เส้น MA ( Moving Average ) คืออะไร เทรดเดอร์มือใหม่หลายๆท่านที่ได้ยินชื่อนี้คงจะมีคำถามนี้อยู่ในใจกัน  เส้น MA นั้นเป็น Indicator ที่มีติดมากับโปรแกรม MT4 หรือ Metatrader4 ให้ทุกเครื่องอยู่แล้วครับ เราไม่ต้องไปโหลดมาติดตั้งเพิ่มเติม  ทีนี้เรามาทำความเข้าใจกับค่า period ของเส้น MA กันก่อน เท่าที่ผมลองสอบถามเทรดเดอร์มือใหม่ หรือ บางท่านก็เทรดมานาน ยังเข้าใจผิดกันว่า ค่า period ของเส้น MA นั้นคือมีหน่วยเป็น1วัน   อย่างเช่นเราใช้เส้น MA  period 20  ก็จะเข้าใจกันว่า เป็นค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ของราคาที่ 20วัน  ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่  เพราะค่า period ที่เราใช้กันนั้นมันจะอ้างอิงจาก Time Frame ที่เราเปิดอยู่ ณ ขณะนั้น  เรียกง่ายๆคือมีหน่วยเป็นแท่งนั่นเอง


ตัวอย่างการคำนวณของ เส้น MA ( Moving Average ) คืออะไร

หากเราเปิดกราฟอยู่ที่ TF 15 นาที แล้วใช้เส้น MA ที่ period 10  method=simple   apply=close นั่นหมายความว่า ตัวเส้น MA นั้นจะแสดงค่าจากการเอาราคาปิดของแท่งเทียน 15แท่งก่อนหน้าทั้งหมดมารวมกันแล้วหาร ด้วย15 อีกที ก็จะได้ราคาที่ตัวเส้น MA แสดงค่าออกมา    ส่วนรายละเอียดการคำนวณของแต่ละค่านั้นผมไม่ขอพูดถึงนะครับ (ผมโง่คณิตศาสตร์อธิบายไม่เป็น )  แนะนำให้ลองไปหาในกูเกิ้ลดูครับ

ทีนี้หากว่าเราปรับค่าของเส้น MA ต่างกันไปก็จะแสดงผลออกมาต่างกัน ตามสูตรที่เจ้าของเขาสร้างเอาไว้  แต่หลักๆนั่นคือ ค่า period ที่เราเลือกนั้นมีหน่วยเป็นแท่งเทียนนั่นเองไม่ใช่มีหน่วยเป็นวันเสมอไป  เพียงแต่ว่าในสมัยที่เจ้าของเส้น MA ได้สร้างเส้นนี้ขึ้นมานั้น สมัยก่อนยังเป็นการเทรดหุ้นในกระดาษ ยังไม่มีคอมพิวเตอร์เหมือนสมัยนี้ ราคาหุ้นจึงสรุปราคาเป็นรอบวัน  ซึ่งต่างจากที่สมัยนี้มีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยจึงสามารถดึงราคาได้แบบเรียลไทม์ จึงสามารถนำมาแบ่งราคาย่อยเป็นหน่วยนาที หน่วยวัน หน่วยสับดาห์ ฯลฯ ได้ 





จากเนื้อหาข้างต้นเราก็จะเห็นได้ว่าที่มาของเส้น MA นั้นมันก็ตามความหมายของชื่อมันอยู่แล้วคือ  Moving Average  (ค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่)   ซึ่งหากเราเข้าใจ เราจะทราบสาเหตุกันทันทีว่า ทำไมระบบเทรดด้วย เส้น MA ตัดกันสุดท้ายแล้วเราขาดทุน ไม่ว่าจะใช้เส้นเฉลี่ยค่าไหนก็ตาม สุดท้ายก็จบด้วยการขาดทุนอยู่ดี  เพราะว่าเส้น MA มันไว้เพียงแค่บ่งบอกค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ของราคาเท่านั้น และที่สำคัญ ต้นกำเนิดของมันจริงๆนั้นคือ E. George Schaefer นักลงทุนชื่อดังในสมัยนั้น และเป็นผู้ที่ใช้หลักการของทฤษฎีดาวในการลงทุนในตลาดมากว่า 20 ปี ได้เขียนหนังสือขายดีชื่อ "How I Helped More than 10,000 Investors to Profit in Stocks" ออกมาในปี 1960 โดย Schaefer

ได้มีการพัฒนาเครื่องมือทางเทคนิค ที่ใช้ร่วมกับการหลักการวิเคราะห์พฤติกรรมตลาดของทฤษฎีดาว อย่างการใช้ เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ขึ้นมา (200-day Simple Moving Average) จึงถือว่าได้ Schaefer เป็นผู้บุกเบิกการใช้เส้นค่าเฉลี่ยในตลาด ที่มีผลกระทบในวงกว้างของยุคอีกคนหนึ่งเช่นเดียวกันครับ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเส้น MA200 จึงได้นิยมใช้กันมาก แล้วสามารถช่วยทำกำไรได้บ่อยครั้ง อีกทั้ง Mebane T. Faber และ Paul Tudor Jones ก็ได้พูดถึงค่า Parameter นี้เอาไว้



ถัดมา บางท่านก็เกิดคำถามในใจว่า เอ๊ะ เราก็ลองไล่กราฟแล้วมันก็ได้กำไรจริงๆนะ  เส้น MA ตัดกันมันก็ได้กำไรบ่อยไป    เรื่องนี้ขอตอบแบบจิตวิทยาความเป็นจริงเลยนะครับ   เวลาเราไปเจอระบบไหนที่เขาโชว์กำไร เราก็จะไปแบคเทสมองหาแต่จังหวะที่มันได้กำไร แต่จังหวะที่ขาดทุนเรามักจะตาบอดมองไม่เห็น หรือ อาจจะเห็นแต่แกล้งเลื่อนผ่านไป  อีกสาเหตุคือ สายตาเรามองไม่ละเอียด ไม่เห็นครบทุกจังหวะของกราฟ  ถ้าหากไม่เชื่อ ท่านก็ลองเอาระบบนั้นๆที่ท่านมองว่าเทพ ไปลองจ้างคนเขียนเป็น EA ดูได้เลยครับ แล้วจะเห็นความจริง  นี่ล่ะครับเหตุผลที่ว่าทำไมเวลาไปไล่กราฟย้อนหลังส่วนมากกำไรมันทุกระบบ 

หากท่านได้อ่านแล้วเข้าใจที่มาของเส้น MA ว่ามันบอกอะไรแล้ว ที่เหลือก็คือหน้าที่ของท่านเองละครับ ว่าจะเอามันไปใช้ในการเทรดยังไง 

หากเนื้อหาผิดพลาดประการใด ผมก็รบกวนขอคำแนะนำเพื่อนำมาแก้ไขให้ถูกต้องด้วยครับ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