รูปแบบแท่งเทียนอีกอย่างที่เห็นบ่อย Tweezers เพราะ Market structure มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด โดยเฉพาะเมื่อราคากลับวิ่งไปทางเทรนเดิมหรือเกิดเปลี่ยนเทรนก็ตาม ภาพหรือตรรกะที่ต้องการเห็นคือ Rejection จากพื้นที่นั้นๆ เป็นอย่างไรเข้ากับภาพรวมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างไร  การอ่านแท่งเทียนหรือ Price Action จากแท่งเทียน แต่ละจุด เป็นการยืนยัน ณ จุดที่เกิดขึ้นว่าตลาดกำลังบอกอะไร แล้วก็อ่านให้เข้ากับ Market structure ที่เกิดขึ้นก็จะหาความเป็นไปได้ว่าเป็นสัญญาณในการหาโอกาสเทรดตามเทรนหรือสวนเทรนได้ง่ายขึ้น

รูปแบบ Tweezers เป็นอย่างไร


ก่อนอื่นเข้าใจในรูปลักษณ์ของรูปแบบแท่งเทียนที่เรียกว่า Tweezers ก่อน หลักการที่เทรด Tweezers เมื่อเห็นคือหาโอกาสเทรดสวนเทรนหรือ Reversal เป็นหลัก รูปแบบ Tweezers เป็นรูปแบบที่กำหนดจากแท่งเทียน 2 แท่งเทียน [รูปแบบแท่งเทียนมี 3 แบบหลักๆ แบบแรก Single candlestick patterns หรือดูจากแท่งเทียนเดียวเช่น Doji, Pin Bar แบบที่สองแบบ Dual candlestick patterns ดูจาก 2 แท่งเทียนเช่น Bullish/Bearish Engulfing, Tweezers และแบบ Triple candlestick patterns ดูรูปแบบจาก 3 แท่งเทียนเช่น Three Black Crows/Three Soldiers, morning/evening star เป็นต้น] ถ้าเกิดรูปแบบ Tweezers ก็จะส่งสัญญาณการกลับเทรนเป็นหลักหรือสวนเทรน เทรดเดอร์ก็จะหาโอกาสเทรด Reversal แต่ที่สำคัญต้องอ่าน Market structure ประกอบด้วย Tweezers ก็จะมี Tweezers Top [ที่เกิดตอนจบเทรนขึ้น หรือราคาทำเทรนขึ้นแล้วพอเกิด จะเป็นโอกาสเทรด Reversal หาโอกาส Sell]  และ Tweezers Bottom Top [ที่เกิดตอนจบเทรนลง หรือราคาทำเทรนลงแล้วพอเกิด จะเป็นโอกาสเทรด Reversal หาโอกาส Buy ขึ้นมา]

หลักสำคัญของการกำหนด Tweezers คือเรื่องของราคา Rejection พื้นที่เดียวกันทั้ง 2 แท่งเทียนหรือ high/low ทั้ง 2 แท่งเทียนครองอยู่พื้นที่เดียวกัน และมีการบอกชัดถึง Rejection ให้เห็นด้วย ในรูปของ Wick หรือหางแท่งเทียน

Tweezers Top

• ราคาต้องทำ High พื้นที่เดียวกัน
• ต้องมี upper wick ขนาดพอๆ กัน
• แท่งเทียนแรกต้องเป็น Bullish และควรมีส่วน Body ที่ยาวเพราะบอกถึง Momentum แท่งเทียนขาขึ้นได้อย่างดี  แต่แท่งเทียนที่สองไม่จำเป็นต้องมีขนาด Body แบบเดียวกัน  ตรรกะที่อยู่เบื้องหลังคือ แท่งเทียนแรกบอกถึงความแข็งของเทรนทางนั้นๆ พอเกิด Upper wick พอถึงการเข้ามาดันราคาของ Sellers และยังเกิดที่แท่งเทียนที่สองอีกในพื้นที่เดียวกัน บอกถึง Momentum ที่ดันแท่งเทียนแรกขึ้นมามีการหยุด หรือบอกถึงการเปลี่ยนข้างของ Momentum จาก Buyers ในแท่งเทียนแรกมาเป็น Sellers เข้ามากดดันในแท่งเทียนหลัง

Tweezers Bottom

• ราคาต้องทำ Low พื้นที่เดียวกัน
• ต้องมี Lower wick ขนาดพอๆ กัน บอกถึง Rejection พื้นที่เดียวกัน trading pressure จากทางฝั่ง Buyers หรือสร้าง Support ขึ้นมา
• แท่งเทียนแรกต้องเป็น Bearish และควรมีส่วน Body ที่ยาวเพราะบอกถึง Momentum แท่งเทียนขาลงได้อย่างดี  แต่แท่งเทียนที่สองไม่จำเป็นต้องมีขนาด Body แบบเดียวกัน  ตรรกะที่อยู่เบื้องหลังคือ แท่งเทียนแรกบอกถึงความแรงของเทรนทางนั้นๆ พอเกิด Lower wick พอถึงการเข้ามาดันราคาของ Buyers และยังเกิดที่แท่งเทียนที่สองอีกพื้นที่เดียวกันบอกถึง Momentum ที่ดันแท่งเทียนแรกขึ้นมามีการหยุด หรือบอกถึงการเปลี่ยนข้างของ Momentum จาก Sellers ในแท่งเทียนแรก มาเป็น Buyers เข้ามากดดันในแท่งเทียนหลัง

