เทรดทองชาร์ตเปล่าด้วย M/W Pattern
การเทรดชาร์ตเปล่าจำเป็นต้องอ่าน Market Structure เป็น ว่าเป็นมาอย่างไรและเพราะพฤติกรรมอะไรที่ทำให้เทรดเดอร์อยากทำแบบเดิมๆ จนกลายมาเป็นรูปแบบ Chart pattern ต่างๆ ให้เทรดเดอร์ศึกษาและหาโอกาสเทรดอีกรอบถ้าเกิดขึ้น รูปแบบชาร์ต M/W เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นประจำ หรืออาจได้ยินเรียกว่า Double Top/Bottom หลักสำคัญของการเทรด M/W คือเมื่อเกิดขึ้นเป็นรูปแบบที่บอกว่าจะเกิด Reversal และเพราะเมื่อเกิดขึ้นพื้นที่ส่วนประกอบของรูปแบบนี้เป็นที่ที่มี liquidity เยอะที่ขาใหญ่หาได้ง่าย ในการเข้าเทรดและออกเทรด
รูปแบบ M/Wภาพกราฟฟิกประกอบหลักการ - หลักๆ รูปแบบ M/W ก็จะมี 3 รูปแบบ (A,B,C) เป็นหลัก M pattern สำหรับเปิด Sell และ W pattern เมื่อเกิดขึ้นสำหรับเปิด Buy ส่วนประกอบหลักๆ เดียวกัน คือสำหรับ
M pattern
- เลข 1 สำหรับ M เป็นพื้นที่ High หรือ Resistance
- เลข 2 ราคาลงมาเทสทำให้เกิด Low หลังจากที่ราคาทำ High ที่เลข 1
- เลข 3 หลังจากที่ราคาจบเทสแล้วขึ้นไปทำ Top ที่ 2 ในรูปแบบ A ถ้าเป็นรูปแบบ B เกิด False Breakout ตรงที่ High ก่อน และสำหรับแบบ C ราคาขึ้นไปไม่ถึง จุดสำคัญคือราคาต้องเบรคลงมาได้ ปิดล่างกว่าเลข 2 หรือ Support ได้ ยิ่งเป็นการเบรคด้วย Momentum เห็นแท่งเทียนยาวๆ ยิ่งดี
- เลข 4 เป็น Setup ที่รอเปิด Sell อีกรอบ
W pattern
- เลข 1 สำหรับ W เป็นพื้นที่ Low หรือ Support
- เลข 2 ราคาลงมาเทสทำให้เกิด High หลังจากที่ราคาทำ Low ที่เลข 1
- เลข 3 หลังจากที่ราคาจบเทสแล้วลงไปทำ Bottom ที่ 2 ในรูปแบบ A ถ้าเป็นรูปแบบ B เกิด False Breakout ก่อน และสำหรับแบบ C ราคาลงไปไม่ถึง จุดสำคัญคือราคาต้องเบรคขึ้นมาได้ ปิดเหนือกว่าเลข 2 หรือ Resistance ได้ ยิ่งเป็นการเบรคด้วย Momentum เห็นแท่งเทียนยาวๆ ยิ่งดี
- เลข 4 เป็น Setup ที่รอเปิด Buy อีกรอบ
สิ่งแรกเลยที่ต้องมองคือพื้นที่แนวรับ-แนวต้านเพราะว่า M/W เป็นรูปแบบ Reversal เลยต้องดูว่า Market Structure เป็นอย่างไรถ้าเปิดรูปแบบขึ้น อย่างในตัวอย่างเป็นการเปิด W pattern ตรงที่พื้นที่ Support หรือ Demand ด้านล่าง รูปแบบนี้จะเป็นประเภท B ที่มีการล่า Stop ประกอบก่อนดันราคาขึ้นไป การที่จะเทรด W แบบนี้ สิ่งแรกต้องอ่าน market structure ก่อนว่าอะไรที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้เกิด W pattern ถ้าราคาเด้งขึ้นแถว Support สีแดง 2 ที่นั้น ถ้าขาใหญ่จะเปิด Buy ออเดอร์ตรงข้ามอาจไม่พอกับที่พวกเขาต้องการเปิดเทรดเพราะการเปิดเทรดในตลาดจะเกิดขึ้นได้ ณ ราคาที่ท่านต้องการเปิดเทรด ต้องมีออเดอร์ตรงข้ามเท่ากับจำนวนที่ท่านต้องการเปิดเทรด จะเห็นว่าจะมีแต่เปิด Buy เป็นหลัก และ พื้นที่สีแดงกลายเป็นแนวรับไปอัตโนมัติด้วย เทรดเดอร์ที่เปิดถือ Long positions อยู่ก็จะกำหนด Stop loss ไว้ล่างพื้นที่พวกนี้เลยบอกว่า liquidity มาจาก stop orders [รวมทั้ง stop loss ออเดอร์จากที่ถือ long positions อยู่ในตลาดและ Sell Stop ออเดอร์ที่เทรดด้วยหลักการ Breakout ถ้าราคาลงมาก็จะเปิดเทรดทันทีเช่นกัน เลยทำให้ขาใหญ่หา liquidity สำหรับออเดอร์ตรงข้ามได้ง่ายถ้าพวกเขาจะ Buy และยังมีพื้นที่ Support ด้านล่างด้วย ขาใหญ่เลยดันราคาลงมาและ Market structure เกิดเป็น W pattern ดูหลังจากที่ราคาลงมาทำ W ราคาเบรคขึ้นไปอย่างไร ราคาสามารถทำ New High ไม่ได้ เปลี่ยน Market structure และอีกอย่างตอนที่ราคาย่อตัวถ้ามองภาพกราฟฟิกประกอบ จะเห็นเลข 4 ราคายังมีการทำ False Breakout อีกเพื่อล่า liquidity อีกรอบก่อนดันราคาไปจริงด้วย
ตัวอย่างที่ 2 เป็นรูปแบบ W ดูที่เลข 3 ที่ราคาเบรคและปิดขึ้นไปบนได้ โอกาสแรกการเปิดเทรด Buy ราคากลับมาเทสก่อนไปต่อ แล้วโอกาสที่ 2 ในการ Buy กลับมาอีกตามรูปแบบ การเปิดเทรดแนะนำให้เปิดด้วยเห็น Price Action ยืนยัน จะช่วยในการกำหนด stop loss ได้ชัดเจนสำหรับบริหารความเสี่ยง ส่วน take profit กำหนดที่สูงสุดที่ราคาวิ่งไปก่อนที่ราคาจะลงมาเป็นเบื้องต้น ตัวอย่างนี้จะเห็นรูปแบบที่ง่ายหรือรูปแบบ A
ตัวอย่างนี้เป็น M pattern รูปแบบที่เห็นจะดูง่ายเพราะไม่มีเรื่องของการ liquidity hunt เข้ามาประกอบ ส่วนสำคัญของการเทรดรูปแบบ M/W คือเลข 3 เกิดอย่างไร ต้องการเห็นเป็น Impulsive move ราคาสามารถเบรค Low หรือ Support ได้ ยิ่งเป็นแท่งเทียนยาวๆ และราคาสามารถปิดล่างได้ยิ่งดี และมีแท่งเทียนแบบเดียวกันตามมาด้วยยิ่งดี เพราะบอกถึงความไม่สมดุลย์มากเกิดขึ้น ต้องเป็นผลมาจากขาใหญ่เข้าเทรดแน่นอน เปิดเทรด Sell เมื่อราคากลับมาเทสที่เลข 4 นะให้ดู Price Action ประกอบตอนที่เห็นราคาสามารถ Rejection ได้ รอให้แท่งเทียนนั้นๆ ปิดก่อน และในภาพประกอบนี้ยังเปิดโอกาสให้เทรดอีกรอบ ตอนที่ราคาเบรคลงมาแล้วกลับขึ้นไปอีกหน่อย
M/W กับ Liquidity
รูปแบบ M/W ยังเป็นแหล่ง liquidity อย่างดีด้วย เพราะเทรดเดอร์ส่วนมากสนใจเพราะเป็นรูปแบบที่ง่ายต่อการหาบนชาร์ต และยังเป็นรูปแบบพื้นฐานแนวรับ-แนวต้านที่เทรดเดอร์ก็จะโต้ตอบด้วยความคุ้นเคย เช่นเมื่อเปิดเทรด Support ก็จะกำหนด stop loss ต่ำกว่า Low แถวนั้นเป็นส่วนมาก หรือเทรด Resistance ก็จะกำหนด Stop loss เหนือ High เลยมักจะเกิด Liquidity hunt เป็นกับรูปแบบ M/W เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งที่บอกว่ารูปแบบ M/W เป็นสัญญาณบอกการเปลี่ยนเทรนเป็นหลัก การเกิด Liquidity hunt เลยเป็นการบอกว่าขาใหญ่เข้าเทรดด้วย ก็จะเปิดโอกาสให้ราคาเปิดเทรดหลังจากเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นได้ ก่อนที่ราคาจะเบรคแล้วค่อยเทรดต่อตอนที่ราคาย่อตัวกลับมาเทส