(Oct

In-Depth : Federal Reserve เผยแพร่บันทึกการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ยอมรับเศรษฐกิจปรับดีขึ้นเร็วกว่าที่คาด แต่ยังคงมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจในระยะถัดไป จากมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งนี้คณะกรรมการแสดงแนวโน้มคงการซื้อสินทรัพย์ในอัตราเดิมไปอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้
Federal Reserve เผยแพร่บันทึกการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) วันที่ 15 – 16 ก.ย. 2563 ซึ่งคณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 0 – 0.25 แม้ว่าคณะกรรมการจะยอมรับว่าเศรษฐกิจปรับดีขึ้นเร็วกว่าที่คาด แต่ยังคงมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจในระยะถัดไปเนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งนี้คณะกรรมการแสดงแนวโน้มคงการซื้อสินทรัพย์ในอัตราเดิมไปอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้
1. ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ
คณะกรรมการฯ มีมุมมองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นเล็กน้อยจากการประชุมครั้งก่อนหน้า โดยยอมรับว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้สร้างความยากลำบากต่อชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และของโลก อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานฟื้นตัวขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมาแม้จะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงต้นปี อุปสงค์ที่อ่อนแอและราคาน้ำมันที่ปรับลดยังเป็นแรงกดดันด้านต่ำต่ออัตราเงินเฟ้อ ภาวะการเงินโดยรวมได้เริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการที่ได้ดำเนินการไปเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการไหลเวียนของสินเชื่อเข้าสู่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังขึ้นอยู่กับพัฒนาการของการแพร่ระบาดของโรคและวิกฤตด้านสาธารณสุข ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อในระยะใกล้ รวมทั้งเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลาง
1.1 การใช้จ่ายภาคครัวเรือน: คณะกรรมการฯ เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาด หลังจากที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้หยุดชะงักไปในไตรมาสสอง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค การกลับมาเปิดให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้นทำให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว (ประมาณสามในสี่ของที่ปรับลดลงไป) คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายด้านการคลังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน แต่แสดงความกังวลเรื่องการหมดอายุของสิทธิประโยชน์จากการว่างงานตาม CARES Act และเห็นว่ามาตรการด้านการคลังเพิ่มเติมจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้การฟื้นตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ทั้งนี้ ในการประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจของคณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่จะอยู่บนข้อสมมติว่ารัฐบาลจะออกมาตรการด้านการคลังเพิ่มเติม ซึ่งถ้าหากมาตรการด้านการคลังออกมาต่ำหรือล่าช้ากว่าที่คาดก็จะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปจากที่คาดได้ นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมีส่วนช่วยสนับสนุนด้านการลงทุนด้านที่อยู่อาศัย การซื้อยานพาหนะและสินค้าคงทนของผู้บริโภค อย่างไรก็ดี แม้ตัวเลขการจับจ่ายซื้อสินค้าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการซื้อสินค้าทาง online แต่การซื้อสินค้าด้านบริการยังฟื้นตัวได้ช้าจากมาตรการรักษาระยะห่าง โดยเฉพาะการเดินทางด้วยเครื่องบิน การเข้าพักโรงแรม และการรับประทานที่ร้านอาหาร ที่คาดว่ายังคงจะซบเซาต่อไปอีกระยะและเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
1.2 การลงทุนภาคธุรกิจ: คณะกรรมการฯ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการลงทุนภาคธุรกิจ หลังจากปรับร่วงลงมากในไตรมาสที่สอง โดยเห็นได้จากตัวเลขการสั่งซื้อ การขนส่งสินค้าทุน และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (business sentiment index) ที่ปรับดีขึ้น คณะกรรมการฯ ส่วนหนึ่งเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมีส่วนสนับสนุนการลงทุนภาคธุรกิจ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของภาคธุรกิจยังมีความแตกต่างกันในแต่ละอุตสาหกรรม โดยภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์เริ่มเห็นตัวเลขปรับดีขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านการบิน การบริการ และการก่อสร้างอื่นที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวมากนัก ด้านธุรกิจพลังงานและเกษตร ยังเผชิญกับความท้าทายแม้ราคาสินค้าเกษตรจะเริ่มเพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าให้ประเทศจีน โดยสรุปกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่คาด แต่ยังต่ำกว่าระดับก่อนวิกฤติ และยังมีหลายปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อาทิ ความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่จนทำให้การจ้างงานและการใช้จ่ายด้านสินค้าทุนชะลอออกไป รวมทั้งความยากลำบากในการจัดการ supply chains ที่โดนกระทบและจากแรงงานที่ขาดเพราะการแพร่ระบาดของโรค อนึ่ง มีข้อมูลชี้ว่ามาตรการด้านการคลังได้ช่วยธุรกิจขนาดเล็กในขณะที่ federal aid payment ได้ช่วยรายได้ด้านเกษตรกรรม
