กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่?

  • 5 replies
  • 1,972 views
*

Numay

คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่?
« เมื่อ: 04, มีนาคม 2016, 08:39:26 PM »
คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่?


           มีข้อคำถามข้อสงสัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนที่เข้ามาในวงการเทรด ไม่ว่าจะเป็น Forex หรือ หุ้นหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ เพราะความยากของตลาดที่เห็นคนจำนวนมากที่ไม่ประสบความสำเร็จ บ้างก็ขาดทุนจากการเข้ามาในตลาดหุ้นหรือตลาดค่าเงินเหล่านี้  ในการทดลองของ Richard Dennis (Covel 2007)เขาตั้งคำถามว่า เทรดเดอร์นั้นจะต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ หรือว่าใคร ๆ ก็เป็นได้?  จากคำถามนี้ เขารับคนเขามาฝึกโดยกลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้มีประสบการณ์ด้านการเทรดเลย หลังจากได้รับการฝึกคนเหล่านั้นเทรดได้ดีพอ ๆ กับมืออาชีพ อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ  Lex Van  Dam ได้ทำการรับสมัครคนที่จะมาเป็นเทรดเดอร์ในรายการ Live Show อย่าง Million Dollar Trader เป็นซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยม (หาได้จาก YouTube) ซึ่งคนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมีเพียง 8 คนเท่านั้นและเขาเหล่านั้นเริ่มเทรด ตลอดระยะเวลาเหล่านั้นมีเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่มีผลการเทรดดีใกล้เคียงกับมืออาชีพ ซึ่งก็หมายความว่า ก็ไม่ทุกคนที่จะเป็นเทรดเดอร์ได้ แต่ก็มีกลุ่มคนที่สามารถจะเป็นเทรดเดอร์ได้เช่นกัน ผลของสองการแข่งขันนี้มันดูขัด ๆ กันยังไงอยู่จริงไหม? แต่มันบอกอะไรชัดเจนสำหรับผู้เขียน

แล้วเราหล่ะ? เราเหมาะกับการลงทุนไหม? ผู้เขียนค่อนข้างเห็นด้วยกับผลของ Million Dollar Trader ว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการเป็นนักลงทุน หรือว่าเหมาะกับการลงทุน แต่ถ้าหากถามว่า การลงทุนเป็นเรื่องของคนที่ใช้พรสวรรค์เท่านั้น ผู้เขียนคงต้องเถียงหัวชนฝาแน่นอน ฮ่า เพราะคำถามสองคำถามนี้มันแตกต่างกันอย่างชัดเจน การเทรดมันมีความคล้ายคลึงกับหลายกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่ทำเช่น การเล่นกีฬา  การเล่นเกมส์ การทำงาน มันกำหนดลักษณะการงานหน้าที่ที่เราเป็นในปัจจุบันด้วย กรณีที่ใกล้ตัวของผู้เขียนคือ การเล่นเกมส์ Candy Crush คนหลายคนคงมีเกมส์ Candy Crush อยู่บนมือถือหรือในคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนได้รู้จักเกมส์นี้จากเพื่อนผู้เขียนชวนเล่น แต่ปัจจุบันเพื่อนเลิกเล่นไปแล้วและหันไปเล่นเกมส์ใหม่ ผู้เขียนยังเล่นต่ออยู่เลยซึ่งมาไกลซะจนไม่รู้จะไกลยังไง  แล้วเพื่อนของผู้เขียนหล่ะเขาเล่นไปได้ไกลไหม? คงไม่ได้ไกลเท่าผู้เขียนแน่นอนเท่าที่ทราบ สิ่งนี้มันพิสูจน์อะไรได้อย่างหนึ่ง แต่ว่าเอาไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยธิบายว่ามันทำให้ผู้เขียนมาถึงจุดนี้ได้ยังไง  ความยากของเกมส์ Candy Crush คือ บางคนอาจจะหาวิธีที่จะเอาชนะเกมส์แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว หาวิธีแล้วก็ยังเอาชนะไม่ได้จู่  ๆ จังหวะที่มันจะชนะมันก็ชนะเสียอย่างนั้นเพียงแต่เราต้องเล่นให้มากพอ พอจนถึงวันที่จะเป็นวันของเรา  ในวันนั้นเราจะได้ใช้ความสามารถที่จะทำให้มันชนะได้เมื่อโอกาสที่ดีที่สุดได้เข้ามาถึง หลักการมันมีแค่นี้จริง ๆ

