กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่

  • 0 replies
  • 1,839 views
คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่
« เมื่อ: 24, ธันวาคม 2016, 09:14:37 PM »
  คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่
ลิขสิทธิ์ Traderider.com
ผู้เขียน Numay


คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่

    มีข้อคำถามข้อสงสัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนที่เข้ามาในวงการเทรด ไม่ว่าจะเป็น Forex หรือ หุ้นหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ เพราะความยากของตลาดที่เห็นคนจำนวนมากที่ไม่ประสบความสำเร็จ บ้างก็ขาดทุนจากการเข้ามาในตลาดหุ้นหรือตลาดค่าเงินเหล่านี้  ในการทดลองของ Richard Dennis (Covel 2007) เขาตั้งคำถามว่า เทรดเดอร์นั้นจะต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ หรือว่าใคร ๆ ก็เป็นได้?  จากคำถามนี้ เขารับคนเขามาฝึกโดยกลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้มีประสบการณ์ด้านการเทรดเลย หลังจากได้รับการฝึก คนเหล่านั้นเทรดได้ดีพอ ๆ กับมืออาชีพ  อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ  Lex Van  Dam ได้ทำการรับสมัครคนที่จะมาเป็นเทรดเดอร์ในรายการ Live Show อย่าง Million Dollar Trader เป็นซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยม (หาได้จาก YouTube) ซึ่งคนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมีเพียง 8 คนเท่านั้นและเขาเหล่านั้นเริ่มเทรด ตลอดระยะเวลาเหล่านั้นมีเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่มีผลการเทรดดีใกล้เคียงกับมืออาชีพ ซึ่งก็หมายความว่า ก็ไม่ทุกคนที่จะเป็นเทรดเดอร์ได้ แต่ก็มีกลุ่มคนที่สามารถจะเป็นเทรดเดอร์ได้เช่นกัน ผลของสองการแข่งขันนี้มันดูขัด ๆ กันยังไงอยู่จริงไหม? แต่มันบอกอะไรชัดเจนสำหรับผู้เขียน

   แล้วเราหล่ะ? เราเหมาะกับการลงทุนไหม? ผู้เขียนค่อนข้างเห็นด้วยกับผลของ Million Dollar Trader ว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการเป็นนักลงทุน หรือว่าเหมาะกับการลงทุน แต่ถ้าหากถามว่า การลงทุนเป็นเรื่องของคนที่ใช้พรสวรรค์เท่านั้น ผู้เขียนคงต้องเถียงหัวชนฝาแน่นอน ฮ่า เพราะคำถามสองคำถามนี้มันแตกต่างกันอย่างชัดเจน การเทรดมันมีความคล้ายคลึงกับหลายกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่ทำเช่น การเล่นกีฬา  การเล่นเกมส์ การทำงาน มันกำหนดลักษณะการงานหน้าที่ที่เราเป็นในปัจจุบันด้วย กรณีที่ใกล้ตัวของผู้เขียนคือ การเล่นเกมส์ Candy Crush คนหลายคนคงมีเกมส์ Candy Crush อยู่บนมือถือหรือในคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนได้รู้จักเกมส์นี้จากเพื่อนผู้เขียนชวนเล่น แต่ปัจจุบันเพื่อนเลิกเล่นไปแล้วและหันไปเล่นเกมส์ใหม่ ผู้เขียนยังเล่นต่ออยู่เลย ซึ่งมาไกลซะจนไม่รู้จะไกลยังไง  แล้วเพื่อนของผู้เขียนหล่ะเขาเล่นไปได้ไกลไหม? คงไม่ได้ไกลเท่าผู้เขียนแน่นอนเท่าที่ทราบ สิ่งนี้มันพิสูจน์อะไรได้อย่างหนึ่ง แต่ว่าเอาไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยธิบายว่ามันทำให้ผู้เขียนมาถึงจุดนี้ได้ยังไง  ความยากของเกมส์ Candy Crush คือ บางคนอาจจะหาวิธีที่จะเอาชนะเกมส์แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว หาวิธีแล้วก็ยังเอาชนะไม่ได้จู่  ๆ จังหวะที่มันจะชนะมันก็ชนะเสียอย่างนั้นเพียงแต่เราต้องเล่นให้มากพอ พอจนถึงวันที่จะเป็นวันของเรา  ในวันนั้นเราจะได้ใช้ความสามารถที่จะทำให้มันชนะได้เมื่อโอกาสที่ดีที่สุดได้เข้ามาถึง หลักการมันมีแค่นี้จริง ๆ

