ตัดขาดทุนตามสภาวะตลาด (Stop Loss Market) และตัดขาดทุนเอง (Stop Limit) ต่างกันอย่างไร?เราเชื่อว่าเป้าหมายในการเทรดของเทรดเดอร์หลายๆ ท่านคือการเทรดให้ขาดทุนน้อยที่สุดโดยการใช้เครื่องมือในการจัดการบริหารความเสี่ยงต่างๆ เพื่อป้องกันโอกาสในการสูญเสียเงินทุนของท่านและทำให้ท่านสามารถเข้าและออกจากตลาดได้โดยไร้ความเสี่ยง โดยการตั้ง Stop loss ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือยอดนิยมที่เหล่านักเทรดมักใช้ในการจัดการความเสี่ยงนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจเลือกวิธีการตั้ง stop loss ได้หลายๆ แบบ ซึ่งอาจทำให้เทรดเดอร์มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการเทรดสับสนไม่น้อยว่าการตั้งจุดตัดขาดทุน หรือ Stop limit เอง และการตั้งจุดหยุดขาดทุนตามสภาวะตลาด หรือ stop loss market นั้นต่างกันอย่างไร เอาเป็นว่ารูปแบบการตัดขาดทุนทั้ง 2 นั้นมีเป้าหมายในการหยุดการขาดทุนแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่ารูปแบบในการใช้งานนั้นแตกต่างกันเล็กน้อยก็เท่านั้นเองครับ โดยหากเทรดเดอร์ต้องการใช้เทคนิคเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการเทรดขาดทุนได้จริงๆ ท่านจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการตั้ง stop loss ทั้ง 2 แบบ ซึ่งจะช่วยให้ท่านตัดสินใจได้ว่าวิธีตั้ง stop loss แบบใดที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของท่าน และทำไมท่านจึงควรตั้ง stop loss แบบนั้น
การตั้ง Stop Loss ตามคำสั่งตลาด (Stop Loss Market Order)หากท่านเคยมีประสบการณ์ในการตัดขาดทุนจากออเดอร์เทรดมาก่อน ท่านอาจเข้าใจ stop loss market ได้ไม่ยากเลยล่ะครับ โดยออเดอร์ stop loss ตามสภาวะของตลาดนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ออเดอร์ Buy (buying) และออเดอร์ Sell (selling)
- Stop Loss ออเดอร์ Buy – หลักการนี้ง่ายมากๆ ครับ เทรดเดอร์เพียงแค่ใช้เครื่องมือการ stop loss ในการเปิดออเดอร์ short อย่างปลอดภัย โดยเมื่อราคาปัจจุบันทะลุระดับราคาของตลาดไปแล้ว เครื่องมือดังกล่าวจะถูกกระตุ้นและดำเนินการโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันการเทรดขาดทุนจากราคาที่วิ่งบวกขึ้น
- Stop Loss ออเดอร์ Sell – เครื่องมือนี้ช่วยให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ long ได้ด้วยความเสี่ยงที่น้อยลง โดยเมื่อราคาร่วงลงต่ำกว่าระดับราคาของตลาด ณ ขณะนั้น ระบบจะทำการตัดขาดทุนโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการขาดทุนที่อาจมากไปกว่านั้น เนื่องจากเมื่อราคากลับตัวลงแล้ว มันก็อาจร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อออเดอร์เทรดเริ่มมีการขาดทุน ท่านก็จะได้โอกาสในการขายสินทรัพย์นั้นๆ ก่อนที่ราคาจะร่วงไปมากกว่านั้น
เทคนิค stop loss ทั้ง 2 แบบนั้นมีประโยชน์ในการลดการขาดทุนเหมือนกัน โดยท่านอาจเลือกใช้ทั้ง 2 เทคนิคร่วมกันเพื่อป้องกันการเทรดขาดทุนได้ ก่อนที่ท่านจะเปิดออเดอร์ short หรือ long ก็ตาม