จริง ๆ แล้วหลักการนี้มันไม่ได้ใช้แค่เฉพาะการเล่นเกมส์หรือว่าหลักในการเล่นกีฬา การเป็นศิลปินนักร้อง มันเรียกว่าจังหวะและโอกาสในชีวิตคนมากกว่าเพียงแต่ว่ามีจังหวะและโอกาสก็ต้องมีความสามารถที่จะคว้ามันไว้ร่วมด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดหน่อยสำหรับผู้เขียนเองคือ เพื่อนของผู้เขียนเองเป็นผู้ที่ประสงค์จะเป็นข้าราชการอย่างมาก  แต่เธอใช้เวลาสอบมาหลายปีแต่ก็ไม่เคยผ่านสักที  เธอบอกว่าเธออยากเป็นครู เธอก็ไม่ย่อท้อ ไม่เปลี่ยนงาน ไม่ย้ายไปทำอาชีพอื่น ๆ แต่ด้วยความที่เธอไม่ได้เรียนวุฒิครูมาทำให้เธอไม่มีใบประกอบวิชาชีพ วันหนึ่งกระทรวงได้เปิดให้อาจารย์ที่เป็นลูกจ้างโรงเรียนเอกชนสามารถเข้ารับวุฒิครูได้โดยต้องมีชั่วโมงการเรียนการสอนถึงเกณฑ์  ทำให้เพื่อนของผู้เขียนไม่พลาดโอกาสที่จะได้รับวุฒิครู แต่เพียงแค่วุฒิครูก็ไม่ได้ทำให้เป็นข้าราชการครูได้ เธอต้องอดทนทำงานที่เดิมอีก 5-6 ปี ทุก ๆ ปีมีสอบครูผู้ช่วยที่ไหนเธอก็ไปแต่ก็ไม่ค่อยติด จนวันหนึ่งด้วยความที่สอบมาเยอะและประสบการณ์มันถึงเธอก็สอบผ่านและได้บรรจุเป็นข้าราชการเสียที หลังจากจบมาก็กินเวลากว่า 10 ปีเลยทีเดียว

ญาติของเพื่อนของผู้เขียนทำธุรกิจเป็นพ่อค้าข้าว แม่ของผู้เขียนเล่าว่าในชีวิตช่วงแรกมีชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ ต้องไปสมัครเป็นคนขับรถสิบล้อขนขิง ส่งขิงให้พ่อค้าคนกลาง ทำอยู่อย่างนั้น 5-6 ปี พ่อค้าคนนั้นเค้าจะขายรถบรรทุกขิงที่เก่าแล้วในราคาถูกเพราะเขาจะซื้อรถใหม่  เนื่องจากทำอยู่ในธุรกิจตลอดเวลา 5 -6 ปี ก็รู้ช่องทางเป็นอย่างดีว่าจะต้องประกอบธุรกิจยังไง ติดต่อกับใคร แต่ก็ไม่รู้จะซื้อรถยังไงเพราะต่อให้เป็นรถบรรทุกเก่ามือสองก็ยังมีมูลค่าสูง  ด้วยความเป็นลูกน้องที่ตั้งใจทำงานจึงเข้าไปคุยกับเถ้าแก่ขอซื้อผ่อนรถและรับจ้างขนให้เจ้านายอยู่ ทำอยู่อย่างนั้นอีก 5 ปีก็ผ่อนรถหมด แต่ว่าในปีนั้นขิงราคาตกต่ำมากทำให้เถ้าแก่เลิกค้าขายขิง ส่วนเขามีรถเก่า ๆ คันหนึ่งไม่รู้ทำอะไร เขาก็ได้แต่รับจ้างขนพืชผลทางการเกษตรทั่วไปและมีเงินเก็บพอประมาณ เขาอยากจะค้าขายข้าวเนื่องจากได้รับจ้างขนข้าวและพบว่ากำไรดี  จึงได้เอาเงินเก็บมาลงทุนค้าขายข้าว ปรากฏว่า มาทำจริง ๆ กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะเขาไม่มีความชำนาญเอาเสียเลย ยกตัวอย่างเช่น ดูข้าวไม่เป็น แถมยังโดนข้าวที่มีความชื้นสูง ขายได้ราคาไม่ดีอย่างที่ทำอยู่ในตอนแรกทำให้ก็แค่พออยู่ได้ไปวัน ๆ เป็นกิจการเล็ก ๆ ทำอย่างนั้นอยู่นานมาก จนกระทั่งมีนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่อุดหนุนชาวนาได้ราคาดี ทำให้ราคาข้าวในประเทศเพิ่มขึ้นเขาได้อานิสงฆ์จากตรงนี้และการค้าขายที่คึกคักขึ้นมาก เขาได้กำไรมากพอและประสบการณ์ที่มีมากขึ้นอยู่ในธุรกิจข้าวมานานจนสามารถซื้อรถบรรทุกใหม่ และเปิดโรงสีได้

