การใช้วิธีบริหารความเสี่ยงมาเร่งพอร์ตในแบบที่ผมใช้ครับ
สมมุตว่าผมมีทุน 1,000 us กำหนดความเสี่ยงที่ไม่เกิน 10% ต่อ 1 ออเดอร์ ไปดูภาพแรกครับ
สมมุติว่าผมได้จุดที่จะเข้าเปิด Buy ที่เส้นสีเหลือง โดยมีจุด SL เส้นสีแดง และจุด Tp เส้นสีน้ำเงิน จากภาพผมวัดระยะจากจุดที่จะเปิด Buy มาถึงจุด SL ได้ระยะ 100 pip นั่นหมายความว่าถ้าผมกำหนดความเสี่ยงที่ 10% ของทุน 1,000 us ผมจะสามารถเปิดออเดอร์นี้ได้ขนาด 0.10 lot หากราคาลงมาชน SL ผมจะขาดทุน 100$ หรือ 10% ของทุนที่ผมกำหนดไว้ หากราคาขึ้นไปชน Tp ผมจะได้กำไร 180$ หรือ 18% ของทุนไปดูภาพต่อไปครับ
จากภาพนี้จะเห็นสิ่งที่แตกต่างกันกับภาพแรกคือ ระยะ SL TP สั้นลงกว่าภาพแรก นั่นหมายความว่า จากระยะ SL ภาพนี้เหลือแค่ 30 pip ดังนั้นผมจะสามารถเปิดออเดอร์ได้ประมาณ 0.33 lot ซึ่งหากลงมาชน sl ผมจะขาดทุน 99$ ก็เกือบๆ 10% ของทุนตามที่กำหนดไว้ แต่หากราคาขึ้นไปชน TP ผมจะได้กำไร 0.33*80 pip = 264$ หรือ 26.4% ของทุนเลยทีเดียว
เห็นความแตกต่างมั้ยครับ ความเสี่ยงเท่าเดิม แต่หากถูกทางไปหา TP ท่านจะได้กำไรมากขึ้นกว่าเดิม หากบางจังหวะในระบบที่ท่านใช้มันระยะ SL น้อยลง จังหวะนี้คือจังหวะที่ท่านสามารถเร่งพอร์ตได้ เป็นวิธีที่เบสิค มากๆเลยครับไม่ได้มีอะไรพิศดาร
ปล.สิ่งสำคัญคือก่อนเปิดออเดอร์ทุกครั้งต้องวัดระยะ SL ก่อนเสมอเพื่อนำมาคำนวนขนาด Lot ที่จะเปิด หวังว่าคงมีประโยชน์กับหลายๆท่านนะครับ
แก้ไขครับ ภาพที่ 1 ระยะ tp 180 pip นะครับไม่ใช่ 1,800 pip ผมขี้เกียจลงภาพใหม่ครับ