ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลง แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวจีนผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์มากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะทำให้อุปสงค์ทองคำในจีนเพิ่มขึ้น



ณ เวลา 19.09 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลบ 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.07% สู่ระดับ 1,808.30 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ เว็บไซต์วีโอเอ.คอม รายงานว่า ทางการเซี่ยงไฮ้ได้โพสต์ในวีแชทเมื่อวันอาทิตย์ (4 ธ.ค.) ว่า ชาวเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่ต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงอีกต่อไปในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะและเพื่อเข้าสถานที่กลางแจ้งต่าง ๆ อาทิ สวนสาธารณะและจุดท่องเที่ยว

ด้านนครอุรุมชี ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ได้ประกาศผ่อนปรนนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในวันอาทิตย์ (4 ธ.ค.) โดยอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้า ตลาด ร้านอาหาร และสถานที่อื่น ๆ กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งตั้งแต่วันจันทร์ (5 ธ.ค.) หลังล็อกดาวน์เข้มงวดมานานหลายเดือน


โดย ปรียพรรณ มีสุข

สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบยูโรและเยน ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เพื่อคาดการณ์ทิศทางการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนนี้


ณ เวลา 18.52 น.ตามเวลาไทย ยูโรแข็งค่า 0.27% เทียบดอลลาร์ แตะระดับ 1.0571 ดอลลาร์ ส่วนเยนแข็งค่า 0.71% เทียบดอลลาร์ สู่ระดับ 135.27 เยน

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (2 ธ.ค.) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวระดับ 3.7% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% และเพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.6% โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ


ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเป็นตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญตัวสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 13-14 ธ.ค.

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ประกอบด้วย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค.



โดย ปรียพรรณ มีสุข

สำนักงานสถิติแห่งชาติของสิงคโปร์รายงานในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น 10.4% เมื่อเทียบรายปีในเดือนต.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 11.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ย.




หากไม่นับรวมยอดขายรถยนต์แล้ว ยอดค้าปลีกสิงคโปร์เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 14.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 16.9% ในเดือนก.ย.

หลังปรับค่าตามฤดูกาล ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน

ส่วนมูลค่ารวมโดยประมาณของยอดค้าปลีกในเดือนต.ค. อยู่ที่ราว 4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (2.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยในจำนวนนี้เป็นยอดค้าปลีกออนไลน์ประมาณ 13% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 13.9% ในเดือนก.ย. สำนักข่าวซินหัวรายงาน




โดย ปรียพรรณ มีสุข

คุ้มอยู่คู่เดียว 

เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.2 ในเดือนพ.ย. จาก 47.8 ในเดือนต.ค. และใกล้เคียงกับตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 46.1


ดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะหดตัว โดยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แล้ว

รายงานระบุว่า ดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงอ่อนแอในเดือนพ.ย.



โดย ปรียพรรณ มีสุข