วันนี้ผู้เขียน ได้มีโอกาสไปทานข้าวกลางวันข้าง ๆ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งคุณหมอเป็นเจ้าของร้านเปิดร้านมาประมาณ 1 ปีกว่า ๆ ได้ปิดกิจการลง ผู้เขียนได้ถามป้าร้านข้าวว่า "ป้า ๆ ร้านกาแฟข้าง ๆ เค้าเจ๊งหรอ?"  ป้าบอกว่า "ใช่ ปิดไปแล้วหล่ะ มันจะอยู่ได้ยังไงขายได้วันละไม่กี่แก้ว แค่ค่าจ้างพนักงานกับค่าเช่าก็หมดแล้ว" ผู้เขียนย้อนนึกในใจว่าอะไรทำให้เขาเจ๊ง?  ขณะที่เราเทียบอีกร้านหนึ่งคือ ร้านลูกชิ้นทอดได้ทำไส้กรอกอีสาณเพิ่มและขายดีพอสมควร สร้างรายได้เพิ่มให้แก่เจ้าของร้านไส้กรอกอีสาน ผู้เขียนถามตัวเองว่า "ทำไมร้านลูกชิ้นทอดถึงอยู่ได้?" ทุนเยอะกว่าก็ไม่ใช่  ฉลาดกว่าหรือ?  หมอฉลาดกว่าแน่นอน  ความชอบหรือ? หรือว่าเพราะความไม่มี? นั่นเป็นประเด็นที่ผู้เขียนคิด อาจจะเป็นเพราะว่า  แม่ค้าลูกชิ้นทอดต่อให้ขายไม่ได้ซักไม้ เขาก็ต้องหาทางขายให้ได้ เพราะเขาไม่ตัวเลือก ตัวช่วย ทางเลือกอื่น ๆ อีกแล้ว เขาไม่มีสิทธิที่จะขายไม่ได้ เขาไม่มีอาชีพอื่นแล้ว หากขายไม่ได้พรุ่งนี้เขาก็ต้องหาวิธีให้มันขายได้ เช่นการออกไส้กรอกอีสานมาขาย ตรงข้ามกันกับหมอ ที่ถ้าขายไม่ได้ก็แค่ปิดร้านเลิกกิจการ กลับไปทำงานประจำเท่านั้นเอง
ตัวอย่างเหล่านี้คงไม่ได้พยายามเชิญชวนให้อ่านให้เป็นเรื่องเล่าของความสำเร็จของนักธุรกิจแต่ว่า  ผู้เขียนกำลังแสดงให้เห็นถึงปัจจัยที่ทำให้คนเหล่านี้อยู่รอด คงไม่ต้องเรียกว่าประสบความสำเร็จเพราะเราคงไม่รู้ว่าความสำเร็จของคนเหล่านั้น พวกเขานิยามไว้อย่างไร แต่ผู้เขียนได้วิเคราะห์และตีกรอบไว้กว้าง ๆ เกี่ยวกับปัจจัยภายในที่เป็นสาเหตุมาจากตัวผู้ประกอบกิจการเหล่านั้นเองเป็นประเภทดังต่อไปนี้

