กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

ระบบเทรด โดยใช้ RELATIVE STRENGTH INDICATOR ( RSI )

  • 0 replies
  • 3,735 views
ระบบเทรด โดยใช้ RELATIVE STRENGTH INDICATOR ( RSI )
« เมื่อ: 23, กรกฎาคม 2017, 10:27:13 PM »
ระบบเทรด โดยใช้  RELATIVE STRENGTH INDICATOR ( RSI )
เป็น INDICATOR พื้นฐานมาก ๆ



          ก่อนจะพูดถึงระบบการเทรดสำหรับมือใหม่ ขออนุญาต พูดถึง แผนการเทรดกันก่อน  ทำไมแผนการเทรดถึงสำคัญนัก? เพราะเมื่อนักเทรดมือใหม่เริ่มเข้าหัดทำการเทรด สิ่งสำคัญคือ จะต้องมีความพยายาม ในการที่จะบรรลุเป้าหมายให้ได้ จุดสำคัญที่สุด คือการเริ่มต้น ปัจจุบันนี้ในโลก SOCIAL มักจะมี กูรูออกมาแนะนำ ทำนองว่า " ทำทันที " ( คุ้น คุ้น เนอะ ) ทำทันทีในทุก ๆ เรื่องแม้แต่เรื่องการหัดเทรด FOREX และเมื่อจบงาน หรือจบการเทรดช่วงระยะเวลาหนึ่ง นักเทรดก็จะย้อนกลับมาดูงานเพื่อวิเคราะห์ หาสาเหตุ หาเหตุผล สำหรับสร้างแผนการที่พัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจะเทรดตามแผนเสมอ นักเทรดควรอย่างยิ่งที่จะจดบันทึกการเทรด เพราะว่ามันจะช่วยให้นักเทรดสามารถโฟกัสไปที่เป้าหมายในการเทรดได้เป็นอย่างดี ถ้าลองพิจารณาดี ๆ  แผนการเทรดจะช่วยให้รักษาระเบียบวินัยในฐานะเทรดเดอร์ที่ดีได้


          แล้วเราจะสร้างแผนการเทรดได้อย่างไร? นักเทรดมือใหม่ต้องพยายามสร้างแผนให้ได้ด้วยตัวเอง เป็นการสร้างแผนตามที่ตัวนักเทรดเองต้องการ หาความมั่นใจจากในสิ่งที่รู้ ใช้เครื่องมือที่เลือก ทดสอบแผนของนักเทรดเองในตอนเริ่มต้น หลังจากเริ่มต้นการเทรดไปสักระยะหนึ่งแล้ว ก็ยังคงต้องทำการทดสอบต่อไปเรื่อย ๆ ต่อจากนั้น นักเทรดสามารถปรับเปลี่ยนองค์ประกอบที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายทั้งหมดได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการย่นระยะเวลาในการเฝ้ากราฟ หรือเพิ่มความแม่นยำในการเข้าเปิดออเดอร์


          องค์ประกอบที่จะช่วยพัฒนากลยุทธ์ แผนการเทรด

                    1. โครงสร้างของแผน ขั้นตอนในการเข้าทำงาน
                    2. กลยุทธ์การใช้เครื่องมือต่าง ๆ ( INDICATOR )
                    3. การจัดการเงิน และความเสี่ยง ( MONEY MANAGEMENT AND RISK )
                    4. ข้อมูล การวิเคราะห์ต่าง ๆ ( ANALYSIS )
                    5. การทดสอบการเทรด ( BACKTEST )
                    6. เป้าหมายของกำไร ( มีเป้าหมายไว้ ไปให้ถึงเป้าหมาย )