สิ่งที่ Tweezers Top ส่งข้อความออกมาคือ ความพยายาม 2 ครั้งต่อเนื่องกันทางเดียวกันเทรนหรือทาง Momentum ในการดันราคาขึ้นไปของผ่าย Buyers ล้มเหลว ถูกฝ่าย Sellers เอาชนะดันราคาลงมาได้ [ ในมุมเรื่อง Order flow ราคาไปเจอพื้นที่ที่มี Sell limit มากพอที่จะหยุดราคา Buy market orders ในการดันราคาขึ้นไป และมี Sell market orders เข้ามาดันลงมาอีก หรือพื้นที่ตรงนั้นเกิด Supply ขึ้นมามากพอที่จะหยุดราคาและดันราคาลงมาได้ บอกถึงการเปลี่ยนข้างของความไม่สมดุลย์ระหว่าง Demand/Supply ว่ากำลังเกิดขึ้นตรงไหน ]  สำหรับ Tweezers Bottom ตรรกะตรงกันข้ามกัน

เทรดด้วย Tweezers อย่างไร

เนื่องจากเป็นรูปแบบ Price Action ที่บอกถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิด Reversal เทรดเดอร์ก็จะใช้ Tweezers ในการเทรดตอนที่เทรนเปลี่ยน เป็นการเข้าเทรดเริ่มต้นเทรน หรือเป็นการเทรดตามเทรนเมื่อราคาจบ Corrective หรือเป็นการเทรด Pullback เข้าเทรดตามเทรนให้ดู market structure เป็นส่วนประกอบ


ตัวอย่างแรกการใช้ Tweezers เพื่อเทรด Reversal เนื่องจากรูปแบบแท่งเทียนนี้เป็นรูปแบบ Reversal ก็จะเกิดตรงที่ราคาเจอแนวรับ-แนวต้านเป็นหลัก เป็นแนวรับ-แนวต้านจากเทรนหลักเมื่อเกิดขึ้นเทรนก็จะเปลี่ยน หรือแนวรับ-แนวต้านจากเทรนย่อยอย่างในกรณีของการพัฒนาการ Swing highs/lows ทำเทรนแล้วเกิด Corrective ก็เป็น Reversal เช่นกันสำหรับเทรนย่อย

ดูแท่งเทียนที่วิ่งเข้าหา Resistance ขนาด Body มากบอกถึง Momentum ยิ่งดูแท่งเทียนก่อนด้วย ยิ่งบอกถึงความต่อเนื่องของ Momentum ที่เกิดจากออเดอร์ที่เข้าเทรดทางนั้น  จะมาจาก stop orders เป็นหลัก พอราคาไปถึง Resistance เลยเปิด Rejection ที่แท่งเทียนแรกแม้ว่าจะเป็น Bullish ก็ตาม และตามด้วย Bearish แท่งเทียนอีกทีบอกถึงนอกจากเกิด Rejection แล้วยังเกิด 2 ครั้ง บอกถึงการเข้ามาทางฝ่าย Sellers อย่างชัดเจนและเกิดที่ Resistance ด้วย แท่งเทียนที่ 2 นี้ชัดเจนยังเป็น Engulfing ด้วย การเปิดเทรดเมื่อราคาเบรครูปแบบ Tweezers Top ส่วน Stop loss ก็เหนือกว่ารูปแบบและ Take Profit ดูว่าก่อนที่ราคาไปถึงมีแนวรับ-แนวต้านตรงไหนใกล้สุดก่อน

จะเห็นว่าจุดการเปิดเทรดและ Stop loss ง่ายและกำหนดจุดได้ชัดเจนมาก เพราะเป็นการเปิดเทรดจากรูปแบบ Price Action แท่งเทียนที่เกิดขึ้น ที่เป็นการยืนยันด้วย Price Action นั่นเอง ส่วน Take Profit ให้ดู Market structure ประกอบ


ตัวอย่างนี้เป็นการใช้ Tweezers เพื่อเทรดตามเทรนหรือสวนเทรนตอนราคาทำ Corrective จบ หรือเป็นหลักการเทรด Pullback

ดูที่เลข 4 ก่อนจะดูที่บอกว่า Market structure เปลี่ยนราคาลงมาแล้วราคาเด้งขึ้นไปทำ Higher Highs ได้ ราคาลงมาเลข 4 เป็นการเทรดอีกรอบของ Impulsive move ที่ทำให้ Market structure เปลี่ยนไป เทรดเดอร์ที่ไม่รอการยืนยันด้วย Price Action ในที่นี้คือ Pin Bar หรือ Tweezers ก็จะเปิดเทรดทันที แต่เทรดเดอร์ที่รอรูปแบบแท่งเทียนยืนยัน ก็จะเทรด เมื่อราคาเบรคส่วนประกอบ Tweezers ตรงเส้นสีแดงและกำหนด  และที่เลขอื่นๆ 1 2 3 และ 5 ก็หลักการเดียวกัน

หลักสำคัญของ Tweezers คือบอกถึง Rejection ที่เกิดขึ้นที่พื้นที่เดียวกัน บอกถึงการเข้ามาทางฝั่งตรงข้ามสามารถสร้างแนวรับ-แนวต้านขึ้นมาให้ได้ไม่ให้อีกฝั่งทาง Momentum แท่งเทียนไปต่อได้ เลยบอกถึงการหยุดหรือเปลี่ยนข้าง Momentum การเทรดจะมีความเป็นไปได้สูงเมื่อใช้รูปแบบนี้เทรดตาม Market structure ที่บอกว่ารูปแบบ Tweezers เกิดที่ตรงไหน