ความรัก ความสนุก ความชอบ

-   ผู้เขียนได้รวมปัจจัยด้าน Favorability ไว้ในกลุ่มเดียวกัน นั่นคือ ความรักในงานที่ทำ ความสนุกที่ได้ทำงานนั้น และความชอบในการทำงานนั้น สาเหตุที่ผู้เขียนจำแนกไว้แบบนี้และแทรกมันอยู่ในกลุ่มแรกเพราะว่า มันทำให้เราอยู่กับมันได้นาน และเมื่อเราทำมันได้นานมันจะทำให้เราอยู่ในธุรกิจได้นาน อยู่ในกิจกรรมนั้นได้นาน เพราะเราชอบมัน ทำมันโดยไม่ต้องให้ใครมาจุดไฟ สร้างแรงใจให้เดินต่อไปข้างหน้า เราสามารถทำเองได้โดยไม่ต้องอาศัยใครเป็นแรงบันดาลใจ และเมื่อคุณอยู่ในธุรกิจนั้นนานพอ จะมีซักวันหนึ่งที่จะมีโอกาสเข้ามาหาคุณ เช่น โอกาสที่ Candy Crush ในตาที่จะมีโอกาสชนะสูง กรณีที่พ่อค้าข้าวอยู่ในธุรกิจนานพอจนเจอกับเหตุการณ์ที่รัฐบาลอุดหนุนธุรกิจจำนำข้าว  เหตุการณ์ที่คุณครูเพื่อนของผู้เขียนได้รับโอกาสในการได้รับวุฒิครูจากรัฐบาล ใครจะรู้หล่ะพรุ่งนี้เราอาจจะสำเร็จก็ได้ การอยู่ได้นานประสบการณ์ของคุณก็เพิ่มโดยอัติโนมัติอีก

ความอดทน ความขยัน  ความไฝ่รู้

-   นี่เป็นกลุ่มปัจจัยที่มีความสำคัญ เช่นเดียวกัน หากเรามีความชอบแต่ทำมันโดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง เช่น บางอาชีพเป็นอาชีพที่ได้เงินมาง่ายแต่ไม่เคยเก็บออมก็ย่อมทำให้ คนนั้นขาดความสามารถที่จะไขว่คว้าโอกาส  ลองนึกถึงคนขับรถบรรทุกที่ขนแต่ขิง และไม่ได้เก็บเงินซื้อรถเป็นของตัวเอง  เขาจะไม่มีวันได้ไปรับจ้างขนข้าว และเขาจะไม่มีวันอยู่จนถึงวันที่ธุรกิจอุตสาหกรรมข้าวเฟื่องฟู ถ้าหากเขาไม่อดทน  เขาจะไม่เปิดโรงสีได้หากเขาไม่เรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจศึกษาวิธีการดูข้าว วิธีการซื้อข้าว เขาจะได้รับประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่าจากเวลาที่ผ่านไปนับ 10 ปี และเมื่อวันที่โอกาสมาถึงหากเขาเลิกค้าขายข้าวไปแล้ว เขาจะไม่ได้โอกาสนั้น  ในวงการเทรดค่าเงินหรือหุ้น  มีคำพูดหนึ่งที่น่าจะเป็นคำพูดของ George Soros พ่อมดการเงินชื่อดังแห่งยุค กล่าวไว้ว่า "อยู่ให้รอดก่อนค่อยทำกำไร" คำพูดนี้น่าจะสะท้อนกลุ่มนิสัยนี้ได้ดี

ความดื้อด้าน ไม่ย่อท้อ
  -   ความดื้อด้านไม่ย่อท้อ คงสะท้อนให้เห็นถึงตัวอย่างที่ผู้เขียนเล่ามาในแม่ค้าลูกชิ้น การดื้อด้าน กัดไม่ปล่อยพยายามหาหนทางออกจนได้ เป็นคุณสมบัติของคนที่อยู่รอดในธุรกิจเลยก็ว่าได้ หากเราเปลี่ยนไปทำอะไรอย่างอื่นแล้ว ความถนัดที่เราทำมาหลายปี ก็จะต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ เริ่มเก็บประสบการณ์กับสิ่งใหม่ ๆ ความเชี่ยวชาญเรื่องใหม่ ๆ ทำให้เราไม่สามารถเป็นที่หนึ่งได้เสียที  ผู้อ่านลองนึกดูว่า นักกอล์ฟที่ได้ที่ 1 กับที่ 10 รางวัลแตกต่างกันมหาศาลมากขนาดไหน? ในโลกนี้ อาชีพอะไรก็สามารถทำรายได้มหาศาลได้   พ่อครัวอันดับหนึ่งของโลก  เชฟของมิชลิน   นักฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลก นักว่ายน้ำอันดับหนึ่งของโลก  หรือแม้แต่นักเก็บขยะมือหนึ่งของเอเชียก็มีรายได้มหาศาลเช่นกัน ลองดูตัวอย่างกรณีศึกษาของ วงษ์พานิช ได้ ผู้อ่านจะพบว่า การเป็นที่หนึ่งสิ่งที่ต้องอาศัยคือ ความไม่ย่อท้อ หนักแน่นไม่กระโดดไปกระโดดมา จนตัวเองเป็นเป็ดไม่เก่งสักอย่าง การเป็นอันดับหนึ่งต้องใช้ประสบการณ์และหากไม่มีประสบการณ์มัวแต่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะเป็นอันดับหนึ่งได้ยังไง