   จริง ๆ แล้วหลักการนี้มันไม่ได้ใช้แค่เฉพาะการเล่นเกมส์หรือว่าหลักในการเล่นกีฬา การเป็นศิลปินนักร้อง มันเรียกว่าจังหวะและโอกาสในชีวิตคนมากกว่าเพียงแต่ว่ามีจังหวะและโอกาสก็ต้องมีความสามารถที่จะคว้ามันไว้ร่วมด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดหน่อยสำหรับผู้เขียนเองคือ เพื่อนของผู้เขียนเองเป็นผู้ที่ประสงค์จะเป็นข้าราชการอย่างมาก  แต่เธอใช้เวลาสอบมาหลายปีแต่ก็ไม่เคยผ่านสักที  เธอบอกว่าเธออยากเป็นครู เธอก็ไม่ย่อท้อ ไม่เปลี่ยนงาน ไม่ย้ายไปทำอาชีพอื่น ๆ แต่ด้วยความที่เธอไม่ได้เรียนวุฒิครูมาทำให้เธอไม่มีใบประกอบวิชาชีพ วันหนึ่งกระทรวงได้เปิดให้อาจารย์ที่เป็นลูกจ้างโรงเรียนเอกชนสามารถเข้ารับวุฒิครูได้โดยต้องมีชั่วโมงการเรียนการสอนถึงเกณฑ์  ทำให้เพื่อนของผู้เขียนไม่พลาดโอกาสที่จะได้รับวุฒิครู แต่เพียงแค่วุฒิครูก็ไม่ได้ทำให้เป็นข้าราชการครูได้ เธอต้องอดทนทำงานที่เดิมอีก 5-6 ปี ทุก ๆ ปีมีสอบครูผู้ช่วยที่ไหนเธอก็ไปแต่ก็ไม่ค่อยติด จนวันหนึ่งด้วยความที่สอบมาเยอะและประสบการณ์มันถึง เธอก็สอบผ่านและได้บรรจุเป็นข้าราชการเสียที หลังจากจบมาก็กินเวลากว่า 10 ปีเลยทีเดียว

   ญาติของเพื่อนของผู้เขียนทำธุรกิจเป็นพ่อค้าข้าว แม่ของผู้เขียนเล่าว่าในชีวิตช่วงแรกมีชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ ต้องไปสมัครเป็นคนขับรถสิบล้อขนขิง ส่งขิงให้พ่อค้าคนกลาง ทำอยู่อย่างนั้น 5-6 ปี พ่อค้าคนนั้นเค้าจะขายรถบรรทุกขิงที่เก่าแล้วในราคาถูกเพราะเขาจะซื้อรถใหม่  เนื่องจากทำอยู่ในธุรกิจตลอดเวลา 5 -6 ปี ก็รู้ช่องทางเป็นอย่างดีว่าจะต้องประกอบธุรกิจยังไง ติดต่อกับใคร แต่ก็ไม่รู้จะซื้อรถยังไงเพราะต่อให้เป็นรถบรรทุกเก่ามือสองก็ยังมีมูลค่าสูง  ด้วยความเป็นลูกน้องที่ตั้งใจทำงานจึงเข้าไปคุยกับเถ้าแก่ขอซื้อผ่อนรถและรับจ้างขนให้เจ้านายอยู่ ทำอยู่อย่างนั้นอีก 5 ปีก็ผ่อนรถหมด แต่ว่าในปีนั้นขิงราคาตกต่ำมากทำให้เถ้าแก่เลิกค้าขายขิง ส่วนเขามีรถเก่า ๆ คันหนึ่งไม่รู้ทำอะไร เขาก็ได้แต่รับจ้างขนพืชผลทางการเกษตรทั่วไปและมีเงินเก็บพอประมาณ เขาอยากจะค้าขายข้าวเนื่องจากได้รับจ้างขนข้าวและพบว่ากำไรดี  จึงได้เอาเงินเก็บมาลงทุนค้าขายข้าว ปรากฏว่า มาทำจริง ๆ กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะเขาไม่มีความชำนาญเอาเสียเลย ยกตัวอย่างเช่น ดูข้าวไม่เป็น แถมยังโดนข้าวที่มีความชื้นสูง ขายได้ราคาไม่ดีอย่างที่ทำอยู่ในตอนแรก ทำให้ก็แค่พออยู่ได้ไปวัน ๆ เป็นกิจการเล็ก ๆ ทำอย่างนั้นอยู่นานมาก จนกระทั่งมีนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่อุดหนุนชาวนาได้ราคาดี ทำให้ราคาข้าวในประเทศเพิ่มขึ้นเขาได้อานิสงฆ์จากตรงนี้และการค้าขายที่คึกคักขึ้นมาก เขาได้กำไรมากพอและประสบการณ์ที่มีมากขึ้นอยู่ในธุรกิจข้าวมานานจนสามารถซื้อรถบรรทุกใหม่ และเปิดโรงสีได้

