BOLLINGER BANDS เป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1980 โดยนาย John Bollinger เป็น indicator ที่มีประสิทธิภาพและมีเทรดเดอร์ใช้กันอย่ากว้างขวาง เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะใช้ Bollinger Bands ดูเทรนและการกลับตัวของราคา ก่อนที่เราจะทำความรู้จักกับ Bollinger Bands กันลึกกว่านี้ เรามาทำความรู้จักพื้นฐานสำคัญที่จำเป็นต้องรู้ก่อน
พื้นฐานสำคัญก่อนเทรด Forex ที่ต้องรู้คือโครงสร้างของตลาด
1.
Swing structure คือ หลักการพื้นฐานของการแกว่งตัวของราคาในตลาด เมื่อราคาในตลาดมีการเคลื่อนไหวจะมีผลทำให้
-ทำให้เกิด Swing high จุดที่ราคาขึ้นสูงสุดในช่วงเวลานั้น
-ทำให้เกิด Swing Low จุดที่ราคาลงต่ำสุดในช่วงเวลานั้น
-ทิศทางของราคา (Trend) เปลี่ยนแปลง ทำให้เกิด การ breakout หรือ การกลับตัวของทิศทาง โดย Trend ที่เกิดขึ้นเป็นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
2.
แนวรับ , แนวต้าน และ การทะลุผ่าน (Support, Resistance and Breakout) จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดการเคลื่อนที่ของราคา จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง โดยแนวรับแนวต้าน จะเกิดขึ้นเมื่อราคาวิ่งมาชนซ้ำๆแต่ไม่สามารถผ่านไปได้ โดยจุดที่ราคาวิ่งขึ้นไปหาจุดหนึ่งซ้ำๆและราคาไม่สามารถผ่านไปได้จุดนั้นจะเรียกว่าแนวต้าน (Resistance) และ เมื่อเกิดจุดที่ราคาวิ่งลงไปหาจุดหนึ่งซ้ำๆและราคาไม่สามารถผ่านไปได้จุดนั้นจะเรียกว่าแนวรับ (Support)
จำไว้เสมอว่า เมื่อแนวรับหรือแนวต้าน ถูกทำลายโดยราคาทะลุผ่านไปได้ (Breakout) จะเปลี่ยนแปลงสภาพเสมอ เช่นเมื่อแนวรับเดิมถูกทำลายจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นแนวต้าน ในทำนองเดียวกันเมื่อแนวต้านเดิมถูกทำลายจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นแนวรับ
3.
Trend Line คือ เส้นที่ลาก จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง โดยมีจุดสัมผัสเส้นตั้งแต่ 2 จุดขึ้นไป
ประโยชน์ของเส้น Trend Line คือ ทำให้เราเห็นแนวโน้มทิศทางของราคา ว่าเป็นขาขึ้น (Up Trend), ขาลง(Down Trend) หรือ ช่วงพักตัว (Sideway or Ranging)
นอกจาก Trend Line จะบอกแนวโน้มของราคาแล้ว Trend Line ยังทำหน้าที่เป็นแนวรับ แนวต้านด้วย โดยราคามักวิ่งมาชนเส้นแล้วเด้งกลับ แต่ถ้าราคาทะลุผ่านไปได้จะบอกให้เรารู้แนวโน้มของตลาดจะไปต่อหรือกลับตัว ดังนั้นเราควรจะตีเส้น Trend Line ทั้งเส้นบน และ เส้นล่าง
ช่วงพักตัว คือ ช่วงที่ราคาแกว่งตัวไปมาระหว่างแนวรับ(Support)และแนวต้าน(Resistance) ก่อนเลือกทางว่าจะขึ้นหรือลง โดยปกติถ้าเป็นขาขึ้นเราจะตีเส้นล่าง และขาลงเราจะตีเส้นบน เพื่อความแม่นยำของเส้น Trend Line เราควรตีเส้นเชื่อมจุดสัมผัสเส้นตั้งแต่ 3 จุดขึ้นไป
