กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

🌐วิเคราะห์แนวโน้มกราฟ FOREX EUR/USD วันพุธ 4 มกราคม 2566 ลงมาขนาดนี้ต้องได้ของถูกแล้วล่ะ!!🌐

  • 6 replies
  • 1,458 views
*

CASE Forex

  • 15,922
🌐วิเคราะห์แนวโน้มกราฟ FOREX EUR/USD วันพุธ 4 มกราคม 2566 ลงมาขนาดนี้ต้องได้ของถูกแล้วล่ะ!!🌐



  Type Price SL TP
Signal Buy 1.048-1.051 20-40 pip 120-140 pip



    Signal Buy "หลังจากจุดเข้าซื้อเมื่อวานโดนตลาด DXY กระชากขึ้นอย่างแรงทำให้โซนที่คาดหวังจะรอ Rejection กลับตัวนั้นพังได้อย่างไวเลย" หลายๆคนก็อาจจะปล่อยผ่านไม่ได้ไม่เสียอะไร

    แต่... แอดมินเนี่ยล่ะแอบเข้าไปก่อนเลยโดนลากแทบเฮจจิ้งไม่ทัน แต่ก็ยังดีไปกิน GBPUSD แทนรอดตัวไป มาดูดีกว่าว่าวันนี้จะ Action กันต่อทิศทางไหนดี...


📌 แผนของการเทรดคือ 📌

    จังหวะที่เราจะเข้าเทรดวันนี้แผนการก็คือเราจะใช้จุดที่เรารอในอดีตนั้นล่ะ!! มาเป็นตัวช่วยในการเข้าซื้อของถูกหลังจากที่ตลาดย่อตัวลงมาลึกตั้งแต่ต้นปี... ทำไมซื้อทั้งๆที่แท่งยาวก็ภาพใหญ่ Month นั้นยังยืนเขียวอยู่เลยในแท่งก่อนก็เล่นไปตามโน้มใหญ่พลาดก็ SL แค่นั้นแต่ถ้ารีบสวนอาจจะโดนลากไกลไม่คุ้มกว่าหรือ...

    มารอดูล่ะกันว่าโซนที่เราคาดหวังนี้เขาจะสามารถย่อลงไปเครีย กรอบสามเหลี่ยม DMZ เก่า + EMA200 H4 นี้ได้หรือไม่ถ้าทำได้ก็รอให้เจอจังหวะ Bet วางSL ให้ได้ก่อนเด้ออย่ารีบสุ่มๆไปช้าก็ดีกว่ามั่วแล้วเสีย SL ฟรีๆ

*** ทำตามแผนพร้อมมองหาความเสี่ยงก่อนเสมอ หากเจอจุด Action ก็อย่าลืมวาง SL เด็ดขาด***



ขอให้ทุกท่านนะครับโชคดีมีกำไรทุกท่าน ครับ ขอกำไร ทั่วหน้าทุกท่านนะครับ
เชิญเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองการเทรดกันได้ตามสะดวกครับ
หากมีข้อแนะนะประการใดก็ยินดี น้อมรับทุกความคิดเห็นครับ อยากให้ทุกท่าน แบ่งปันความรู้ร่วมกันครับ



"...มนุษย์บางคนมีปากเหมือนท่อไอเสีย
เขาจำเป็นต้องระบายของเสียในสมองออกมาทางปาก
ไม่เช่นนั้นเขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้าได้
โปรดอย่ารับไอเสียจากท่อนั้นมาใส่ใจ
ไม่งั้นเราเองจะเป็นมะเร็ง..."

"Shoulder To Shoulder Together"

*

PoNgPk

  • 5,987
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการเปิดเผยในคืนนี้



ณ เวลา 19.29 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.38% สู่ระดับ 104.12 ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลง 0.53% สู่ระดับ 1.060 เทียบยูโร และอ่อนค่า 0.13% สู่ระดับ 130.83 เยน

ตลาดการเงินจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำเดือนธ.ค.ในคืนนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้



นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า รายงานการประชุมดังกล่าวจะบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสร้างความกังวลสูงสุดของเฟด หลังจากที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งแตะระดับ 5.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2%

"รายงานจะระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีมุมมองคัดค้านการผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วเกินไป โดยจะให้ความสำคัญต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และจะยังคงอยู่ในระดับสูง" นายเดเรค แทง นักเศรษฐศาสตร์จาก LH Meyer ระบุ

อย่างไรก็ดี คาดว่ารายงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า เฟดจะเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ในการพิจารณานโยบายการเงิน โดยจะให้น้ำหนักมากขึ้นต่อความเสี่ยงจากนโยบายของเฟดที่จะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีที่แล้วเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่รัสเซียประกาศบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.2565 ทำให้สหรัฐและชาติตะวันตกออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ส่งผลให้ทั่วโลกเกิดการขาดแคลนพลังงานและอาหารอย่างหนัก และเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น

เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 7 ครั้งในปีที่แล้ว โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550

หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25% เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 1.0% ในปี 2567 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ในช่วงสิ้นปีดังกล่าว และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1.0% ในปี 2568 สู่ระดับ 3.1% ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะปรับตัวสู่ระดับ 2.5%




โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 5,987
⚠️ ส่องกล้องรายงานประชุมเฟด คาดเดินหน้าขึ้นดบ. แต่จะระวังความเสี่ยงต่อศก.

