Demand Supply (ดีมานด์ ซัพพลาย) หรือ อุปสงค์ อุปทาน ถือเป็นระบบเทรดยอดนิยมและมีความแม่นยำสูงระบบหนึ่งที่เทรดเดอร์นิยมใช้งานกันจำนวนมาก โดย Demand Supply จะเป็นโซนที่ราคามีโอกาสจะกลับตัวหรือดีดตัวอยู่เสมอๆ เนื่องมาจากโซน Demand Supply นั้นเป็นจุดที่ในอดีตเคยเป็นจุดที่ราคานั้นเคยเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหว หรือเรียกง่ายๆว่าเคยกลับตัวมาก่อน และการที่ราคาจะเกิดการกลับตัวได้ก็จะต้องเป็นจุดที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเดียวกันพร้อมๆกัน มีการซื้อ การขาย พร้อมๆกันที่จุดเดียวกัน ทำให้โซนนั้นมีแรงซื้อหรือแรงขายจำนวนมาก จึงทำให้โซนนี้เป็นโซนที่มีต้นทุนเม็ดเงินไปกองอยู่ที่จุดนั้นเป็นจำนวนมาก หากราคากลับมาทดสอบอีกครั้งก็มีโอกาสที่จะมีการซื้อ ขายที่จุดเดิมอีกครั้ง
ความหมายพื้นฐานของ Demand Supply หลายๆท่านก็น่าจะได้เคยยินหรือพอจะรู้ความหมายกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ตามหลักของ Demand Supply คือ เมื่อสินค้าตัวนั้นมีความต้องการซื้อที่สูง ทำให้มีจำนวนผู้ซื้อมากกว่าผู้ขาย ราคาก็จะเพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากสินค้าตัวนั้นมีความต้องการซื้อที่น้อย หรือมีผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ ราคาก็จะถูกลง โดยเราจะพบเหตุการณ์ทำนองนี้ในชีวิตประจำวันกันอยู่แล้ว คือไม่ว่าสินค้าอะไรก็ตามที่ออกมาขายใหม่ๆ มีความนิยมสูงราคาก็จะสูงในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นก็จะมีพ่อค้า แม่ค้า ออกสินค้าในแบบเดียวกันมาขายบ้าง ทำให้สินค้าในตลาดมีจำนวนมากขึ้น แต่ผู้ซื้อยังคงเท่าเดิมหรือน้อยลง ก็จะเกิดการลดราคาแข่งกันเอาตัวรอดเพื่อให้ตัวเองขายสินค้านั้นได้ ที่กล่าวไปนี้คือหลักการพื้นฐานของ Demand Supply
เนื่องจากตลาด Forex เป็นตลาดการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ รวมไปถึงเศรษฐกิจโลก การใช้หลัก Demand Supply ในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาสามารถช่วยคาดการณ์ได้ว่าราคามีโอกาสที่จะกลับตัวหรือหยุดชะงักที่บริเวณโซนราคาใด หรือหากราคาหลุดโซนนั้นๆไปได้จะทำให้ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสกุลเงินประเทศนั้นๆ เพราะอย่าลืมว่าการที่กราฟจะมีแรงซื้อขายจำนวนมากขึ้นได้ ไม่ได้มาจากรายย่อยที่ไปทำให้โครงสร้างราคาเปลี่ยนแปลง แต่เกิดจากรายใหญ่อย่างเช่น ธนาคารกลางของประเทศนั้นๆที่เข้าไปแทรกแซง หรือพวกกองทุนเฮดจ์ฟันด์ต่างๆ และรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ดังนั้น Demand Supply โซน ที่เกิดขึ้นจึงเกิดมาจากการซื้อขายหรือเข้าไปแทรกแซงราคาจากรายใหญ่ ทำให้เราสามารถเข้าซื้อขายในจุดเดียวกับรายใหญ่ได้ ซึ่งนอกเหนือจากจุด Demand Supply แล้วก็ยังมีจุด Order Block อีกจุดหนึ่งที่เป็นเทคนิคช่วยดูจุดซื้อขายของรายใหญ่ได้เช่นกัน แต่ใว้แอดมินจะมาเขียนอธิบายการดู Order Block ในบทความถัดไปกันครับ
