(Oct 7) ประธานธนาคารกลางยุโรปเตือนความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 เป็นรอบที่ 2 จะเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน : นาง Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 รอบที่ 2 จะเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน โดยขณะนี้กำลังกังวลว่า มาตรการควบคุมโรคระบาดที่รัฐบาลประเทศต่างๆ อาจจำเป็นต้องนำมาประกาศใช้อีกครั้ง จะส่งผลให้รูปแบบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนเปลี่ยนไปจากลักษณะ V-shape ที่เคยคาดการณ์กันไว้
ขณะที่ นาย Pablo Hernandez de Cos ผู้ว่าการธนาคารกลางสเปน และ Governing Council member ของ ECB ระบุว่า ภายใต้สถานการณ์วิกฤตในปัจจุบัน การขยายหรือปรับเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดย ECB ถือเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถมองข้ามไปได้ ซึ่งโอกาสที่จะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ โดย ECB อาจจำเป็นต้องพิจารณาปรับเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือขยายระยะเวลาของมาตรการช่วยเหลือฉุกเฉินออกไปเป็นการชั่วคราว
ด้าน นาย Philip Lane - Executive Board member และ Chief Economist ของ ECB ระบุว่า ECB จำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป ถึงแม้ว่าวิกฤต COVID-19 จะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินยูโรโซนจะปรับเข้าสู่เป้าหมายของ ECB ที่ต่ำกว่าแต่ใกล้เคียงร้อยละ 2 โดย นาย Lane เน้นย้ำว่า วิกฤตโรคระบาดเป็นสถานการณ์ที่มีความท้าทาย ซึ่งส่งผลให้ ECB จำเป็นต้องควบคุมให้ต้นทุนการกู้ยืมยังอยู่ในระดับต่ำต่อไปแม้ว่าวิกฤตดังกล่าวจะผ่านพ้นไปแล้ว เพื่อดูแลให้นโยบายการเงินมีความเหมาะสมมากเพียงพอที่จะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับสูงขึ้นสู่ระดับเป้าหมายในระยะกลางของ ECB ได้อย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบเวลาที่เหมาะสม
นอกจากนี้ รายงานของ ECB ยังระบุว่า ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารขนาดใหญ่ในยูโรโซนได้ปรับแย่ลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของ ปี 2020 แต่ปริมาณหนี้เสียยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยในครึ่งแรกของปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์โรคระบาดมีความรุนแรงมากที่สุด สัดส่วน return on equity ของกลุ่มธนาคารยูโรโซนได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 0.01 เทียบกับร้อยละ 6.01 ในปีก่อน ขณะที่มีธนาคารในกลุ่มสมาชิกยูโรโซนอย่างน้อย 7 จาก 19 ประเทศ แสดงให้เห็นถึงรายได้ที่ติดลบ ด้านปริมาณหนี้เสียของธนาคารยูโรโซนอยู่ที่ 503 พันล้านยูโร ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 501 พันล้านยูโร ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า มากนัก ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากมาตรการขยายกำหนดชำระหนี้ รวมถึงการเข้าค้ำประกันสินเชื่อโดยรัฐบาล
Source: BOTSS