ความสุขในชีวิต
-   สิ่งสุดท้ายไม่ได้คิดว่าจะมีจากตัวอย่าง แต่เป็นสิ่งที่ผู้เขียนให้ความสำคัญคือ ความสุขในชีวิต หากว่า ทำกิจการงานใด ด้วยความจริงจังซีเรียส จนหาความสุขไม่ได้ก็อย่าไปทำมันเลย ชีวิตมันไม่ได้มีด้านเดียว มันยังมีเรื่องของพ่อแม่พี่น้องของเรา  มีเรื่องของครอบครัวของเรา เรื่องของการเจ็บป่วย เรื่องของการศึกษาของลูก เรื่องการไปเที่ยว เรื่องของความสุขที่ได้กินอาหารมื้ออร่อยที่ไม่ต้องแพง เรื่องของความสุขของการได้กินลูกชิ้นปิ้งหน้าหนาว เรื่องของการกินน้ำเต้าหู้อุ่น ๆ ยามอากาศเย็น ๆ กับคนรู้ใจ  การได้นั่งเงียบ ๆ ในสวนหลังบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ชีวิตด้านต่าง ๆ เหล่านี้มันเป็นเหมือนเงาสะท้อน เป็นเหมือนถังขยะ เป็นเหมือนกับการนอนหลับ ทำให้เรามีแรงได้กลับไปสู้เพื่อเดินไปให้ถึงฝันของตัวเองอีกครั้ง ไม่ใช่จะหน้าดำคร่ำเครียดเอาเป็นเอาตายว่าจะต้องสำเร็จวันพรุ่งนี้มะรืนนี้ จนไม่สนใจอย่างอื่น มันจะทำให้เราอยู่ในการเดินทางได้ไม่นาน มีคำกล่าวที่ว่า  Focus on the journey, not the destination. Joy is found not in finishing an activity but in doing it. (Greg Anderson)  เค้าบอกว่า ให้โฟกัสที่การเดินทางไม่ใช่จุดหมายปลายทาง เพราะความสุขนั้นไม่ได้หาได้จากการไปถึงจุดหมายแต่หาได้จากการที่เราได้ทำมัน


ที่มา : https://motivationaltalks.files.wordpress.com/2015/08/diamond-cartoon.jpg
ท้ายที่สุดเราทุกคนเหมาะกับการลงทุนไหม? คงต้องตอบว่าผู้อ่านคงรู้ดีที่สุดว่าตัวเองมีความดื้อหรือเปล่ามีความหัวรั้นไม่ยอมแพ้หรือเปล่า? มีความสุขในการทำมันหรือเปล่า? ในตัวอย่างเรื่องเล่าของผู้เขียน ไม่มีใครต้องใช้ความฉลาดระดับอัจฉริยะ ถึงจะประสบความสำเร็จได้ ไม่ต้องมีสติปัญญาเป็นเลิศ ไม่ต้องมีความจำหรือว่าสามารถหาข่าวได้เร็ว รู้ข่าวก่อนใคร ก็น่าจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

อ้างอิง
Covel, M. (2007). The Complete TurtleTrader: The Legend, the Lessons, the Results, Collins.
   

*

admin

  • 80,415
Re: คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 05, มีนาคม 2016, 10:37:55 AM »
ขอบคุณ สำหรับบทความดีๆ ครับ
(TH)**
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

Re: คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 05, มีนาคม 2016, 03:33:52 PM »
 thank**   thank**   thank**
ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ

Re: คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 06, มีนาคม 2016, 02:44:44 PM »
 thank**
ขอบคุณครับสำหรับบทความดี  (TH)**

*

pitakllll

Re: คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 28, มิถุนายน 2016, 07:25:23 PM »
 **tk** **tk** **tk** **tk** **tk** **tk**

*

eltoap

Re: คุณเหมาะกับการลงทุนหรือไม่?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 20, สิงหาคม 2016, 05:21:27 PM »
 thank** (TH)**