สำหรับจุด Demand (ดีมานด์) จะทำหน้าที่เป็นจุดแนวรับ เป็นจุดที่เราจะหาเพื่อใช้เป็นจุดเปิดออเดอร์ Buy หรือใช้เป็นจุดปิดทำกำไรของออเดอร์ Sell ที่ถือลงมาก็ได้เช่นกัน เนื่องจากจุดดีมานด์ จะเป็นจุดที่อดีตเคยมีการเข้าซื้อจำนวนมากจากจุดนี้และทำให้กราฟนั้นเกิดการกลับตัวไปเป็นขาขึ้น ทำให้เรามองว่าหากกราฟกลับลงมาทดสอบที่โซนนี้ กราฟก็จะมีโอกาสที่จะกลับตัวไปเป็นขาขึ้น หรือมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นจากบริเวณนี้อีกครั้ง
1.มองหาจุดที่กราฟเคยกลับตัวเป็นขาขึ้น แล้วโฟกัสไปที่บริเวณ Swing Low แนะนำให้หาจาก TF H4 หรือใหญ่กว่าจะมีความแม่นยำมากที่สุด โดยรอบสวิงที่เราจะมองหาก็จะเป็นสวิงรอบใหญ่เช่นกัน พวกสวิงย่อยระหว่างทางเราจะปล่อยผ่านไป โดยเราอาจจะใช้การตีเส้นสวิงเอาใว้เพื่อให้ง่ายต่อการมองก็ได้เช่นกัน
2.มองหาสวิงย่อยในสวิงใหญ่ หลังจากที่เราได้รอบสวิงใหญ่มาแล้วเราจะ Zoom เข้าไปที่บริเวณก้นสวิงของรอบสวิงใหญ่ จะทำให้เรามองเห็นสวิงเล็กๆที่อยู่ก้นสุด ให้เราทำการตีกรอบที่บริเวณนั้นทิ้งใว้
3.รอกราฟกลับลงมาทดสอบกรอบดีมานด์โซน หลังจากที่เราได้ตีกรอบทิ้งเอาใว้เราก็รอให้กราฟกลับลงมาทดสอบที่บริเวณกรอบนี้แล้วค่อยหาจังหวะเปิด Buy บริเวณกรอบนี้ หรือหากถือออเดอร์ Sell อยู่ก็สามารถใช้กรอบนี้เป็นจุดปิดทำกำไรได้เช่นกัน
สำหรับจุด Supply Zone (ซัพพลายโซน) จะทำหน้าที่เป็นจุดแนวต้าน สามารถใช้เป็นจุดเปิดออเดอร์ Sell หรือจะใช้เป็นจุดปิดทำกำไรของออเดอร์ Buy ที่เราถืออยู่ก็ได้เช่นกัน สำหรับจุดซัพพลายโซนนั้นจะตรงกันข้ามกับดีมานด์คือ จุดซัพพลายจะเป็นจุดที่กราฟเคยมีการขายจำนวนมากจนทำให้กราฟได้กลับตัวมาเป็นขาลง ดังนั้นหากกราฟกลับไปทดสอบที่บริเวณนี้อีกรอบก็ทำให้เรามองได้ว่าอาจจะมีแรงขายที่บริเวณนี้อีกครั้งและทำให้กราฟดีดตัวลงหรือกลับตัวลงอีกรอบได้เช่นกัน
1.มองหาจุดที่กราฟเคยกลับตัวเป็นขาลง แล้วโฟกัสไปที่บริเวณ Swing High แนะนำให้หาจาก TF H4 หรือใหญ่กว่าจะมีความแม่นยำมากที่สุด โดยรอบสวิงที่เราจะมองหาก็จะเป็นสวิงรอบใหญ่เช่นกัน พวกสวิงย่อยระหว่างทางเราจะปล่อยผ่านไป โดยเราอาจจะใช้การตีเส้นสวิงเอาใว้เพื่อให้ง่ายต่อการมองก็ได้เช่นกัน
