กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

อินดิเคเตอร์ที่ดีกว่า RSI Money flow index (MFI) คืออะไร?🤩

  • 0 replies
  • 236 views
อินดิเคเตอร์ที่ดีกว่า RSI Money flow index (MFI) คืออะไร?🤩
« เมื่อ: 08, กุมภาพันธ์ 2024, 04:00:20 PM »

แอดมินจะมาบอกต่ออินดิเคเตอร์ที่ขึ้นชื่อว่า ดี! กว่า RSI เทรดเดอร์หลายๆอาจจะสงสัยว่ามีอินดิเคเตอร์ที่ดีกว่า RSI จริงหรอ? เพราะเจ้าตัว RSI ก็ถือเป็นอินดิเคเตอร์หนึ่งที่นำมาใช้กับการเทรดได้ดีมากๆ และเทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้กันอีกด้วย แต่ทุกคนต้องหยุดคิดและฟังแอดมินไปพร้อมๆกันก่อนว่า จะมีอินดิเคเตอร์อะไรที่สามารถใช้ได้ดีและมีความละเอียดกว่า RSI ครับ

แอดก็ขอเฉลยเลยแล้วกันครับ อินดิเคเตอร์ที่ว่าก็คือ MFI หรือ Money flow index นั่นเอง ก่อนแอดจะบอกวิธีการใช้งานแอดก็ขอให้เทรดเดอร์เข้ามาทำความรู้จักกับอินดิเคเตอร์นี้กันก่อน

Money flow index หรือ การไหลของกระแสเงิน เป็นอินดิเคเตอร์ที่อยู่ในหมวดของ Volume ซึ่งหากใครได้ดูคลิปที่แอดมินได้อธิบายเกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ Volume กันไปแล้วจะเห็นว่า MFI อยู่ในหมวดเดียวกัน  แน่นอนว่าอินดิเคเตอร์นี้จะมีการใช้ปริมาณการซื้อขายเข้ามาในการคำนวณด้วย

ซึ่งมีความแตกต่างจากอินดิเคเตอร์ RSI จากเดิมที่ RSI จะใช้วิธีการดูกราฟจากราคาเมื่อมีการซื้อมาก (Overbought) ราคาก็จะกลับตัวลงไป และหากมีการขายมาก (Oversold) ราคาก็จะกลับตัวขึ้นมา ซึ่งเจ้าตัว MFI นี้ จะมีครบทั้งการอิงราคา (Price) ตลาดและมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) เข้ามาด้วยนั่นเอง


และลักษณะของ MFI จะมีลักษณะที่คล้ายกับอินดิเคเตอร์ RSI ที่แสดงผลเป็นเส้นๆเหมือนกัน แต่การแสดงผลของทั้งสองตัวจะมีความแตกแต่างกันเล็กน้อย โดย MFI จะใช้มีการวัดระดับการซื้อขายที่มีค่าการแกว่งอยู่ระหว่าง 0 - 100 เพื่อให้เรารู้ปริมาณการซื้อขายของช่วงเวลานั้นๆ ว่ามีสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ได้ละเอียดกว่า

ส่วนการใช้งาน MFI ก็มีลักษณะที่คล้ายกับ RSI เช่นกันครับ แต่จุดเด่นของ MFI จะอยู่ที่ เมื่อขณะที่กราฟราคามีลักษณะที่เป็น Sideway MFI จะสามารถบอกปริมาณการซื้อขายในช่วงเวลานั้นๆได้ชัดเจนกว่า RSI ซึ่งข้อดีก็คือเราสามารถหาจุดเข้าออเดอร์ได้รวดเร็วกว่า RSI นั่นเอง

เราลองมาใช้งานจริงกันเลยดีกว่า เครื่องมือ MFI จะอยู่ในหมวดเดียวกับ Volumes อย่างที่แอดได้บอกไปข้างต้น ให้เรากดเข้าไปก็จะมีตัวเลือก Money flow index ส่วนค่า Period แอดก็จะใช้ตามที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้กันที่ 14 ครับ ในเรื่องของ Timeframe แอดมินก็จะใช้ที่ H1 ครับ แต่ถ้าเราลด TF ลงเราก็จะเห็นสัญญาณ MFI ได้ละเอียดมากยิ่งขึ้นก็อยู่ที่สไตล์การเทรดของแต่ละคนเลยครับ


เราจะมาการดูค่า MFI ในสัญญาณ Overbought
เหมือนกับการอ่านค่าใน RSI เลยครับ เมื่อค่า MFI เข้าสู่ระดับที่ 80 หรือมากกว่า เป็นระดับที่อยู่ในโซน Overbought เมื่อมีการซื้อมากเกินไปราคาก็จะมีโอกาสปรับตัวลงมา เทรดเดอร์จะใช้การกลับตัวตรงนี้ เพื่อเปิดออเดอร์ Sell


ต่อมาการดูค่า MFI ใน สัญญาณ Oversold
หาก MFI เข้าสู่ระดับที่ 20 หรือน้อยกว่า เป็นระดับที่อยู่ในโซนของ Oversold เมื่อมีการขายมากเกินไปแล้วราคาก็จะมีโอกาสการปรับตัวต่ำลง ราคามีโอกาสการปรับตัวขึ้นไป ซึ่งเราก็จะใช้การกลับตัวตรงนี้นี้ ในการเปิดออเดอร์ Buy

และเรายังสามารถใช้ MFI ดูสัญญาณ Divergence เมื่อกราฟวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับอินดิเคเตอร์ได้อีกด้วย ตัวอย่าง เราจะเห็นว่ากราฟมีลักษณะที่ต่ำลงมา แต่ MFI กลับมีส่งสัญญาณที่สูงขึ้นไป หมายความว่า ราคาของกราฟจะมีการกลับตัวขึ้นไปในไม่ช้า เราก็จะใช้สัญญาณ Divergence ตรงนี้ เปิดออเดอร์ Buy เพื่อทำกำไรจากกราฟที่กำลังมีการปรับตัวขึ้นไปนั่นเอง

เทรดเดอร์หลายๆคนคงจะชอบและเตรียมนำ MFI ไปใช้กับการเทรดแล้วใช่ไหมครับ แต่ถึงการทำงานของ MFI จะมีความละเอียดกว่า RSI ก็จริง ยังไงสิ่งสำคัญในการเทรดเราควรจะต้องรู้เทรนด์ตลาด ณ ขณะนั้นด้วย เพราะการดูสัญญาณ Overbought , Oversold จะใช้ไม่ได้ดีเท่าไหร่กับช่วงที่ตลาดกำลังเป็นเทรนด์ไม่ว่าจะขาขึ้น หรือขาลง MFI อาจจะให้สัญญาณหลอกกับเราได้ ฉะนั้นสิ่งที่แอดอยากจะบอกก็คืออย่าเทรดสวนเทรนด์ดีกว่าครับ