กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

รูปแบบชาร์ต 1-2-3 และ Ross Hook

  • 0 replies
  • 959 views
รูปแบบชาร์ต 1-2-3 และ Ross Hook
« เมื่อ: 24, เมษายน 2021, 02:11:48 PM »
รูปแบบชาร์ต 1-2-3 และ Ross Hook

การเทรดสวนเทรนที่เกิดขึ้นต้องการสองอย่างหลักๆ ในการวิเคราะห์คือ ความสามารถอ่านว่าตลาดน่าจะเกิดการเปลี่ยนเทรนหรือ reversal และอีกอย่างคือวิธีการที่จะเทรดตามเทรนที่กำลังจะเปลี่ยน การเปิดเทรดอาจตั้งแต่ตอนเทรนเปลี่ยน หรือต้นเทรน หรือตอนราคาทำเทรนแล้ว ค่อนเทรดตามก็ได้ แล้วแต่ตลาดตอนนั้นๆ และความสามารถในการวิเคราะห์ตลาด วิธีการดูการเปลี่ยนของเทรน ที่นิยมกันก็มีการดูการเปลี่ยนแปลงของ market structure ในรูปของ chart patterns ต่างๆ ในบทความนี้จะกล่าวถึงรูปแบบ 1-2-3 high/low และ Ross Hook ที่เกิดตามกันมาว่าช่วยในการอ่านเทรนเปลี่ยนและเข้าเทรดตามเทรนเปลี่ยนได้ง่ายอย่างไร

เข้าใจรูปแบบการเปลี่ยนเทรนด้วยรูปแบบ 1-2-3 ก่อน


รูปแบบการเปลี่ยนเทรนหรือ Reversal pattern แบบ 1-2-3 ก็เหมือนรูปแบบอื่นๆ ก็จะมี market structure ที่กำหนดต่างกันออกไป รูปแบบ 1-2-3 ถือว่าเป็นรูปแบบที่ง่ายที่จะทำความเข้าใจและชัดเจน และยังเกิดขึ้นบ่อยๆ บนชาร์ตด้วย รูปแบบก็จะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนด้วยกัน  เริ่มที่ตัวอย่างประกอบที่ชาร์ตเป็นการเปลี่ยนเทรนจากเทรนลงกลายเป็นเทรนขึ้น  เรียกชื่อว่าเป็นรูปแบบ 1-2-3 Low (สำหรับเปลี่ยนเทรนจากขาลงกลายเป็นขาขึ้น) และ 1-2-3 High สำหรับเปลี่ยนจากเทรนขาขึ้นเป็นขาลง  [จะอธิบาย 1-2-3 Low ก่อนที่ราคาเปลี่ยนจากเทรนลงกลายมาเป็นเทรนขึ้น ส่วนรูปแบบ 1-2-3 High ประยุกต์รูปแบบและตรรกะตรงกันข้ามกัน]

สิ่งแรกที่เราต้องกำหนดก่อนคือเรื่องของเทรน ก่อนที่จะเกิดรูปแบบ 1-2-3 จะเห็นว่าราคาได้ทำ Lower low ตามด้วย Lower High และตามด้วย Lower Low ตรงที่เลข 1 แต่ราคาเด้งขึ้นมาเกิน Lower High ก่อนทำ Higher High ที่เลข 2  (ราคาเบรคแนวต้านที่จุด swing ) แล้วราคาย่อตัวลงมาเทส และขั้นตอนนี้สำคัญคือราคาไม่ต่ำกว่าพื้นที่เลข 1 ถือว่าเป็นขั้นตอน Corrective แล้วราคาเด้งขึ้นอีกรอบตามทางที่ขึ้นจากจุดเลข 1 และสุดท้ายราคาต้องเบรคเลข 2 คือถือว่าเป็นรูปแบบ 1-2-3 Low  การที่จะบอกว่ารูปแบบนี้เกิดขึ้นจริง ต้องครบทุกขั้นตอน โดยเฉพาะต้องจบเลข 3 ด้วยการเบรค