   วันนี้ผู้เขียน ได้มีโอกาสไปทานข้าวกลางวันข้าง ๆ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งคุณหมอเป็นเจ้าของร้านเปิดร้านมาประมาณ 1 ปีกว่า ๆ ได้ปิดกิจการลง ผู้เขียนได้ถามป้าร้านข้าวว่า "ป้า ๆ ร้านกาแฟข้าง ๆ เค้าเจ๊งหรอ?"  ป้าบอกว่า "ใช่ ปิดไปแล้วหล่ะ มันจะอยู่ได้ยังไงขายได้วันละไม่กี่แก้ว แค่ค่าจ้างพนักงานกับค่าเช่าก็หมดแล้ว" ผู้เขียนย้อนนึกในใจว่าอะไรทำให้เขาเจ๊ง?  ขณะที่เราเทียบอีกร้านหนึ่งคือ ร้านลูกชิ้นทอดได้ทำไส้กรอกอีสาณเพิ่มและขายดีพอสมควร สร้างรายได้เพิ่มให้แก่เจ้าของร้านไส้กรอกอีสาน ผู้เขียนถามตัวเองว่า "ทำไมร้านลูกชิ้นทอดถึงอยู่ได้?" ทุนเยอะกว่าก็ไม่ใช่  ฉลาดกว่าหรือ?  หมอฉลาดกว่าแน่นอน  ความชอบหรือ? หรือว่าเพราะความไม่มี? นั่นเป็นประเด็นที่ผู้เขียนคิด อาจจะเป็นเพราะว่า  แม่ค้าลูกชิ้นทอดต่อให้ขายไม่ได้ซักไม้ เขาก็ต้องหาทางขายให้ได้ เพราะเขาไม่ตัวเลือก ตัวช่วย ทางเลือกอื่น ๆ อีกแล้ว เขาไม่มีสิทธิที่จะขายไม่ได้ เขาไม่มีอาชีพอื่นแล้ว หากขายไม่ได้ พรุ่งนี้เขาก็ต้องหาวิธีให้มันขายได้ เช่นการออกไส้กรอกอีสานมาขาย ตรงข้ามกันกับหมอ ที่ถ้าขายไม่ได้ก็แค่ปิดร้านเลิกกิจการ กลับไปทำงานประจำเท่านั้นเอง

    ตัวอย่างเหล่านี้คงไม่ได้พยายามเชิญชวนให้อ่านให้เป็นเรื่องเล่าของความสำเร็จของนักธุรกิจแต่ว่า  ผู้เขียนกำลังแสดงให้เห็นถึงปัจจัยที่ทำให้คนเหล่านี้อยู่รอด คงไม่ต้องเรียกว่าประสบความสำเร็จเพราะเราคงไม่รู้ว่าความสำเร็จของคนเหล่านั้น พวกเขานิยามไว้อย่างไร แต่ผู้เขียนได้วิเคราะห์และตีกรอบไว้กว้าง ๆ เกี่ยวกับปัจจัยภายในที่เป็นสาเหตุมาจากตัวผู้ประกอบกิจการเหล่านั้นเองเป็นประเภทดังต่อไปนี้