Bollinger Bands Indicator ดีอย่างไรจากพื้นฐาน 3 อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เรามาดูกันว่า Bollinger Bands Indicator มันมีดีอะไร หน้าตาของมันจะเป็นแบบนี้ครับ โดยจะประกอบไปด้วยเส้น 3 เส้น ทำหน้าที่บอกเทรน และ ทำหน้าที่เป็นทั้งแนวรับและแนวต้าน
เส้นบน (Upper Band) มาจาก SMA20+2 standard deviation (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ทำหน้าที่เป็นแนวต้านและวัดความผันผวนของราคา
เส้นกลาง (Middle Band) คือเส้น ค่าเฉลี่ย 20 วัน (SMA20) ทำหน้าที่บอกเทรน และ ทำหน้าที่เป็นทั้งแนวรับและแนวต้าน
เส้นล่าง(Lower Band) มาจาก SMA20-2 standard deviation (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ทำหน้าที่เป็นแนวรับและวัดความผันผวนของราคา
โดยระยะห่างของเส้นบน-ล่างเมื่อเทียบกับเส้นกลางจะแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของราคา (ความผันผวน หรือ volatility)ในช่วงนั้นๆ
จากรูปจะเห็นว่า ส่วนใหญ่เส้นทั้งสามจะวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน แต่จะมีระยะห่างระหว่างเส้นกลางไม่แน่นอน ใกล้กันบ้างห่างกันบ้าง เมื่อตลาดมีความผันผวนมากแถบจะขยายกว้างออกเมื่อเทียบกับเส้นกลาง โดยเส้นบน-ล่างจะเป็นกรอบของราคา
เมื่อราคาวิ่งเข้าใกล้เส้นบนหรือล่างแสดงว่าตลาดกำลังเริ่มอิ่มตัวมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน โดยทั่วไปเมื่อเข้าใกล้เส้นบนหรือล่างราคามักจะวิ่งกลับมาหาเส้นกลางเสมอ
เส้นกลางจะเป็นตัวบอกเทรน โดยราคาอยู่เหนือเส้นกลางจะเป็น Up Trend , ราคาอยู่ใต้เส้นจะเป็น Down Trend จุดสังเกตุอีกจุดคือยิ่งเส้นชันมากเท่าไรเทรนยิ่งแกร่ง แต่ถ้าราคาวิ่งอยู่บริเวณเส้นกลางหลายๆแท่ง หรือเส้นกลางมีลักษณะเส้นวิ่งในแนวนอนตลาดจะเป็น Sideway
สรุป เส้น Bollinger Bands บอกอะไรเรา - บอกเทรน
- บอกแนวรับและแนวต้าน
- บอกความผันผวน volatility
- บอก Overbought เมื่อราคาเข้าใกล้เส้นบน, Oversold เมื่อราคาเข้าใกล้เส้นล่าง
รูปแบบของ Bollinger Bands ในการเทรดด้วย Bollinger Bands จะมีลักษณะของการเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญ 2 แบบ
1)
Bollinger Bands Squeeze ช่วงที่ระยะห่างของเส้นแคบ ตลาดซบเซา มีการเทรดน้อย ยากที่จะทำกำไร
2)
Bollinger Bands Expansion ช่วงที่ระยะห่างของเส้นกว้าง ตลาดกำลังมีการซื้อ-ขาย กันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราจะสามารถเข้าไปทำกำไรในช่วงนี้ได้เร็ว ไม่ต้องรอนาน
สิ่งสำคัญในการเทรดคือการรู้ว่าจะเข้าเทรดตอนไหน ยิ่งเส้นห่างมากตลาดจะมีปริมาณการซื้อขายมาก ถ้าห่างน้อยตลาดจะมีปริมาณการซื้อขายน้อย ยกตัวอย่างเช่น ช่วงเวลาคาบเกี่ยวที่ตลาดญี่ปุ่นกับลอนดอนเปิดพร้อมกัน (ช่วงญี่ปุ่นใกล้จะปิด และลอนดอนเริ่มเปิด) เราจะพบว่าช่วงนี้เงินสกุล JPY , EUR และ GBP จะคึกคักเหมาะแก่การเข้า Order เพื่อทำกำไร
