ต่อเนื่องจากบทความเรื่อง Ichimoku ก่อนหน้านี้ จากรายละเอียดต่างๆ บอกได้ว่าทุกเส้นจากส่วนประกอบของ Ichimoku ถือว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญหมด เพราะการวิเคราะห์ด้วยระบบนี้ จะทำให้ท่านเห็นภาพรวม อดีต ปัจจุบัน และอนาคต จะโดดเด่นในเรื่องของการเทรดตามเทรนหรือ Trend following แต่การเทรดแบบเก็งกำไร หรือเทรดเพื่อหวังผลจากการเคลื่อนระยะสั้น หรือแบบ scalping ก็เป็นไปได้ง่าย เพราะทองมีเรื่องของ liquidity สูงเลยทำให้ pips ต่อการเคลื่อนมากกว่าการเทรดค่าเงิน เลยทำให้การเทรดแบบนี้สามารถจบทำกำไรได้ในเวลาอันสั้นด้วย

ส่วนประกอบของ Ichimoku


ส่วนประกอบสำหรับตีความระบบเทรด ประกอบด้วย 5 ส่วนตามภาพประกอบ ส่วนที่ 4 หรือ Up Kumo หรือ Senkou Span A และส่วนที่ 5 หรือ Down Kumo หรือ Senkou Span B ทั้ง 2 ส่วนเป็นตัวสร้าง Kumo หรือ Cloud ที่เป็นเอกลักษณ์ของระบบเทรดนี้ แต่ในที่นี้จะเน้นไปที่การเทรดด้วยกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping ดังนั้นจะไม่กำหนด trade setup จาก Kumo หรือการตัดกันระหว่างเส้น Tenkan-Sen กับ Kijun-Sen แค่ดูเป็นเทรนหรือเสริมความเป็นไปได้ แต่การเทรดหลักๆ แบบ Scalping จะเน้นไปที่เส้น Chikou Span หรือเลข 3 เพราะว่าเราสามารถหาแนวรับ-แนวต้านได้ และยังสามารถหาคุณภาพแนวรับ-แนวต้านได้ง่าย ประกอบกับการเคลื่อนของทองเยอะมาก เลยทำให้การเทรดแบบนี้เป็นไปได้ง่าย

เทรด Scalping ทองด้วย Chikou Span ของ Ichimoku



ก่อนอื่นให้สังเกตดูว่า เมื่อท่านเปลี่ยนการแสดงผลชาร์ตเป็นแบบ Line charts ท่านจะเห็นว่า Line charts กับ Chikou Span ของ Ichimoku เป็นอันเดียวกัน อาจสงสัยว่าในเมื่อเหมือนกันกับ Line charts ทำไมยังต้องใช้ Chikou Span ของ Ichimoku เพราะว่าเราไม่ต้องการแค่เทรดจาก line charts เท่านั้น เพราะ Line charts ไม่สามารถแสดง price action แบบการแสดงผลแบบแท่งเทียนหรือ candlesticks เพราะด้วยแท่งเทียนเราจะเห็น price action หรือตีความหมายจาก wick ที่เกิดขึ้นเพื่อหาจุดเข้าเทรดได้ หรือไม่เห็นรูปแบบแท่งเทียนที่จะบอกกลับตัว หรือ Pin Bar หรืออื่นๆ แต่ถ้าเปิดเปลี่ยนการแสดงผลไปมาระหว่าง candlesticks กับ line charts ก็ทำให้รำคาญได้ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงหันมาใช้ Chikou Span ของ Ichimoku