1.3 ตลาดแรงงาน: คณะกรรมการเห็นว่าสถานการณ์ในตลาดแรงงานปรับดีในระยะหลัง และการจ้างงานเริ่มกลับมาได้ประมาณครึ่งหนึ่งของที่เสียไปในช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาด อีกทั้งการจ้างงานที่ปรับเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานยังใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ โดยคณะกรรมการบางท่านมองว่าการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมาจากแรงงานกลุ่มที่ถูกพักงานชั่วคราว ดังนั้น การจ้างงานในอนาคตจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นเร็วเหมือนอย่างที่ผ่านมา อีกทั้งแรงงานส่วนที่เหลือมีแนวโน้มถูกเลิกจ้างถาวรและจำเป็นต้องย้ายงานไปอุตสาหกรรมอื่นและต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ซึ่งใช้เวลานาน นอกจากนี้ คณะกรรมการได้สังเกตว่าแรงงานกลุ่มที่มีค่าแรงต่ำได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่นซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการและโรงงานซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการรักษาระยะห่าง อีกทั้งคณะกรรมการมีความเห็นว่ามาตรการช่วยเหลือรัฐบาลเป็นสิ่งจำเป็นและแรงงานกลุ่มดังกล่าวจะรับผลกระทบรุนแรงที่สุดหากไม่มีการออกมาตรการเพิ่มเติม
1.4 อัตราเงินเฟ้อ: คณะกรรมการกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดและเครื่องชี้เงินเฟ้อที่ประเมินจากตลาดได้ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นมาจากราคาในสินค้ากลุ่ม Consumer Durables ซึ่งมีอุปสงค์ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการยังมองว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และภาวะโรคระบาดไม่ได้กระทบต่อราคาสินค้าและบริการมาก นอกจากนี้ คณะกรรมการคาดว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายเป็นเวลานานกว่าที่จะปรับเพิ่มขึ้นสู่เหนือระดับร้อยละ 2 แม้ว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจะมีความไม่แน่นอนสูง
ภาวะการเงินและเสถียรภาพทางการเงิน
1.5 ภาวะการเงินและเสถียรภาพทางการเงิน: คณะกรรมการกล่าวว่าภาวะการเงินโดยรวมยังคงผ่อนคลาย และมาตรการของธนาคารกลางสหรัฐฯ และกระทรวงการคลังยังช่วยสนับสนุนให้ภาคครัวเรือนและธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อได้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเห็นว่ายังมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงเงินกู้ยืมที่ต่างกันตามระดับความน่าเชื่อถือของผู้กู้ ทั้งนี้ จำนวนบริษัทที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่อัตราผิดนัดชำระของสินเชื่อธุรกิจปรับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ คณะกรรมการบางท่านกล่าวเสริมว่าการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างมากอาจทำให้เกิดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเกินความเหมาะสมและก่อให้เกิดความไม่สมดุลในระบบการเงินได้
2. Monetary Policy และ Forward Guidance
คณะกรรมการ FOMC มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0-0.25 และจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ Effective Lower Bound (ELB) จนกว่าตลาดแรงงานจะเข้าสู่ภาวะที่ทำให้บรรลุเป้าหมายการจ้างงานสูงสุด และอัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2 โดยคณะกรรมการเห็นว่าควรปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงกว่าร้อยละ 2 เล็กน้อย (moderate) ไประยะหนึ่ง เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะยาวอยู่ที่ร้อยละ 2 ทั้งนี้ มีคณะกรรมการที่ไม่เห็นชอบ 2 ท่าน ในเรื่อง forward guidance โดยที่กรรมการ 1 ท่านต้องการรักษาความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายการเงิน ขณะที่อีกท่านต้องการให้ปรับภาษาของ forward guidance ให้สะท้อนการยึดแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากกว่านี้ อย่างไรก็ดี คณะกรรมการเห็นพ้องกันว่าท่าทีการดำเนินนโยบายการเงินยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ หากเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเสี่ยงให้แก่แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า นอกจากนี้คณะกรรมการยังได้หารือและมีข้อสรุปในประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินดังต่อไปนี้
2.1 รูปแบบ forward guidance: คณะกรรมการส่วนมาก (most) สนับสนุนให้มีการเพิ่มความชัดเจนในการใช้ outcome-based forward guidance โดยเฉพาะเงื่อนไขที่จะทำให้พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก ELB โดยคณะกรรมการส่วนมากในจำนวนนี้เห็นชอบกับการระบุว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ ELB จนกว่าตลาดแรงงานจะเข้าสู่ภาวะที่ทำให้บรรลุเป้าหมายการจ้างงานสูงสุดและอัตราเงินเฟ้อปรับเข้าสู่ร้อยละ 2 และเพิ่มอย่างต่อเนื่องขึ้นและสูงกว่าร้อยละ 2 อย่าง moderate ตามที่ได้ประกาศไป ทั้งยังประเมินว่าเป็นการให้ forward guidance ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพเพียงพอ นอกจากนี้ คณะกรรมการยังระบุว่า outcome-based forward guidance นี้ไม่นับว่าเป็น unconditional commitment ต่อ path การดำเนินนโยบาย แต่ forward guidance รูปแบบนี้จะช่วยให้ผู้ร่วมตลาดสามารถประเมินได้ว่า Fed มีการเปลี่ยนแปลงการประเมินหรือไม่และจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเวลานานเท่าไหร่
2.2 การเข้าซื้อสินทรัพย์: การเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินที่ผ่านมามีส่วนสำคัญที่ทำให้ภาวะการเงินปรับดีขึ้นมาก ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างกลไกการทำงานของตลาดการเงิน และสนับสนุนการกระจายของสินเชื่อสู่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ คณะกรรมการเห็นควรให้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล, mortgage-backed securities (MBS) ในอัตราไม่น้อยกว่าที่เข้าซื้อในปัจจุบัน แต่เห็นควรให้ยกเลิกการเพิ่มการเข้าซื้อ Agency CMBS เนื่องด้วยกลไกตลาดที่ได้ปรับดีขึ้นมากแล้ว และทั้งยังให้หยุดการ reinvest กลับเข้าใน Agency CMBS โดยให้เข้าซื้อ Agency CMBS ในระดับที่เพียงพอต่อการสนับสนุนกลไกตลาดเท่านั้น
2.3 ธุรกรรม repurchase agreement: คงการเสนอ overnight repo และ term repo ในขนาดใหญ่เพื่อรักษากลไกในตลาดกู้ยืมระยะสั้นเป็นหลัก โดยให้ยกข้อความที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกรรม repurchase agreement ออกจาก FOMC statement
Source: BOTSS