☀️YLG_Update : 14 เม.ย. ข่าวทองภาคเช้า📊
.
📣 Highlight: ทองปิดพุ่ง $12.6‼️วิตก CDC และ FDA ของสหรัฐแนะระงับใช้วัคซีน COVID-19 ของ J&J ชั่วคราว‼️➕บอนด์ยีลด์ 10 ปีร่วง‼️➕ดอลล์อ่อน‼️หลังสหรัฐเผย CPI ที่แม้ "ดีเกินคาด" แต่เงินเฟ้อไม่พุ่งขึ้นรวดเร็วอย่างที่ตลาดกังวล‼️หนุนทองฟื้นกว่า $25‼️จาก Low $1,723‼️สู่ High $1,749‼️ส่วนกองทุน SPDR ถือทองไม่เปลี่ยนแปลง
.
🚨 CDC และ FDA ของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ระบุข้อแนะนำให้สหรัฐระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่ทั้งสองหน่วยงานกำลังตรวจสอบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่อาจเป็นอันตรายในผู้หญิง 6 คนที่ได้รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน  #หนุนทอง
.
⭕️ ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.28% เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 92.00 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. และแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 91.793 หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่แม้จะเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมีนาคม  แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างที่กังวลว่าจะพุ่งขึ้นแรงจนเปลี่ยนแปลงจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในการรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำสุดในอีกหลายปีข้างหน้า  #หนุนทอง
.
⭕️ ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 55.20 จุด หรือ -0.16% ดัชนี S&P500 ปิด -0.02% ดัชนี Nasdaq ปิด  -0.36% ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้  #หนุนทอง
.
⭕️ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงจาก 1.703% สู่ระดับ 1.618% หลังจาก CDC และ FDA ของสหรัฐแนะนำให้ระงับการใช้วัคซีน COVID-19 ของ Johnson & Johnson เป็นการชั่วคราวเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุดตันของลิ่มเลือด รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่แม้จะดีขึ้นในเดือนมี.ค. แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างที่กังวล  #กดดันทอง
.
⭕️ ดีมานด์ในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีมูลค่า 24 พันล้านดอลลาร์เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง    โดย Bid coverage ratio ที่เป็นมาตรวัดความต้องการครั้งนี้อยู่ที่ 2.47 เท่าซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 6 ครั้งของการประมูลที่ 2.332 #กดดันบอนด์ยีลด์  #หนุนทอง
.
❌ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นอัตราที่รวดเร็วขึ้นหลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นถึง 9.1%  #กดดันทอง
.
❌ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นแตะระดับ 98.2 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 95.8 ในเดือนก.พ.   #กดดันทอง
.
❌ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลดลงสู่ระดับ 70.7 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 76.6 ในเดือนมี.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 79.0  #กดดันทอง
.
❌ วานนี้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะที่ 63,700ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ก่อนที่ Coinbase Global Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นแพลทฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq ในวันนี้ #กดดันทอง
.
❌ เจฟฟ์ ซีนต์ส ผู้ประสานงานหน่วยงานรับมือโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว ระบุในแถลงการณ์ว่า โครงการฉีดวัคซีนของสหรัฐจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลังจากพบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันชนิดหายากและเป็นอันตรายในผู้หญิง 6 รายที่ได้รับวัคซีนของบริษัท  #กดดันทอง
.
Source : Infoquest, Reuters, Bloomberg, CNBC, SPDR, Kitco, Investing
#YLGResearch

กราฟคู่เงิน AUDUSD กราฟเริ่มปรับตัวขึ้นมาได้อีกรอบหลังจากที่วิ่งเป็น sideway มาสองสัปดาห์ต่อเนื่อง เป้าการขึ้นในรอบนี้ยังคงมองไปที่แนวFibo 161.8-200% เป็นอย่างน้อย ซึ่งจะอยู่ที่ราคาประมาณ 0.7745-0.7795 ตามลำดับ โดยมีแนวรับอยู่ที่ราคา 0.7630 หากกราฟย่อกลับลงมาทดสอบแนวรับนีก็สามารถเปิด buy ได้ทันที ตัดขาดทุนที่ 0.7583 ครับ