เมื่อมองอีกรอบภาพที่เกิดขึ้น ที่เป็นการยืนยันว่าเป็นรูปแบบ 1-2-3 Low ต้องเห็นภาพแบบในกรอบ เพราะต้องตามมาด้วยราคาย่อลงไปไม่ต่ำกว่าเลข 3 และต้องสามารถเบรคพื้นที่แนวต้านที่เลข 2 ได้ด้วย เพราะการเบรคนี้สำคัญว่า ออเดอร์ที่เกินมายังเห็นทาง Buy อย่างชัดเจน แสดงว่าเป็นการยืนยันรูปแบบ Reversal จาก 1-2-3 ไปในตัวด้วย รูปแบบการเทรดเทรด 1-2-3 มี 2 อย่างหลักๆ คือการเปิดเทรดตอนราคาเบรคที่เลข 2 ด้วยการกำหนด buy stop เข้าไป แต่การเทรดแบบนี้เป็นการเปิดเทรดด้วยหลักการ Breakout แนะให้ดูส่วนประกอบอย่างอื่นจาก confluence มาประกอบ ที่เป็นผลจาก technical analysis หลายวิธีการมาช่วยยืนยัน และอีกอย่างเป็นการเปิดเทรดหลังจากเบรคหรือ Pullback ที่เป็นส่วนประกอบของ Ross Hook

รูปแบบ Ross Hook เป็นอย่างไร

ต่อเนื่องจากภาพด้านบน สิ่งแรกที่ต้องเห็นก่อนรูปแบบ Ross Hook คือต้องเห็น รูปแบบ 1-2-3 เกิดขึ้นจริง ที่จบด้วยการเบรค นั่นคือว่า Ross Hook เป็นรูปแบบที่เกิดตามมาของ 1-2-3 หรือบอกว่าต้องมีรูปแบบ 1-2-3 เกิดก่อน เพราะอย่างในกรณีภาพตัวอย่างด้านบนที่เป็น 1-2-3 Low ราคาเปลี่ยนจากเทรนขาลงกลายมาเป็นเทรนขาขึ้น ส่วนประกอบคือ ข้อ 1. ราคาได้เบรค High ที่เลข 2 ของรูปแบบ 1-2-3 และขึ้นไปทำ New High ใหม่ ข้อ 2. ราคาได้ย่อตัวลงมาชั่วคราวเป็นการทดสอบ แต่ต้องไม่เกินหรือต่ำกว่าเลข 3 ของส่วนประกอบ 1-2-3 ที่ราคาได้กลับตัวขึ้นมาและเบรคที่เลข 2 ขึ้นมาทำ New High และข้อ 3. หลังจากจบการย่อตัว ราคาก็กลับตัวมาทางที่ราคาเบรคอีกรอบ เมื่อได้ทั้ง 3 ข้อก็ถือว่าเป็นรูปแบบ Ross Hook


มาถึงรูปแบบ 1-2-3 High ที่เป็นสัญญาณการเปลี่ยนเทรนจากเทรนขึ้นกลายมาเป็นเทรนลง ก่อนที่จะมาถึงรูปแบบ ราคาต้องทำเทรนให้เห็น หรือเห็นเทรนที่เป็นอยู่ คือราคาทำ Higher High ตามด้วย Higher Low และตามด้วย Higher High ที่ราคาทำที่เลข 1  [เรื่องของการย่อจากเรื่อง swing high/low เป็นตัวกำหนดเทรน]  แล้วราคาย่อตัวลงมาที่เลข 2 ตามหลักการของการพัฒนา swing high/low ต่อเราก็คาดว่าราคาน่าจะทำ Higher High เหนือกว่าเลข 1 ได้ แต่ราคาทำไม่ได้ ไปถึงที่เลข 3 ราคาก็ลงมาทำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่คือ Lower High หรือ High ต่ำกว่า High เดิมที่เลข 1  และสุดท้ายราคาลงมาเบรคเลข 2 เป็นการยืนยันหรือว่าเป็นรูปแบบ 1-2-3 [ในส่วนอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาประกอบคือ ภาพตรงที่เลข 2 ถ้าราคาต่ำกว่า จุด Higher low ก่อนได้ยิ่งดี และราคาลงจากจุด 3 มาเบรคที่เลข 2 ที่เป็นแนวรับในโครงสร้าง 1-2-3 ยิ่งเบรคลงแรงด้วย Momentum bar และปิดล่างได้มากยิ่งดี] ต่อมาหลังจากจบ 1-2-3 High ก็ดูรูปแบบของ Ross Hook