ความรัก ความสนุก ความชอบ

-   ผู้เขียนได้รวมปัจจัยด้าน Favorability ไว้ในกลุ่มเดียวกัน นั่นคือ ความรักในงานที่ทำ ความสนุกที่ได้ทำงานนั้น และความชอบในการทำงานนั้น สาเหตุที่ผู้เขียนจำแนกไว้แบบนี้และแทรกมันอยู่ในกลุ่มแรกเพราะว่า มันทำให้เราอยู่กับมันได้นาน และเมื่อเราทำมันได้นานมันจะทำให้เราอยู่ในธุรกิจได้นาน อยู่ในกิจกรรมนั้นได้นาน เพราะเราชอบมัน ทำมันโดยไม่ต้องให้ใครมาจุดไฟ สร้างแรงใจให้เดินต่อไปข้างหน้า เราสามารถทำเองได้โดยไม่ต้องอาศัยใครเป็นแรงบันดาลใจ และเมื่อคุณอยู่ในธุรกิจนั้นนานพอ จะมีซักวันหนึ่งที่จะมีโอกาสเข้ามาหาคุณ เช่น โอกาสที่ Candy Crush ในตาที่จะมีโอกาสชนะสูง กรณีที่พ่อค้าข้าวอยู่ในธุรกิจนานพอจนเจอกับเหตุการณ์ที่รัฐบาลอุดหนุนธุรกิจจำนำข้าว  เหตุการณ์ที่คุณครูเพื่อนของผู้เขียนได้รับโอกาสในการได้รับวุฒิครูจากรัฐบาล ใครจะรู้หล่ะพรุ่งนี้เราอาจจะสำเร็จก็ได้ การอยู่ได้นานประสบการณ์ของคุณก็เพิ่มโดยอัติโนมัติอีก

ความอดทน ความขยัน  ความไฝ่รู้

-   นี่เป็นกลุ่มปัจจัยที่มีความสำคัญ เช่นเดียวกัน หากเรามีความชอบแต่ทำมันโดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง เช่น บางอาชีพเป็นอาชีพที่ได้เงินมาง่ายแต่ไม่เคยเก็บออมก็ย่อมทำให้ คนนั้นขาดความสามารถที่จะไขว่คว้าโอกาส  ลองนึกถึงคนขับรถบรรทุกที่ขนแต่ขิง และไม่ได้เก็บเงินซื้อรถเป็นของตัวเอง  เขาจะไม่มีวันได้ไปรับจ้างขนข้าว และเขาจะไม่มีวันอยู่จนถึงวันที่ธุรกิจอุตสาหกรรมข้าวเฟื่องฟู ถ้าหากเขาไม่อดทน  เขาจะไม่เปิดโรงสีได้หากเขาไม่เรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจศึกษาวิธีการดูข้าว วิธีการซื้อข้าว เขาจะได้รับประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่าจากเวลาที่ผ่านไปนับ 10 ปี และเมื่อวันที่โอกาสมาถึงหากเขาเลิกค้าขายข้าวไปแล้ว เขาจะไม่ได้โอกาสนั้น  ในวงการเทรดค่าเงินหรือหุ้น  มีคำพูดหนึ่งที่น่าจะเป็นคำพูดของ George Soros พ่อมดการเงินชื่อดังแห่งยุค กล่าวไว้ว่า "อยู่ให้รอดก่อนค่อยทำกำไร" คำพูดนี้น่าจะสะท้อนกลุ่มนิสัยนี้ได้ดี