กราฟคู่เงิน UCAD แนวโน้มหลักของ TF DAY ยังคงเป็นขาลงอยู่ ตอนนี้กราฟยังวิ่งอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมกรอบเดิมนะครับ แผนการเทรดก็ยังคงต้องใช้แผนเทรดเดิมไปก่อนคือรอให้กราฟเบรกกรอบสามเหลี่ยมกันก่อนแล้วค่อยเข้าออเดอร์ตามกันอีกที หากกราฟเบรกกรอบสามเหลี่ยมขึ้นไปด้านบน เป้าการขึ้นจะอยู่ที่ราคา 1.2737  แต่หากกกราฟเลือกที่จะเบรกลงมาด้านล่างเป้าการลงจะอยู่ที่ราคา 1.2442 ครับ

กราฟคู่เงิน UCHF หลังจากที่กราฟได้เกิดสัญญาณ Divergence กราฟก็ได้ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องจนลงมาเบรกสวิง low ที่ราคา 0.9214 ได้แล้วนะครับ เป้าการลงในรอบนี้ตามระบบแล้วจะอยู่ที่ราคา 0.9113 , 0.9252 ตามลำดับ แผนการเทรดตอนนี้ก็จะเน้นเข้า sell เป็นหลักไปจนกว่ากราฟจะขึ้นไปทำ new high ได้อีกรอบนะครับ สำหรับแนวต้านสำคัญตอนนี้มองไว้ที่ราคา 0.9285 และ 0.9381 หากกราฟขึ้นไปทดสอบก็ทุบได้ทันที ตัดขาดทุนเมื่อกราฟขึ้นไปทำ new high ได้ครับ

  ...ขอบคุณค่าาาา..
กลับตัว..แล้วหมุนตามปายยยยยยย..

วันนี้ต้องไม่ตกรถ

(Apr 14) 'ไบเดน' หนุนทุ่มเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์แก้ปัญหาชิปคอมพิวเตอร์ขาดตลาด : ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ผลักดันแผนแก้ปัญหาชิปคอมพิวเตอร์ขาดตลาด ผ่านโครงการลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์

ปธน.ไบเดน กล่าวต่อผู้บริหารของบรรดาบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมออนไลน์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ ระบุว่า ชิปคอมพิวเตอร์คือส่วนสำคัญของแบตเตอรีและเครือข่ายบรอดแบนด์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเช่นกัน

เป้าหมายของการประชุมครั้งนี้ คือการหาทางเพิ่มศักยภาพและสร้างความมั่นคงต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ โดยมีผู้บริหารของ 19 บริษัทเข้าร่วม รวมทั้ง กูเกิล (Google) เจเนรัลมอเตอร์ส (General Motors) ฟอร์ด (Ford) อินเทล (Intel) และนอร์ธรัพ กรัมแมน (Northrup Grumman)

แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุด้วยว่า ที่ประชุมได้เน้นย้ำความสำคัญของการเพิ่มความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตชิป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์อีกในอนาคต

ปัจจุบัน ปัญหาการขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ทั่วโลกส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลายอย่างในอเมริกา โดยเฉพาะภาคการผลิตรถยนต์ซึ่งต้องอาศัยชิปในการควบคุมเทคโนโลยีต่าง ๆ ภายในรถยนต์ ทำให้หลายบริษัท รวมทั้ง เจเนรัลมอเตอร์ส และฟอร์ด ต้องระงับหรือลดการผลิตชั่วคราว

ภายใต้แผนลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ทำเนียบขาวเสนอให้ใช้งบประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์ในการวิจัยพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมชิปคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ

โดยประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในที่ประชุมว่า สมาชิกรัฐสภาอเมริกัน 65 คนได้แสดงความประสงค์สนับสนุนโครงการที่มีชื่อว่า "Chips for America" เพื่อแข่งขันกับการอุดหนุนของรัฐบาลจีนในอุตสาหกรรมนี้

