages


Indicator Moving Average (MA)
     กราฟนี้แสดง หุ้น  Oracle (ORCL) พร้อมกับ 50-day EMA  200-day EMA และ  MACD(50,200,1) มี  MA
4 ตัดข้ามช่วง 2 1/2  ปี  ผลของ 3 อันแรก ส่งผลต่อการเทรดที่แย่  การเทรดที่ยั่งยืนเริ่มจากสัญญาณที่ 4
เนื่องจากราคาหุ้น ORCL ขึ้นไปช่วงกลางของ 20 เหรียญ อีกครั้งที่ MA crossover ทำงานได้ดีเมื่อเทรนด์
ชัดเจน


ราคาตัดกัน

     Moving averages สามารถใช้ในการสร้างสัญญาณกับการตัดกันของราคาปกติ สัญญาณตลาดกระทิง
เกิดขึ้นเมื่อราคาสูง กว่าเส้น Moving Average สัญญาณตลาดหมีสร้างขึ้นเมื่อราคาตัดลงต่ำกว่า Moving
Average การตัดกันของราคาสามารถใช้กับการเทรดในเทรนด์ใหญ่ได้  ยิ่ง Moving Average ค่ามาก ยิ่งบ่ง
บอกถึงเทรนด์ที่ใหญ่มาก ๆ ถ้าค่า MA น้อยหมายความว่าใช้ในการกำหนดสัญญาณเทรด

     บางคนอาจจะมองหาสัญญาณตลาดกระทิงเท่านั้นเมื่อราคาอยู่เหนือ MA อยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เทรนด์
ใหญ่ ๆ  เช่น ถ้าราคาอยู่เหนือ MA 200 นักเทรดจะโฟกัสบนสัญญาณเมื่อราคาอยู่สูงกว่า MA 50 
แน่นอนว่า ราคาที่ลงต่ำกว่าเส้น MA 50 คือ จะทำให้เกิดสัญญา แต่ว่าตลาดหมีจะไม่เกิดขึ้นเพราะว่าตลาด
สัญญาณภาวะกระทิงรอบใหญ่เกิดขึ้น ตลาดหมีจะเป็นจุดที่ทำให้เกิดราคาดีดกลับในเทรนด์ใหญ่ การตัด
กลับเหนือ 50 MA จะกลายเป็นขาขึ้นและเกิดเทรนด์ขาขึ้นที่มากกว่า   
กราฟถัดไปแสดง  Emerson Electric (EMR) พร้อมกับ  50-day EMA และ  200-day EMA หุ้นเคลื่อนไหว
เหนือกว่า 200 MA ในเดือนสิงหาคม มีการเคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 EMA ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และ
มันเกิดขึ้นอีกครั้งในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ราคาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกลับมาอยู่เหนือ 50 -day EMA 
เพื่อให้สัญญาณตลาดกระทิง (ลูกศรสีเขียว) ในเทรนด์ขาขึ้นอันใหญ่ (MACD (1,50,1) ซึ่งแสดงในหน้าต่าง
indicator ยืนยันการตัดข้ามสูงขึ้นหรือต่ำกว่า 50 EMA เส้น 1 EMA เท่ากับราคาปิด MACD (1,50,1)
เป็นบวกเมื่อปิดสูงกว่า 50 EMA และเป็นลบเมื่อปิดต่ำกว่า 50 EMA


Indicator Moving Average (MA)

แนวรับและแนวต้าน

     Moving averages ยังสามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านในขาขึ้นและขาลง ในระยะสั้นขาขึ้นอาจจะ
เป็นแนวรับใกล้กับ เส้น 20 -day SMA ซึ่งถูกใช้ใน Bollinger Band ในระยะยาวขาขึ้นอาจจะพบว่าเส้น
MA 200 ทำหน้าที่เป็นแนวรับ ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับระยะยาว ถ้า 200 day MA อาจจะใช้เป็นแนวรับแนว
ต้านเพราะว่า มันมันใช้กันอย่างกว้างขวาง


Indicator Moving Average (MA)
     กราฟข้างบนแสดงให้เห็นถึง  NY Composite  พร้อมกับเส้น 200 วัน SMA จากช่วงกลางปี 2004
จนกระทั่งปลายปี 2008 เมื่อเทรนด์กลับตัวพร้อมกับ Double Top พร้อมกับการเบรคแนวรับเส้น 200 วัน
MA ทำหน้าที่เป็นเหมือนแนวรับรอบ ๆ เส้น ราคา 9500 
อย่าคาดหวังว่ามันจะสามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับแนวต้านจากเส้น MA โดยเฉพาะ MA ระยะยาว ตลาด
ขับเคลื่อนโดยอารมณ์แทนที่จะเป็นระดับแนวรับแนวต้านที่เป๊ะ ๆ MA สามารถใช้ในการวิเคราะห์โซน
แนวรับแนวต้าน
 

สรุป 

     ความได้เปรียบของการใช้ MA จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักกับความเสียเปรียบ MA เป็นเทรนด์ Following
หรือว่า Lagging ซึ่งทำให้เราช้ากว่าราคาจริงหนึ่งก้าวเสมอ  ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะเป็นข้อเสียด้วยเหมือนกัน เท
รนด์เป็นเพื่อนของคุณและมันเหมาะที่จะเทรนด์ในทิศทางเดียวกันกับเทรนด์ MA นั้นทำให้เทรดเดอร์
มั่นใจว่าอยู่ในทิศทางเดียวกับเทรนด์ แม้ว่าเทรนด์จะเป็นเพื่อนของคุณแต่หลักทรัพย์จะแกว่งตัวในช่วงเวลา
ใดเวลาหนึ่ง เมื่อเกิดเทรนด์  MA จะทำให้คุณขี่เทรนด์ได้ แต่ว่ามันอาจจะให้สัญญาณช้าไป อย่าค่าว่าจะได้
Sell ที่ราคาจุดยอดและ Buy ที่จุดต่ำสุดเนื่องจาก Indicator ส่วนใหญ่ ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว การใช้
indicator ต้องใช้ร่วมกับตัวอื่นเทรดเดอร์จะใช้ MA ในการวิเคราะห์เทรนดภาพรวมแล้วใช้ RSI บอกจุดเข้า
จุดออก 



ลิขสิทธิ์ Traderider.com
ผู้แปล Mamay