🔖ตลาดการเงินจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนธ.ค.ในคืนนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

🖍นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า รายงานการประชุมดังกล่าวจะบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสร้างความกังวลสูงสุดของเฟด หลังจากที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งแตะระดับ 5.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2%

📌"รายงานจะระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีมุมมองคัดค้านการผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วเกินไป โดยจะให้ความสำคัญต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และจะยังคงอยู่ในระดับสูง" นายเดเรค แทง นักเศรษฐศาสตร์จาก LH Meyer ระบุ

📚อย่างไรก็ดี คาดว่ารายงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า เฟดจะเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ในการพิจารณานโยบายการเงิน โดยจะให้น้ำหนักมากขึ้นต่อความเสี่ยงจากนโยบายของเฟดที่จะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

⚡️ทั้งนี้ เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีที่แล้วเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่รัสเซียประกาศบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.2565 ทำให้สหรัฐและชาติตะวันตกออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ส่งผลให้ทั่วโลกเกิดการขาดแคลนพลังงานและอาหารอย่างหนัก และเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น

💙เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 7 ครั้งในปีที่แล้ว โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550

หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25% เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 1.0% ในปี 2567 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ในช่วงสิ้นปีดังกล่าว และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1.0% ในปี 2568 สู่ระดับ 3.1% ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะปรับตัวสู่ระดับ 2.5%

จากมุมมองรายงานจะระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดมีมุมมองคัดค้านการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเร็วเกินไปโดยจะให้ความสำคัญกับแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

🔥ต้องติดตามว่าจะเป็นประเด็นตามนักวิเคราะห์ได้มีการคาดการณ์ไว้หรือไม่ถ้าเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์อาจจะทำให้ราคาทองคำมีการปรับตัวร่วงลง

แหล่งที่มาของข่าว...
[https://www.ryt9.com/s/iq27/3387088](https://www.ryt9.com/s/iq27/3387088)
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 5,987
ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 1% เหนือระดับ 1,860 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ




ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. บวก 19.30 ดอลลาร์ หรือ 1.05% สู่ระดับ 1,865.40 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25% ในปีที่แล้ว




นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำเดือนธ.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์


โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 5,987
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยมีการคาดการณ์ว่า รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการเปิดเผยในคืนนี้ จะบ่งชี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังในปีนี้ โดยจะไม่ให้กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ



ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 165.01 จุด หรือ 0.5% สู่ระดับ 33,301.38 จุด

ตลาดการเงินจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำเดือนธ.ค.ในคืนนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า รายงานการประชุมดังกล่าวจะบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสร้างความกังวลสูงสุดของเฟด หลังจากที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งแตะระดับ 5.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2%



"รายงานจะระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีมุมมองคัดค้านการผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วเกินไป โดยจะให้ความสำคัญต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และจะยังคงอยู่ในระดับสูง" นายเดเรค แทง นักเศรษฐศาสตร์จาก LH Meyer ระบุ

อย่างไรก็ดี คาดว่ารายงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า เฟดจะเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ในการพิจารณานโยบายการเงิน โดยจะให้น้ำหนักมากขึ้นต่อความเสี่ยงจากนโยบายของเฟดที่จะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีที่แล้วเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่รัสเซียประกาศบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.2565 ทำให้สหรัฐและชาติตะวันตกออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ส่งผลให้ทั่วโลกเกิดการขาดแคลนพลังงานและอาหารอย่างหนัก และเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น

เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 7 ครั้งในปีที่แล้ว โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550

หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25% เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 1.0% ในปี 2567 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ในช่วงสิ้นปีดังกล่าว และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1.0% ในปี 2568 สู่ระดับ 3.1% ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะปรับตัวสู่ระดับ 2.5%




โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 5,987
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.9% ในไตรมาส 4/2565 โดยสูงกว่าระดับ 3.7% ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้




เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันที่ 5 ม.ค.

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1/2565 และ 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ก่อนที่มีการขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 3




โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
TRADE RIDER