2.มองหาสวิงย่อยในสวิงใหญ่ หลังจากที่เราได้รอบสวิงใหญ่มาแล้วเราจะ Zoom เข้าไปที่บริเวณหัวสวิงของรอบสวิงใหญ่ จะทำให้เรามองเห็นสวิงเล็กๆที่อยู่บนสุด ให้เราทำการตีกรอบที่บริเวณนั้นทิ้งใว้ เพื่อรอราคากลับมาทดสอบอีกครั้งก็จะสามารถใช้เป็นจุดเปิด Sell ได้ หรือใช้เป็นจุดปิดทำกำไรของออเดอร์ Buy ที่เราถืออยู่ก็ได้เช่นกัน
3.รอกราฟกลับลงมาทดสอบกรอบซัพพลายโซน หลังจากที่เราได้ตีกรอบทิ้งเอาใว้เราก็รอให้กราฟกลับลงมาทดสอบที่บริเวณกรอบนี้แล้วค่อยหาจังหวะเปิด Sell บริเวณกรอบนี้ หรือหากถือออเดอร์ Buy อยู่ก็สามารถใช้กรอบนี้เป็นจุดปิดทำกำไรได้เช่นกัน
เทคนิคการเทรด Forex ด้วย Demand Supply Zone เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยทำกำไรได้ค่อนข้างแม่นยำ แต่เหตุผลหลักๆที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้แล้วขาดทุนคือ มีความใจร้อนไปใช้กับ Time Frame ที่เล็ก ทำให้ความแม่นยำต่ำลง และถึงแม้ว่าการเทรดใน TF เล็กจะทำให้เราออกออเดอร์ได้บ่อยแต่ก็ทำให้เรามีต้นทุนค่าสเปรดที่สูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งในบางจังหวะอาจจะไม่คุ้มค่าสเปรดที่เสียไปสักเท่าไหร่ และเหตุผลที่หลายๆท่านใช้ระบบนี้แล้วเลิกใช้ไปก็เนื่องมาจากระบบนี้จะเหมาะสำหรับการใช้งานใน TF H4 ขึ้นไป ทำให้รอนาน กว่าราคาจะกลับมาทดสอบที่โซนที่เราตีกรอบเอาใว้ ดังนั้นปัญหาเรื่องการรอนานจะสามารถแก้ได้ด้วยการตีกรอบใว้หลายๆคู่เงินแทน จะทำให้สามารถได้เปิดออเดอร์ได้บ่อยขึ้น และอีกปัญหาที่เจอก็คือการที่เราเทรดจาก TF H4 ขึ้นไป จะมีระยะกรอบที่ค่อนข้างใหญ่หากโดน SL ก็จะโดนติดลบทีละหลาย pip หากเทรดเดอร์ที่มีทุนน้อยอาจจะต้องใช้บัญชี Cent หรือ Micro แทน จะทำให้เราสามารถลดความเสี่ยงต่อไม้ลงได้ แต่ก็แลกมาด้วยผลกำไรที่ได้ก็จะน้อยลงเช่นกัน ดังนั้นโดยรวมของระบบเทรดนี้จึงเป็นระบบที่ดีแต่มีคนใช้ค่อนข้างน้อยจากเหตุผลข้างต้นครับ
สามารถหาโซนดีมานด์ ซัพพลายได้อย่างไร?
สามารถหาได้ด้วยการมองหาจุดกลับตัวของราคาในรอบสวิงใหญ่ในอดีต
สามารถใช้กับ Time Frame เท่าไหร่ได้บ้าง? สามารถใช้ได้กับทุก Time Frame แต่หากต้องการความแม่นยำแนะนำให้ใช้กับ H4 ขึ้นไป
ข้อดีของการใช้ Demand Supply คืออะไร? การเทรดด้วย Demand Supply มีความแม่นยำสูง ช่วยให้มองตลาดในภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น
ข้อเสียของการใช้ Demand Supply คืออะไร? ใช้เวลาในการรอค่อนข้างนาน ทำให้ได้เปิดออเดอร์ค่อนข้างน้อย
Demand Supply ส่งผลต่อสกุลเงินอย่างไร ? หากสกุลเงินนั้นๆมีอุปสงค์(ดีมานด์)สูงจะส่งผลให้สกุลเงินนั้นแข็งค่ามากขึ้น แต่กลับกัน หากสกุลเงินนั้นมีอุปทาน(ซัพพลาย)สูงก็จะส่งผลให้สกุลเงินนั้นๆอ่อนค่าลง