ความดื้อด้าน ไม่ย่อท้อ

-   ความดื้อด้านไม่ย่อท้อ คงสะท้อนให้เห็นถึงตัวอย่างที่ผู้เขียนเล่ามาในแม่ค้าลูกชิ้น การดื้อด้าน กัดไม่ปล่อยพยายามหาหนทางออกจนได้ เป็นคุณสมบัติของคนที่อยู่รอดในธุรกิจเลยก็ว่าได้ หากเราเปลี่ยนไปทำอะไรอย่างอื่นแล้ว ความถนัดที่เราทำมาหลายปี ก็จะต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ เริ่มเก็บประสบการณ์กับสิ่งใหม่ ๆ ความเชี่ยวชาญเรื่องใหม่ ๆ ทำให้เราไม่สามารถเป็นที่หนึ่งได้เสียที  ผู้อ่านลองนึกดูว่า นักกอล์ฟที่ได้ที่ 1 กับที่ 10 รางวัลแตกต่างกันมหาศาลมากขนาดไหน? ในโลกนี้ อาชีพอะไรก็สามารถทำรายได้มหาศาลได้   พ่อครัวอันดับหนึ่งของโลก  เชฟของมิชลิน   นักฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลก นักว่ายน้ำอันดับหนึ่งของโลก  หรือแม้แต่นักเก็บขยะมือหนึ่งของเอเชียก็มีรายได้มหาศาลเช่นกัน ลองดูตัวอย่างกรณีศึกษาของ วงษ์พานิช ได้ ผู้อ่านจะพบว่า การเป็นที่หนึ่งสิ่งที่ต้องอาศัยคือ ความไม่ย่อท้อ หนักแน่นไม่กระโดดไปกระโดดมา จนตัวเองเป็นเป็ด ไม่เก่งสักอย่าง การเป็นอันดับหนึ่งต้องใช้ประสบการณ์และหากไม่มีประสบการณ์มัวแต่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะเป็นอันดับหนึ่งได้ยังไง

ความสุขในชีวิต

-   สิ่งสุดท้ายไม่ได้คิดว่าจะมีจากตัวอย่าง แต่เป็นสิ่งที่ผู้เขียนให้ความสำคัญคือ ความสุขในชีวิต หากว่า ทำกิจการงานใด ด้วยความจริงจังซีเรียส จนหาความสุขไม่ได้ก็อย่าไปทำมันเลย ชีวิตมันไม่ได้มีด้านเดียว มันยังมีเรื่องของพ่อแม่พี่น้องของเรา  มีเรื่องของครอบครัวของเรา เรื่องของการเจ็บป่วย เรื่องของการศึกษาของลูก เรื่องการไปเที่ยว เรื่องของความสุขที่ได้กินอาหารมื้ออร่อยที่ไม่ต้องแพง เรื่องของความสุขของการได้กินลูกชิ้นปิ้งหน้าหนาว เรื่องของการกินน้ำเต้าหู้อุ่น ๆ ยามอากาศเย็น ๆ กับคนรู้ใจ  การได้นั่งเงียบ ๆ ในสวนหลังบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ชีวิตด้านต่าง ๆ เหล่านี้มันเป็นเหมือนเงาสะท้อน เป็นเหมือนถังขยะ เป็นเหมือนกับการนอนหลับ ทำให้เรามีแรงได้กลับไปสู้เพื่อเดินไปให้ถึงฝันของตัวเองอีกครั้ง ไม่ใช่จะหน้าดำคร่ำเครียดเอาเป็นเอาตายว่าจะต้องสำเร็จวันพรุ่งนี้มะรืนนี้ จนไม่สนใจอย่างอื่น มันจะทำให้เราอยู่ในการเดินทางได้ไม่นาน มีคำกล่าวที่ว่า  Focus on the journey, not the destination. Joy is found not in finishing an activity but in doing it. (Greg Anderson)  เค้าบอกว่า ให้โฟกัสที่การเดินทางไม่ใช่จุดหมายปลายทาง เพราะความสุขนั้นไม่ได้หาได้จากการไปถึงจุดหมาย แต่หาได้จากการที่เราได้ทำมัน



    ท้ายที่สุดเราทุกคนเหมาะกับการลงทุนไหม? คงต้องตอบว่าผู้อ่านคงรู้ดีที่สุดว่าตัวเองมีความดื้อหรือเปล่ามีความหัวรั้นไม่ยอมแพ้หรือเปล่า? มีความสุขในการทำมันหรือเปล่า? ในตัวอย่างเรื่องเล่าของผู้เขียน ไม่มีใครต้องใช้ความฉลาดระดับอัจฉริยะ ถึงจะประสบความสำเร็จได้ ไม่ต้องมีสติปัญญาเป็นเลิศ ไม่ต้องมีความจำหรือว่าสามารถหาข่าวได้เร็ว รู้ข่าวก่อนใคร ก็น่าจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

อ้างอิง
Covel, M. (2007). The Complete TurtleTrader: The Legend, the Lessons, the Results, Collins.



   

ลิขสิทธิ์ Traderider.com
ผู้เขียน Numay