Source: VOA Thai

**************
วิกฤต'ชิพ'มีทางออก'อินเทล'ผลิตให้ใน6เดือน: ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ประชุมร่วมกับบรรดาซีอีโอบริษัทชั้นนำของประเทศ เมื่อวันจันทร์(12 เม.ย.)ทั้งอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล, เอทีแอนด์ที, อินเทล และเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม)เพื่อผ่าทางตันในวิกฤตขาดแคลนชิพ หรือเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทอเมริกันในแทบทุกอุตสาหกรรม บริษัทอินเทล ก็ช่วยให้สถานการณ์ตึงเครียดในการประชุมบรรเทาลงเมื่อรับปากว่าจะผลิตชิพเพื่อใช้ในรถยนต์ที่โรงงานในสหรัฐในช่วง6-9เดือนข้างหน้านี้

"แพท เกลซิงเกอร์"ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ) อินเทล บอกว่า บริษัทต้องการผลิตชิพที่โรงงานได้ภายใน6-9เดือนเพื่อแก้ปัญหาชิพขาดแคลน ซึ่งการขาดแคลนชิพที่ว่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเบาในสายการผลิตรถยนต์ในสหรัฐในปีนี้จำนวน 1.3 ล้านคัน

เมื่อเดือนที่แล้ว อินเทลประกาศแผนเพิ่มกำลังการผลิตชิพ ขณะเดียวกัน บริษัทก็เริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ทั้งในสหรัฐและยุโรป รวมทั้งหารือกับบรรดาซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งบริษัทปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าเป็นบริษัทใดบ้าง เพื่อให้แผนเพิ่มกำลังการผลิตบรรลุตามเป้า

ระหว่างการประชุมเมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีไบเดนบอกว่าทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างสนับสนุนให้ออกกฏหมายจัดตั้งกองทุนสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ไบเดนได้ประกาศแผนลงทุน 50,000 ล้านดอลลาร์ในการผลิตและวิจัยเซมิคอนดักเตอร์ เป็นส่วนหนึ่งของการการผลักดันเพื่อให้สหรัฐกลับมาเป็นฐานการผลิตด้านอุตสาหกรรมอีกครั้งภายใต้แผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า2 ล้านล้านดอลลาร์

"ผมได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรสในการจัดหาทุนช่วยเหลืออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยผมได้รับจดหมายจากวุฒิสมาชิก 23 คนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 42 คนทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เพื่อสนับสนุนโครงการ"ชิพเพื่ออเมริกา" ประธานาธิบดีไบเดน กล่าว

ด้าน "จอห์น นูฟเฟอร์" ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ กล่าวว่า เงินทุนสนับสนุนในโครงการนี้ มุ่งเน้นกระตุ้นการผลิตและการลงทุนด้านการวิจัย จะช่วยส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐและสนับสนุนการนวัตกรรมในทุกภาคส่วนของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องใช้ชิพ

"การประชุมในครั้งนี้ช่วยสร้างความต่อเนื่องด้านความสัมพันธ์ระหว่างคณะบริหารของปธน.ไบเดนและภาคอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ ผ่านการสนับสนุนด้านการผลิตชิพและการวิจัยจากรัฐบาลกลาง" นูฟเฟอร์ กล่าว
ขณะที่ทำเนียบขาวเปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า "ปัญหาชิพขาดแคลนซึ่งส่งผลกระทบต่อแทบทุกภาคส่วนในสหรัฐขณะนี้ ถือเป็นสิ่งที่คณะบริหารของปธน.ไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ บรรดาผู้บริหารของบริษัทที่เข้าประชุมต่างก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการยกระดับความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อที่จะช่วยแก้ปัญหาความขาดแคลนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

การขาดแคลนชิพทั่วโลกมีที่มาจากหลายปัจจัย ขณะที่บรรดาค่ายรถยนต์ ซึ่งปิดโรงงานชั่วคราวตั้งแต่โรคโควิด-19เริ่มระบาดเมื่อปีที่แล้ว ต้องแย่งซื้อชิพกับบรรดาบริษัทในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคจำนวนมาก แต่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ใช้ชิพมากกว่าและอยู่ในคิวที่จะได้รับมอบสินค้าคือชิพก่อน เนื่องจากผู้บริโภคยุคนิว นอร์มอล เน้นทำงานจากที่บ้าน จึงมีความต้องการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นตามไปด้วย

ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีไบเดนและคณะที่ปรึกษาชั้นนำ เห็นตรงกันว่าการขาดแคลนชิพเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งนอกจากจะมีผู้บริหารบริษัทชั้นนำตามที่ระบุไปแล้วยังมีผู้บริหารจากฟอร์ด, เอชพี, เดล รวมถึง ซัมซุง และไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง คอมพานี (ทีเอสเอ็มซี)เข้าร่วมหารือกับตัวแทนฝั่งรัฐบาลคือ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ไบรอัน ดีส ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ (เอ็นอีซี) และจีนา ไรมอนโด รมว.พาณิชย์สหรัฐ

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในขณะที่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดนเริ่มดำเนินการทบทวนห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญของประเทศ ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่ความจุสูง, เวชภัณฑ์ และโลหะหายาก

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ขอบทวิเคราะห์ GU ด้วยครับ แอด

EUR/CHF อาจขึ้น 27 - 38 จุด


1.0985 คือจุดอ้างอิงทำกำไรของเรา.

จุดที่ต้องการ

อยู่เหนือแนวรับขาขึ้นหาก 1.0985 ยังคงเป็นแนวรับ

ทางเลือกการลงทุน

การทะลุผ่านแนวรับลงไปที่ 1.0985 จะอยู่ที่ 1.0966 และ 1.0955.

ความเห็น

RSI (ตัวชี้วัดทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา) สูงกว่า 50.MACD (ตัวชี้วัดการเบี่ยงเบนของแนวโน้ม) อยู่เหนือเส้นสัญญาณและเป็นบวก. ยิ่งกว่านั้น ราคาปัจจุบันสูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยที่เคลื่อนไหวที่ 20 ถึง 50 (อยู่ที่ลำดับ 1.1000 และ 1.1000)

แนวรับและแนวต้าน

1.1063 **

1.1052 *

1.1040 **

1.1029

אחרון

1.1002

1.0993

1.0985 **

1.0966 *

1.0955 **

GBP/USD อาจขึ้น 24 - 44 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

1.3740

จุดที่ต้องการ

สถานะซื้อสูงกว่า 1.3740 เป้าหมายต่อไปที่ 1.3800 และ 1.3820

ทางเลือกการลงทุน

ต่ำกว่า 1.3740 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาลงต่อเนื่องที่ 1.3725 และ 1.3710 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

RSI มีทิศทางดี

แนวรับและแนวต้าน

1.3835

1.3820

1.3800

1.3776 สุดท้าย

1.3740

1.3725

1.3710

USD/CAD อาจร่วง 18 - 38 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

1.2560

จุดที่ต้องการ

สถานะขายต่ำกว่า 1.2560 เป้าหมายต่อไปที่ 1.2520 และ 1.2500

ทางเลือกการลงทุน

สูงกว่า 1.2560 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องที่ 1.2580 และ 1.2600 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

หากแนวต้านที่ 1.2560 ยังไม่เลยขึ้นไป ความเสี่ยงที่จะทะลุต่ำกว่า 1.2520 ยังคงสูงอยู่

แนวรับและแนวต้าน

1.2600

1.2580

1.2560

1.2538 สุดท้าย

1.2520

1.2500

1.2480

USD/CHF อาจร่วง 12 - 32 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

0.9225

จุดที่ต้องการ

สถานะขายต่ำกว่า 0.9225 เป้าหมายต่อไปที่ 0.9185 และ 0.9165

ทางเลือกการลงทุน

สูงกว่า 0.9225 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องที่ 0.9245 และ 0.9260 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

RSI ผสมกับช่วงขาลง

แนวรับและแนวต้าน

0.9260

0.9245

0.9225

0.9197 สุดท้าย

0.9185

0.9165

0.9140

อ้างจาก: CAZE_Voiize ที่ 14, เมษายน  2021, 01:59:49 PM
GBP/USD อาจขึ้น 24 - 44 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

1.3740

จุดที่ต้องการ

สถานะซื้อสูงกว่า 1.3740 เป้าหมายต่อไปที่ 1.3800 และ 1.3820

ทางเลือกการลงทุน

ต่ำกว่า 1.3740 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาลงต่อเนื่องที่ 1.3725 และ 1.3710 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

RSI มีทิศทางดี

แนวรับและแนวต้าน

1.3835

1.3820

1.3800

1.3776 สุดท้าย

1.3740

1.3725

1.3710

ขอบคุณครับ 

EU ผมทุบละเอา h1 เป็น SL เป้า 50 เปอร์ที่ขึ้นมา