Squeeze และ Expansion ทั้ง 2 รูปแบบต่างมีความสำคัญทั้งคู่ โดย Squeeze จะเป็นตัวบอกว่า Expansion กำลังจะมา และเมื่อตลาดวิ่งไประยะหนึ่งก็จะกลับมาเป็น Squeeze อีกรูปแบบการเคลื่อนไหวจะสลับไปมาตลอด Squeeze -> Expansion -> Squeeze -> Expansion ->.. ถ้ามันอยู่ในช่วง Expansion มานานแล้วก็อย่าผลีผลามเข้าไปเพราะมันอาจกำลังเปลี่ยนเป็น Squeeze
การเทรดด้วย Bollinger Band มีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ที่เทรดเดอร์มักใช้กัน จะมีรูปแบบตามรูป
แนวคิดการเทรด Bollinger Bands แบบตามเทรนเมื่อเปรียบเทียบ Bollinger Bands กับ Indicator แบบอื่นๆจะพบว่า Bollinger Bands มีรูปแบบไม่คงที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างตามราคา ณ ช่วงเวลานั้นๆ ดังนั้นเราสามารถใช้ Bollinger Bands วิเคราะห์ความแข็งแกร่งของเทรน จุดสังเกตุที่สำคัญในการวิเคราะห์เทรนด้วย Bollinger ฺBands ในที่นี้จะเรียกเส้นบนหรือล่างว่า Outer Bands (้เส้นนอก)
- ในช่วงที่เทรนแข็งแกร่งราคาจะวิ่งเข้าหาเส้น Outer Bands
- ถ้าราคาพยายามวิ่งออกจากเส้น Outer Bands แสดงว่ากำลังเป็นเทรนต่อเนื่อง
- ในขณะที่ราคากลับเข้ามาหาเส้น Outer Bands บ่อยๆไม่ได้หมายความว่า เทรนมันลดลง
- ถ้าราคาวิ่งกลับมาหาเส้นกลางบ่อยๆ แสดงว่าเทรนมันกำลังลดลง
ในการเทรด ถ้าเป็นเทรนขาขึ้นให้รอเข้า Buy ตอนราคาย่อตัว ถ้าเป็นเทรนขาลงให้รอเข้า Sell ตอนราคาย่อตัวเช่นกัน ทีนี้คงสงสัยว่าถ้ามันเปลี่ยนเทรนจะดูตรงไหน
แนวคิดการเทรด ที่จุดกลับตัวด้วย Bollinger Bandsจากรูปข้างล่างจะเห็นว่าราคาจะวิ่งลงไปหา Outer Bands เส้นล่างน้อยลง อีกทั้งเส้นล่างเริ่มยกตัวเปลี่ยนทิศทางเป็นชี้ขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าอาจเป็นจุดสิ้นสุดของเทรน ตลาดเกิดการอิ่มตัว อาจเกิดการกลับตัวเปลี่ยนเทรนได้
แต่เพื่อความแม่นยำในที่นี้เราจะใช้ RSI เป็นตัวช่วยยืนยัน จากรูปจะเห็นว่า ราคาวิ่งไปหาเส้นล่างแล้วเด้งกลับเกิด RSI Divergence ณจุดนี้เส้นกลางก็เริ่มเปลี่ยนทิศทางเช่นกัน หากพลาดสัญญาณนี้ไม่ต้องรีบเข้าตามรอเข้าทีหลังก็ได้เพราะ จะต้องพักตัวด้วยการเป็น Side way ก่อนเสมอ
เมื่อเรารู้จุดเข้า Order แล้วทีนี้เรามาดูจุดปิด Order สำหรับ Bollinger Bands ผมจะใช้เส้นกลางเป็นตัวบอก เมื่อไรก็ตามที่เส้นกลางถูกแท่งเทียนวิ่งผ่านหรือเบรคได้ผมก็จะปิด Order ก่อนแล้วค่อยเข้าใหม่
การใช้ Indicator อื่นช่วยเทรดเพื่อความแม่นยำนอกจากใช้ RSI แล้ว เพื่อนๆยังสามารถใช้ Fractal , Macd หรือ Stochastic ช่วยได้ ไม่แนะนำให้ใช้ Indicator มากกว่า 2 ตัวในการเทรดเพราะมันจะสับสนครับ
แนวคิดการเทรดด้วย Bollinger Bands Breakoutวิธีการเทรดแบบนี้แนะนำ ให้เทรดที่ H1 ขึ้นไป โดยหลักการเข้า Order เมื่อราคา Break Bolling Bands Squeez ตามรูป จะเป็นการวาง pending stop ส่วน SL เลือกจาก swing low , swing high ก่อนหน้า ส่วน TP ตาม MM ของแต่ละคน หรือ กำหนด trailing stop เอาตามใจ แต่ต้องกำหนด SL