          ลองไล่เขียนไปทีละข้อ ว่าแต่ละข้อ นักเทรดจะทำอะไรกับข้อนั้น ๆ บ้าง จะทำให้เห็นภาพชัดขึ้น อย่ามุ่งไปที่ข้อใด ข้อหนึ่ง มีนักเทรดมือใหม่หลายคนมักคิดว่า จะลงเงินมาหัดเทรดนิดเดียว จึงไม่สนใจเรื่อง MM มากนักแต่นั่นเป็นการเริ่มต้นที่ผิด เงินจำนวนน้อยก็จริง แต่ถ้าเรารักษาไว้ไม่ได้ ( รักษาทุนไม่ได้ แล้วจะเอาทุนจากไหนไปสร้างกำไร ) การรักษาทุนคือสิ่งสำคัญที่สุด



************************************************



          มาว่ากันต่อที่ระบบเทรดอย่างง่าย สำหรับมือใหม่อีกสักระบบหนึ่ง ระบบเทรดนี้ใช้ INDICATOR พื้นฐาน คือ RELATIVE STRENGTH INDICATOR ( RSI ) นักเทรดมือใหม่จะเห็นว่า ส่วนใหญ่แล้ว การนำ INDICATOR มาใช้งานจริง ๆ มักเป็น INDICATOR พื้นฐานแล้วค่อยนำมาปรับ นำมาสร้างระบบเทรด ของตัวเอง อาจผสมกับ INDICATOR ตัวอื่นบ้าง แต่อย่าลืมว่า อย่าใช้ INDICATOR ที่ถึงแม้จะหน้าตาแตกต่างกันแต่ทำหน้าที่เหมือนกัน เพื่อบอกสิ่ง ๆ เดียวกัน ( INDICATOR ซ้ำซ้อน )


          RSI เป็น INDICATOR ยอดนิยมอีกตัวหนึ่ง เป็น INDICATOR ที่ใช้ในการวัดการแกว่งตัวของราคา ในช่วงระยะเวลาใด เวลาหนึ่ง นักเทรดส่วนใหญ่ใช้ RSI ไว้ดูช่วงจังหวะ เพื่อหาค่า OVERBOUGHT / OVERSOLD โดย RSI จะวิ่งช่วงLEVEL ระหว่าง 0 – 100 โดยแบ่งช่วงให้ดูเข้าใจง่าย ๆ ที่ช่วง 70% คือ OVERBOUGHT หมายถึงมีภาวะซื้อมากเกินไป ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการกลับตัวสูง นักเทรดส่วนใหญ่จะเตรียมเปิด ORDER SELL กันส่วนใหญ่ ทำนองเดียวกัน ถ้าอยู่ที่ 30% คือ OVERSOLD หมายถึงมีภาวะขายมากเกินไป นักเทรดมักเตรียมเปิด ORDER BUY

          ให้คิดตาม

          ถ้า OVERBOUGHT          เปิด   SELL
          ถ้า OVERSOLD                เปิด   BUY

          ต่อมาให้นักเทรด เลือก INDICATOR RELATIVE STRENGTH INDICATOR ( RSI ) ออกมาใช้

          การตั้งค่า

          - ใช้ค่า PERIOD : 14
          - LEVELS : 30,  50,  70 ( ค่า 50 ใช้สำหรับการเทรดแบบที่ สอง )
          - เส้น MOVING AVERAGE  ใช้ค่า PERIOD : 100  MA METHOD : EXPONENTIAL (EMA)











          ** เส้น EMA เป็นการบอกเทรนไปในตัว ถ้ากราฟอยู่เหนือเส้น EMA แปลได้ว่า UP TREND ถ้าอยู่ใต้เส้น EMA แปลได้ว่า DOWN TREND  ดังนั้น กรณีที่ กราฟอยู่เหนือหรือใต้เส้น EMA แล้ว RSI บอกสัญญาณ ไม่สอดคล้องกับ EMA ให้นักเทรด สามารถออกไม้ ORDER ได้ ในระยะสั้น ๆ


