กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแถลงว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐได้จัดการซ้อมรบทางอากาศในบริเวณทะเลญี่ปุ่น หลังจากที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น (EEZ) ในวันนี้ "กองกำลังญี่ปุ่นและสหรัฐได้จัดการซ้อมรบ ท่ามกลางสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่มีความตึงเครียดมากขึ้น ซึ่งการซ้อมรบดังกล่าวเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นและสหรัฐในการตอบโต้ต่อสถานการณ์ใดๆที่อาจเกิดขึ้น" แถลงการณ์ระบุ



ทั้งนี้ สหรัฐมีกำลังทหารจำนวน 55,000 นายประจำการในญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเกาะโอกินาวา ขณะที่มีฐานทัพอากาศอยู่ที่ชานเมืองนอกกรุงโตเกียว และที่เมืองอาโอโมริ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น

ทางด้านสหรัฐพร้อมด้วยผู้นำ 5 ชาติพันธมิตรจัดการประชุมฉุกเฉินนอกรอบการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่กรุงเทพฯในวันนี้ เพื่อประณามเกาหลีเหนือ หลังจากที่ได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น (EEZ)




ผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ได้แก่ นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ, นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น, นายฮัน ด็อก-ซู นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้, นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา, นายแอนโธนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และนางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์

"การกระทำของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ถือเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างชัดเจน และได้บั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค" นางแฮร์ริสกล่าว
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ ICBM ในวันนี้ ซึ่งมีพิสัยยิงได้ไกลถึงสหรัฐ โดยขีปนาวุธดังกล่าวตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น (EEZ) ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของเกาะฮอกไกโดประมาณ 210 กิโลเมตร

การยิงขีปนาวุธดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเกาหลีเหนือทำการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ตกสู่น่านน้ำนอกชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นวานนี้ ขณะที่เตือนว่าจะทำการตอบโต้สหรัฐ หากยังคงทำการซ้อมรบกับพันธมิตร

การยิงขีปนาวุธ ICBM ของเกาหลีเหนือ ทำให้มีการคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เกาหลีเหนืออาจพร้อมที่จะเริ่มทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560




โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

สหรัฐพร้อมด้วยผู้นำ 5 ชาติพันธมิตรจัดการประชุมฉุกเฉินนอกรอบการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่กรุงเทพฯในวันนี้ เพื่อประณามเกาหลีเหนือ หลังจากที่ได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น (EEZ)


ผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ได้แก่ นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ, นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น, นายฮัน ด็อก-ซู นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้, นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา, นายแอนโธนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และนางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์

"การกระทำของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ถือเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างชัดเจน และได้บั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค" นางแฮร์ริสกล่าว
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ ICBM ในวันนี้ ซึ่งมีพิสัยยิงได้ไกลถึงสหรัฐ โดยขีปนาวุธดังกล่าวตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น (EEZ) ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของเกาะฮอกไกโดประมาณ 210 กิโลเมตร

การยิงขีปนาวุธดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเกาหลีเหนือทำการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ตกสู่น่านน้ำนอกชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นวานนี้ ขณะที่เตือนว่าจะทำการตอบโต้สหรัฐ หากยังคงทำการซ้อมรบกับพันธมิตร


การยิงขีปนาวุธ ICBM ของเกาหลีเหนือ ทำให้มีการคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เกาหลีเหนืออาจพร้อมที่จะเริ่มทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560



โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ




ณ เวลา 20.16 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 218 จุด หรือ 0.65% สู่ระดับ 33,799 จุด

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ

"แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75-4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่ามีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับคุมเข้มอย่างมีประสิทธิภาพคือ 5-7%" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทางด้านนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ แสดงความเห็นว่า เฟดอาจจะต้องทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงเพื่อให้เงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีความตึงตัว




นอกจากนี้ ตลาดจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันที่ 23 พ.ย. เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด




โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

ทำเนียบประธานาธิบดีตุรกีแถลงว่า ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในวันนี้ โดยปธน.เออร์โดกันสนับสนุนความพยายามทางการทูตเพื่อยุติสงครามในยูเครน และได้ขอบคุณปธน.ปูตินที่ได้ขยายเวลาข้อตกลงการขนส่งธัญพืชในทะเลดำ




นอกจากนี้ ปธน.เออร์โดกันกล่าวว่า การพบปะกันระหว่างเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐและรัสเซียถือว่ามีความสำคัญ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจลุกลามจนไม่สามารถควบคุมได้

ทั้งนี้ นายบิล เบิร์น ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ได้พบปะกับผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองรัสเซียที่กรุงอังการาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อเจรจาเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากรัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงครามกับยูเครน



โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

 

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ




ณ เวลา 21.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,671.10 จุด บวก 124.78 จุด หรือ 0.37%

หุ้นพลังงานเป็นกลุ่มเดียวที่ปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันทรุดตัวลงในตลาดโลก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในจีน และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ




"แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75-4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่ามีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับคุมเข้มอย่างมีประสิทธิภาพคือ 5-7%" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทางด้านนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ แสดงความเห็นว่า เฟดอาจจะต้องทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงเพื่อให้เงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีความตึงตัว

ตลาดจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันที่ 23 พ.ย. เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด



โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงหลุดระดับ 1,760 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ




ณ เวลา 22.24 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลบ 7.10 ดอลลาร์ หรือ 0.40% สู่ระดับ 1,755.90 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ การดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ



"แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75-4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่ามีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับคุมเข้มอย่างมีประสิทธิภาพคือ 5-7%" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทางด้านนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ แสดงความเห็นว่า เฟดอาจจะต้องทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงเพื่อให้เงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีความตึงตัว

ตลาดจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันที่ 23 พ.ย. เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด


โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

เตรียมรับแรงกระแทก!!!
23 พ.ย. นี้ แบงก์ชาติยุโรป จะ "สูบ" เงินออกจากระบบ 2.96 แสนล้านยูโร (ตีคร่าวๆ 11 ล้านล้านบาท) --- ภาษาเศรษฐศาสตร์ คือ "สภาพคล่อง" จะเหือดแห้ง
เกิดอะไรขึ้น?
เพราะแบงก์พาณิชย์ในยูโรโซน (19 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร) จะแห่กัน "ใช้หนี้" คืนให้แบงก์ชาติยุโรป (แบงก์กลางของยูโรโซน)
เงินมหาศาลขนาดนี้ นับเป็นครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สถาปนาเงินยูโรมา 22 ปีเลยทีเดียว!
.
ต้องเท้าความอย่างนี้ เทือกเถาเหล่ากอเดียวกันกับ QE (Quantitative Easing) นั่นแล ยุโรปจะใช้  LTRO (Long Term Refinancing Operations)

ขณะที่ QE "อัดฉีด" เข้าสู่ระบบ ด้วยการที่แบงก์ชาติเข้าซื้อพันธบัตร หรือตราสารหนี้อื่น
LTRO "อัดฉีด" ด้วยการที่แบงก์ชาติปล่อยกู้ให้แบงก์พาณิชย์มีเงิน (เพื่อให้เอาไปปล่อยต่อ)

เมื่อถึงเวลาที่ "ย้อนศร" --- ก็จะ "ดูดซับ" เงินออกจากระบบ
สำหรับ LTRO ก็คือ แบงก์พาณิชย์ใช้หนี้ คืนเงินให้แบงก์ชาติ
นี่แหละครับท่าน สิ่งที่จะเกิดวันพุธนี้ แล้วเกิดระดับมหึมา พร้อมใจกันคืน ถึง 1.1 ล้านล้านบาท เอื๊อก!

ว่าง่ายๆ มันคือ "สวน QE" แต่สวนแบบแรงมาก หนักมาก
.
ซึ่งที่จริงแล้ว ยังไม่จำเป็นต้องรีบสวนขนาดนี้ก็ได้ เพราะเวลายังไม่ครบกำหนดใช้หนี้ด้วยซ้ำ อ้าว! แล้วทำไม ทำไม ทำไม???
ทำไมต้องเร่งรัดปูนนี้
เงินเฟ้อวิปโยคบรรลัยกัลป์ยังไงล่ะครับท่าน พุ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ --- ตัวเลขล่าสุด อัตราเงินเฟ้อยูโรโซน เดือน ต.ค. ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ อีกแล้วและอีกแล้ว ณ +10.6%
จึงต้องเร่งรัดให้ใช้หนี้ก่อนกำหนด
.
แล้วไยแบงก์พาณิชย์ต้องเร่งตาม?
ดอกเบี้ยครับท่าน --- แบงก์ชาติยุโรปขึ้นดอกเบี้ย ปั้ก ปั้ก ปั้ก
แต่ช้าก่อน ถ้าท่านคืนเงินเลยในวันที่ 23 พ.ย. นี้ การคิดดอกก็จะเป็นอีกแบบ
ก็มีแรงจูงใจอันควร

และยังไม่จบแค่วันนี้ หากพลาดไป ไม่ทัน ก็ยังมีรอบหน้า 21 ธ.ค. ให้ใช้คืนก่อนกำหนดได้อีก ... ซึ่งคาดว่าจำนวนเงินจะยิ่งมโหฬารกว่านี้อีกแน่

เอาแค่ระลอกแรกก่อนเถิด --- ไอ้ 11 ล้านล้านบาทที่จะถูกสูบออกจะระบบ กระเทือนไปทั้งตลาดเงินตลาดทุนทั่วทั้งทวีปยุโรป (หรืออาจรวมถึงโลก) แน่นอนครับท่าน
เตรียมใจไว้เลย!

https://www.reuters.com/markets/europe/ecb-begin-great-cash-mop-up-banks-repay-billions-loans-2022-11-18/
https://www.reuters.com/markets/europe/ecb-gets-rid-subsidy-bank-loans-mop-up-cash-2022-10-27/