เขาบอกว่าจะขึ้นไปก่อนนะแต่ย่อมาให้เข้าก่อน

☀️YLG_Update : 20 ก.ย. ข่าวทองภาคเช้า📊
📣 Highlight: ทองปิดบวก $1.58‼️แม้การคาดการณ์เฟดเดินหน้าขึ้นดบ.แข็งกร้าว‼️หนุนบอนด์ยีลด์ 10 ปีแตะ High รอบกว่า 11 ปี‼️ฉุดทองร่วงเทส Low  $1,659‼️แต่ค.วิตก Recession กระตุ้นแรงซื้อคืนพันธบัตร‼️กดบอนด์ยีลด์ลดช่วงบวก‼️➕ดอลลาร์ชะลอการแข็งค่าก่อนประชุมเฟด‼️หนุนทองฟื้นปลายตลาด‼️ด้านกองทุน SPDR ถือทองลดลง -2.90 ตัน
.
⭕️ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.06% แตะที่ระดับ 109.7360   #หนุนทอง
.
⭕️  สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 3 จุด สู่ระดับ 46 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47 #หนุนทอง
.
⭕️ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (19 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 3.583 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนส.ค. ส่วนในเดือนก.ค. โอเปกพลัสผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 2.892ล้านบาร์เรล/วัน  #หนุนทอง
.
⭕️ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 3  ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 1.3% ที่มีการระบุก่อนหน้านี้  #หนุนทอง
.
⭕️ โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวเพียง 1.1% ในปี 2023 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.5%  ชี้อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.1% ในช่วงสิ้นปี 2023 จากปัจจุบันที่ระดับ 3.7% และสู่ระดับ 4.2% ในช่วงสิ้นปี 2024 คาดเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้ม 35% เข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า #หนุนทอง
.
⭕️สถาบันวิจัย CFRA ระบุว่า  หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้  ก็จะเป็นการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเกินไปและจะฉุดให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลง  #หนุนทอง
.
⭕️กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเรียกตัวเอกอัครราชทูตแคนาดาเข้าพบในวันนี้และได้ยื่นหนังสือประท้วงต่อเหตุการณ์โจมตีสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียที่กรุงออตตาวา  #หนุนทอง
.
❌กองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -2.90 ตัน สู่ระดับ 957.95 ตัน  ทำให้ปี 2022 กองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -17.71 ตัน #กดดันทองคำ
.
❌ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,019.68 จุด เพิ่มขึ้น 197.26 จุด หรือ + 0.64%, ดัชนี S&P500 ปิด +0.69% และดัชนี Nasdaq ปิด +0.76% ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย  #กดดันทองคำ
.
❌  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งสู่ระดับ 3.518% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2011 ก่อนที่บอนด์ยีลด์จะลดช่วงบวกลง  เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นซึ่งบั่นทอนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง #กดดันทองคำ
.
❌ Bank of America คาดว่า  เฟดจะระบุว่า นโยบายการเงินจะเข้มงวด และจะเป็นเช่นนั้น "ช่วงระยะเวลาหนึ่ง" "เพื่อป้องกันตลาด  จากการคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเมื่ออัตราเงินเฟ้อเริ่มขยับต่ำลง"#กดดันทองคำ
.
❌ Fed funds futures ปรับตัวรับโอกาส 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 bps ในสัปดาห์นี้ และมีความน่าจะเป็น 19% ที่จะขึ้นดอกเบี้ย 100 bps ตามข้อมูลของ Refinitiv #กดดันทองคำ
.
Source : Infoquest, Reuters, Bloomberg, CNBC, SPDR, Kitco, Investing
#YLGResearch

🔔🔔  ราคาทองคำวันนี้ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 1675-1678 หลังจากที่่เมื่อวานปรับตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย นะครับ หลังจากลงไปเทส 1660 อย่างหนักหน่วง ถือว่า กราฟขึ้นมาได้ตามเทคนิค จากแนว QM เพียงแต่ ยังไปไม่ได้ถึงเป้าหมายเท่านั้น เอง ครับ โดยสัปดาห์นี้ แน่นอนว่ากราฟจะค่อนข้างผันผวนหนักนะครับเนื่องจาก Fed นั้น จะประกาศ อัตราดอกเบี้ยจริงๆแล้วหลังจาก หลาย ฝ่าย มโนกันมานานจะได้เลิก มโนกันเสีย ทีจะประกาศเท่าไหร่นั้น รู้กัน คืนวันพุธนี้ครับ โดยวันนี้กราฟมีแนวรับ แนวต้านที่น่าสนใจดังนี้ครับ

  Resistance : แนวต้านอยู่ที่ 1680 และ 1700 

           Daily pivot@1671

           Support :แนวรับ ที่ 1660 และ 1640

🔔🔔 วิเคราะหจากกราฟทางเทคนิค จากรูปจะเห็นว่ากราฟ ใน Time Frame M15 จาก รูปภาพที่แนบนะครับ แอดมิน วันนี้ถ้ากราฟไม่ขึ้นไปทำ High ได้วันพรุ่งนี้จะเทอย่างเดียว นะครับ โดยแนวต้านสำคัญตอนนี้คือ 1680 ครับเนื่องจาก high ของ Daily เมื่อวานวันจันทร์ยังไม่สามารถขึ้นไปสูงได้กว่าของวันศุกร์ครับดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากเช่นกันที่ กราฟจะเทลงไปได้ต่อเนื่อง เหตุเพราะเทรนหลักตอนนี้ของกราฟเป็นแนวโน้มขาลงนั่นเอง และการกลับมาที 1680 ก็เป็นการ Pullback ของแรงเทขายจาก Breakout ของกราฟ ที่กลับมาทดสอบมากกว่า 4 ครั้งแล้วผ่านลงไปได้ อย่างไรก็ตาม ครับ วันนี้ แผนการเทรด Buy เนื่องจากเป็นการรอ ข่าว Fed พรุ่งนี้ครับ และโดยภาพรวยังมองว่ากราฟจะผ่าน 1700 ไปค่อนข้างยากนะครับ และถ้าหากกราฟมาแนว 1700 ได้ตามแผนก็จะได้เวลาเข้า Sell ครับ โดยเช้านี้ กองทุน SPDR ก็มาเขย่าขวัญกันอีกแล้วยังคงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ครับ