          วิธีเข้าเทรด แบบที่ หนึ่ง

          - ให้มองที่เส้น EMA ว่ากราฟอยู่ด้านบน หรือ ด้านล่างของเส้น EMA เพื่อบอกเทรนให้นักเทรด รู้คร่าวๆ ไว้ก่อน
          - มองที่ RSI เพื่อมองหา สัญญาณ OVERBOUGHT หรือ OVERSOLD
          - เมื่อเส้นค่าเฉลี่ย RSI ( 14 ) ตัดเส้น LEVEL 30 ขึ้นไป หลังจากราคาปิดในกราฟแท่งที่ RSI ตัดขึ้นไปแล้วนั้น ให้นักเทรดออก ORDER BUY ที่ราคาเปิดกราฟแท่งถัดไปได้ทันที




          - จากภาพจะเห็นว่า เส้นค่าเฉลี่ย RSI ตัด เส้น LEVEL 30 ขึ้นไป เป็นสัญญาณให้ BUY และกราฟราคาวิ่งขึ้นไปตาม RSI เมื่อถึงเส้น LEVEL 50 ให้เฝ้าระวังไว้ก่อน เพราะ กราฟราคาอยู่ใต้เส้น EMA 100




          - อีกหนึ่งตัวอย่าง จากภาพ เส้นค่าเฉลี่ย RSI ( 14 ) ตัดเส้น LEVEL 70 ลงมา หลังจากราคาปิดในกราฟแท่งที่ RSI ตัดลงไปแล้ว ให้ออก ORDER SELL ที่ราคาเปิดกราฟแท่งถัดไป
          - จากภาพเราจะเห็นว่า ราคากราฟอยู่เหนือเส้น EMA 100 เราต้องเฝ้าระวังไว้ก่อนว่า กราฟอยู่เหนือเส้น EMA 100 เป็น UP TREND ดังนั้น เวลาเส้นค่าเฉลี่ย 14 ถึง LEVEL 50 เราควรเฝ้าระวังเช่นกัน


          วิธีเข้าเทรด แบบที่ สอง

          - ให้มองที่เส้น EMA ว่ากราฟอยู่ด้านบน หรือ ด้านล่างของเส้น EMA เพื่อบอกเทรนให้นักเทรด รู้คร่าวๆ ไว้ก่อน
          - มองที่ RSI คราวนี้ไม่ต้องมองหา สัญญาณ OVERBOUGHT หรือ OVERSOLD แต่ให้มองที่เส้น LEVEL 50 โดย ถ้าเส้นค่าเฉลี่ย สูงกว่า 50 ให้นักเทรดออก ORDER BUY ถ้าต่ำกว่า 50 ให้นักเทรดออก ORDER SELL
ลองเลือก และ ทดสอบกันดูก่อน เพราะว่า ทั้งสองแบบก็ มีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย


          - วิธีแบบที่สอง จะ หาจุดเข้าเทรดได้ง่ายกว่า
          - วิธีแบบที่หนึ่ง จะ มีความแม่นยำกว่า


          การเข้าเทรดอย่างสม่ำเสมอ ช่วยควบคุมอารมณ์ในขณะเทรดได้ ไม่ให้เราตื่นเต้นเกินไป ไม่ว่าจะกำลังกำไร อย่างมหาศาลหรือกำลังขาดทุน แทบล้างพอร์ต ก็ตาม ( แผนเราควรจะครอบคลุมไม่ให้มีการ ขาดทุนจนถึงขั้นล้างพอร์ตแน่นอน นั่นคือการตั้ง STOP LOSS ^^ ) นักเทรด  อย่าลืมหมั่นตรวจสอบว่า การปรับเปลี่ยนแต่ละครั้งช่วยเสริมโครงสร้างพื้นฐานให้กับแผนการเทรดของตัวเอง ให้ดีขึ้นมากหรือน้อยอย่างไรบ้าง จดบันทึกไว้ บ่อย ๆ ^^