อันดับแรกต้องตีความ strong support/resistance จากรูปแบบของ Chikou Span ก่อนว่าเป็นอย่างไร และกำหนดเงื่อนไขโครงสร้างอย่างไรเพื่อการเข้าเทรด และใช้ price action ประกอบอย่างไร ให้ดูรูปแบบของเส้น Chikou Span เช่นที่บอกว่า Sharp edge จะเป็นรูปที่มีการเปลี่ยนทิศทางอย่างชัดเจน ลักษณะแบบนี้บอกถึง strong support/resistance ที่เกิดขึ้นและมีการเปลี่ยนทาง  พอผ่านไปราคาได้เบรคลงมา ดูที่เลข 2 แล้วมองย้อนมาตามลูกศรที่เลข 3 ที่เป็นเส้นของ Chikou Span [เส้น Chikou Span จะมีการ plot  ย้อนหลังจากราคาปัจจุบัน 26 แท่งเทียนตามค่าที่กำหนดไว้ในอินดิเคเตอร์ รายละเอียดส่วนประกอบของ Ichimoku อ่านได้ในบทความก่อนนี้] ก็จะเห็นว่าราคาและ Chikou ได้เบรคแนวรับที่เลข 1 ที่บอกว่าแข็งเพราะรูปแบบการเปลี่ยนทิศทาง พอผ่านไปราคามาที่เลข 4 มองย้อนกลับมาที่ Chikou Span ที่เลข 5 ก็เป็นการที่ราคาย้อนตัวกลับมาทดสอบพอดี ตามภาพประกอบที่แสดงไว้ด้านบนที่อธิบายรูปแบบ มีสิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจว่าทำไมเราจำเป็นต้องใช้ Candlestick เพราะบอกเรื่องของ price action ได้ดี ดูที่พื้นที่เลข 4 ที่ราคากลับมา pullback ที่เปิดโอกาสให้เราเทรดแบบ Scalping จะเห็นว่าราคาไปถึงด้วยส่วนของ wick ของแท่งเทียน และแท่งเทียนต่อมาเป็น Engulfing ที่บอกถึง rejection ตรงพื้นที่เปิดเทรดพอดี และราคาลงมามากกว่า 1800 points ซึ่งมากพอสำหรับการเทรดแบบ scalping พื้นที่จุดนี้ การกำหนด stop loss ก็ใช้ price action และพื้นที่กำหนด กำหนดเหนือกว่านั้นนิดหน่อย

จากตัวอย่างนี้ ถ้าจะเปิดเทรด Sell แบบ Scalping ท่านต้องเห็นรูปแบบของ Support ที่แข็งว่าอยู่ตรงไหน ด้วยการดู Chikou Span และหารูปแบบการเปลี่ยนทางหรือ Very shape และต่อมาเห็นราคาเบรคมีการยืนยันด้วย Chikou Span ด้วย โอกาสเปิดเทรดคือเมื่อราคากลับมาทดสอบพื้นที่ราคาเบรค Support ที่กำหนดจาก Chikou Span การเปิดเทรดให้ดู price action ว่าเปิดเผยอย่างไร ในทางตรงกันข้ามถ้าต้องการจะเปิดเทรด Buy ต้องหา strong resistance ด้วย Chikou Span และรอให้ราคาและ Chikou span เบรคก่อนก็จะเปลี่ยนพื้นที่นั้นจาก Resistance มาเป็น Support โอกาสเปิดเทรดเมื่อราคากลับมาทดสอบตรงพื้นที่ราคาเบรค


สำหรับการ Scalping ด้วยการเปิด Buy หลักการเดียวกันใช้ Chikou span เพื่อหาพื้นที่ Resistance ก่อนว่า ตรงไหนแข็ง ข้อดีของการใช้ Chikou Span นอกจากหาพื้นที่ Resistance แล้วด้วยรูปลักษณ์ยังบอกถึงความแข็งของ Resistance ด้วย ที่สำคัญให้รอจนกว่าเห็นราคาและ Chikou span ได้เบรค Resistance ค่อยรอราคากลับมาที่จุด swap level หรือจากที่ Resistance กลายมาเป็น Support หาเปิดเทรด Buy ด้วยการดู price action ประกอบที่บอกถึงการเด้งออกหรือ rejection จากพื้นที่นั้นค่อยเปิดเทรด

จะเห็นว่า วิธีการ Scalping ด้วย Chikou span ช่วยให้เราหาพื้นที่แนวรับ-แนวต้านได้ง่ายและถูกจุด ที่สำคัญคือสามารถบอกถึงคุณภาพของแนวรับ-แนวต้านด้วยว่าแข็งพอที่จะเปิดเทรดหรือเปล่า ด้วยการดูรูปของเส้น Chikou span ประกอบ ถ้ารูปไม่แข็งพอ เราก็จะไม่เปิดเทรด ยิ่งถ้าเป็นการ scalping จากสินค้าสำหรับเทรดที่มีการเคลื่อนไหว pips มากๆ เช่น ทอง ก็จะทำให้การ scalping จบลงเร็วขึ้นด้วย