🔴🔴#SPDRเทขายทองคำ 🔻⬇️- 2.90ตัน 🔴🔴

รายงานการถือครองทองคำแท่งของกองทุน SPDR Gold Share  20  กันยายน 2565

ทองคำแท่ง รวมในคลัง SPDRล่าสุด ✅✅ 957.95  ตัน

เดือนนี้  กันยายน 2565  ลดลง 🔻🔻 - 18.31   ตัน

ปีนี้ 2565 ลดลง 🔻🔻- 17.71ตัน

🎯🏆เทรดทองคำ : https://www.forex4you.link/

🏆สถิติกองทุน SPDR : https://bit.ly/2KE162k
🥇สถิติราคาทองคำไทย: http://bit.ly/383waCs

**********************************************
#ทองคำ,#ทองคำแท่ง,#กองทุนทองคำ,#ซื้อทอง,#spdrgoldtrust,#gold,#goldtrust,#goldshare,#ราคาทองคำ #traderider

🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔🔔
#ติดตามข่าวสาร Forex,ทองคำ กับ TRADERIDER
🌐🌐เวปไซต์ :www.traderider.com
**********************************************

ลงมาให้ buy ตาม signal ของแอดแล้วค่ะ 

อ้างจาก: wanons ที่ 20, กันยายน  2022, 05:49:39 PM
ลงมาให้ buy ตาม signal ของแอดแล้วค่ะ 

ถ้าแทง Low ได้ก็เท เลย ครับ

อ้างจาก: admin ที่ 20, กันยายน  2022, 07:36:40 PM

อ้างจาก: wanons ที่ 20, กันยายน  2022, 05:49:39 PM
ลงมาให้ buy ตาม signal ของแอดแล้วค่ะ 

ถ้าแทง Low ได้ก็เท เลย ครับ

cut ไปแล้วค่ะ 555 ตั้ง sl ใกล้ๆ หลุดลงมาก็ขอไปก่อนล่ะจ้า รอดูแนวโน้มใหม่

อ้างจาก: wanons ที่ 20, กันยายน  2022, 07:44:07 PM

อ้างจาก: admin ที่ 20, กันยายน  2022, 07:36:40 PM

อ้างจาก: wanons ที่ 20, กันยายน  2022, 05:49:39 PM
ลงมาให้ buy ตาม signal ของแอดแล้วค่ะ 

ถ้าแทง Low ได้ก็เท เลย ครับ

cut ไปแล้วค่ะ 555 ตั้ง sl ใกล้ๆ หลุดลงมาก็ขอไปก่อนล่ะจ้า รอดูแนวโน้มใหม่

ครับน่าจะลงไปเลยได้ครับ

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 300 จุด โดยหุ้นปรับตัวลงทุกกลุ่ม ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้


ณ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,647.42 จุด ลบ 372.26 จุด หรือ 1.2% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 1.27% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 0.99%

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวลงนำตลาดวันนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 18% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%


หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. และหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ก็จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี

สถาบันวิจัย CFRA ระบุว่า หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ ก็จะเป็นการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเกินไป และจะฉุดให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลง

"เราคิดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% จะสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาด และเป็นการบ่งชี้ว่าเฟดมีปฏิกริยามากเกินไปต่อข้อมูลเศรษฐกิจ และลดโอกาสที่จะช่วยให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป" นายแซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์จาก CFRA ระบุในรายงาน

ทั้งนี้ ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 56 ครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% เพียง 7 ครั้ง และหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 2.4% ภายในเวลา 1 เดือน, ร่วงลง 1.3% ในเวลา 3 เดือน และฟื้นตัวขึ้น 0.1% ในเวลา 6 เดือน

นอกจากนี้ การซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75-1.00% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.9% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 ในวันนี้ และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี

การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวสูงกว่าระยะยาว ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ผลการสำรวจของสำนักข่าว CNBC ระบุว่า นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนแตะระดับสูงสุด และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไประยะหนึ่ง โดยเฟดจะใช้มาตรการดอกเบี้ยแบบ "ขึ้นแล้วคง" (hike and hold) แทนที่จะใช้มาตรการ "ขึ้นแล้วลง" (hike and cut) ตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

ผลการสำรวจระบุว่า นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ย.) และเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนแตะระดับ 4.26% ในเดือนมี.ค.2566 โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นเวลาเกือบ 11 เดือน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของบรรดานักวิเคราะห์ที่คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือนไปจนถึง 2 ปี

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า มีแนวโน้ม 52% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า อันเนื่องจากการที่เฟดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์มองว่าเฟดต้องใช้เวลาอีกหลายปี ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมาย 2% โดยคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เมื่อเทียบรายปี จะอยู่ที่ระดับ 6.8% ในช่วงสิ้นปี 2565 และอยู่ที่ 3.6% ช่วงสิ้นปี 2566 ก่อนที่จะปรับตัวลงสู่เป้าหมาย 2% ของเฟดในปี 2567

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 12.2% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 1.575 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.445 ล้านยูนิต จากระดับ 1.404 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. แม้ได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง อย่างไรก็ดี การอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 10.0% สู่ระดับ 1.517 ล้านยูนิตในเดือนส.ค.


โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