  • ราคาได้เบรค Low ที่เลข 2 ของรูปแบบ 1-2-3 และขึ้นไปทำ New Low ใหม่
  • ราคาได้ย่อตัวขึ้นมาชั่วคราวเป็นการทดสอบ แต่ต้องไม่เกินหรือสูงว่า เลข 3 ของส่วนประกอบ 1-2-3 ที่ราคาได้กลับตัวขึ้นมาและเบรคที่เลข 2 ลงมาทำ New Low (ในตัวอย่างของ 1-2-3 high นี้ การย่อตัวของส่วน Ross Hook จะมากกว่ากรณีแรกด้านต้น ที่ราคาดันไปถึงเลข 3 เลยแต่นั่นคือรูปแบบต่างๆ แต่โครงสร้างและตรรกะเดียวกัน รูปแบบอาจต่างกันออกไปตามจำนวน liquidity หรือเพราะมีการ stop hunt ประกอบซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำ ให้แน่ใจว่ารอจนกว่าแท่งเทียนให้จบก่อน)
  • หลังจากจบการย่อตัว ราคาก็กลับตัวมาทางที่ราคาเบรคอีกรอบ

จากการอธิบายเรื่องของ Ross Hook มา ท่านจะเห็นว่า Ross Hook เป็นส่วนที่เกิดขึ้นหลังจาก 1-2-3 มีการยืนยันแล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดรูปแบบ Ross Hook ขึ้นจึงเป็นข้อมูลสำคัญมีความเป็นไปได้สูงมากที่ว่าราคาจะไปต่อหลังจากเกิด Reversal จากรูปแบบ 1-2-3 จากโครงสร้าง 1-2-3 ถ้าราคาเกินพื้นที่เลข 1 ได้ถือว่ารูปแบบ 1-2-3 ล้มเหลว

การเปิดเทรด Ross Hook


การเปิดเทรด Ross Hook ไม่ยากเพราะหลังจากท่านเห็นว่ารูปแบบ 1-2-3 เกิดขึ้นก่อนเพราะว่าสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นก่อนรูปแบบ Ross Hook คือรูปแบบ 1-2-3  ถ้าเป็น 1-2-3 High เกิดขึ้น ท่านก็หาโอกาส Ross Hook เพื่อเปิด Sell หรือถ้า รูปแบบ 1-2-3 Low เกิดขึ้นท่านก็หาโอกาส Ross Hook เพื่อเปิด Buy ตามเทรนใหม่ที่เกิดขึ้น

ภาพประกอบเป็น 1-2-3 Low ตามมาด้วย Ross Hook หลักการเปิดเทรดทั่วไปของ Ross Hook คือเมื่อราคเบรคจุดที่ทำ Hook เกิดขึ้น หรือ high ตรงที่ราคาขึ้นไปหลังจากที่ราคาได้เบรคเลข 2 แล้วย่อตัวลงมาทำ Correction นั่นเอง การเปิดเทรดหรือดูสัญญาณจะมาจากหลักการเทรดแบบ Breakout เป็นหลัก เลยจำต้องเห็นราคาได้เบรคจุดนั้นก่อน ส่วนการกำหนด stop loss ก็จะอิง high/low ใกล้สุด ในที่นี้ก็จะเป็นจุดจบการย่อตัวของส่วน Hook และการกำหนด take profit หลักการทั่วไปก็จะดูจากระยะห่างระหว่างเลข 3 แล้วราคาขึ้นไปทำ Hook  แต่แนะนำให้ท่านดูเรื่องแนวรับ-แนวต้าน ตาม market structure ประกอบ การกำหนด take profit จะได้พื้นที่ที่ดีกว่า