การตั้ง Stop Loss เอง (Stop Limit Order) สาเหตุที่มือใหม่หัดเทรดมักสับสนว่าความแตกต่างระหว่าง stop limit และ stop loss market คืออะไรกันแน่ นั่นก็เพราะว่าจริงๆ แล้วทั้ง 2 เทคนิคนั้นแทบไม่ต่างกันเลยนั่นเองครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการตั้ง stop loss ทั้ง 2 แบบจะเหมือนกันเสียทีเดียว ซึ่งสำหรับการตั้ง stop loss limit สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ:
- Stop Price – ระบบจะขายออเดอร์ออกโดยอัตโนมัติ
- Limit Price – ระบบจะเปลี่ยนออเดอร์ sell เป็นออเดอร์ limit โดยใช้ราคา limit หรือราคาที่ดีกว่านั้นในการปิดออเดอร์
การตั้ง stop loss limit มีข้อเสียตรงที่ว่ารูปแบบดังกล่าวไม่ได้การันตีการดำเนินการแบบ 100% นั่นหมายความว่าในบางครั้งเมื่อราคาหุ้นพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรวดเร็ว stop limit อาจไม่ได้ทำงานจริงตามที่ท่านคาดหวังไว้ ซึ่งในกรณีดังกล่าวท่านอาจต้องใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงชนิดอื่นแทน
อีกหนึ่งคำถามที่เทรดเดอร์มือใหม่มักสงสัยก็คือเมื่อราคาหุ้นร่วงต่ำกว่าระดับ limit ควรทำอย่างไร? ควรยกเลิกออเดอร์ limit หรือรอให้ราคาแตะระดับต่ำสุด?? ในกรณีนี้ เทรดเดอร์มีแนวโน้มที่จะพลาดจังหวะในการป้องกันการเทรดขาดทุนและการปิดออเดอร์เพื่อป้องกันการขาดทุน และในขณะเดียวกันเทรดเดอร์บางรายอาจไม่ต้องการขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่ ณ ราคา limit ที่ตั้งไว้ เนื่องจากพวกเขาอาจสังเกตได้ว่าราคาอาจเกิดการกลับตัวในไม่ช้า
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้การตั้ง stop loss limit อาจเป็นเทคนิคที่มีความเสี่ยงสำหรับนักเทรดที่ต้องการจะขาย short ในขณะที่เฝ้าระวังให้ราคาพุ่งขึ้นไปด้วยความเสี่ยง
Stop Loss Market เทียบกับ Stop Limitลองมาดูตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง stop limit และ stop loss market แบบชัดๆ กันดีกว่าครับ
Stop Loss Market
- ดำเนินการเมื่อราคาแตะระดับ low หรือร่วงลงต่อเนื่อง
- ป้องกันการขาดทุนที่มากขึ้นในระหว่างการเทรด
- อาจมีการเทรดขาดทุนได้มากกว่าที่คาดไว้
Stop Limit
- ดำเนินการเมื่อราคาแตะระดับ limit แต่ยังคงออเดอร์ไว้ที่ระดับดีกว่า limit
- ไม่สามารถการันตีการป้องกันการเทรดขาดทุนได้ 100%
- ใช้ได้ผลดีหากเทรดเดอร์รู้ว่าราคาจะเด้งกลับและเริ่มวิ่งขึ้นในไม่ช้า
สรุปความแตกต่าง Stop Loss Market และ Stop Limit แบบสั้นๆความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง stop limit และ stop loss market ก็คือวิธีป้องกันการเทรดขาดทุนที่ต่างกันในระหว่างการเปิดและปิดออเดอร์ โดยข้อดีก็คือทั้ง 2 เทคนิคนั้นเหมาะสำหรับใช้เทรดระยะสั้นและระยะยาวเลยทีเดียวครับ แต่ทั้งนี้รูปแบบการตัดขาดทุนแบบ stop loss limit มีข้อเสียตรงที่ว่ามันไม่ได้ยืนยันการป้องกันการขาดทุนแบบ 100% เว้นเสียแต่ว่าเทรดเดอร์มั่นใจว่าราคาจะมีการเด้งกลับในไม่ช้านั่นเอง
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน