กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

พื้นฐาน Price Action เพื่อเทรดทอง - หาจังหวะเทรดด้วยแท่งเทียน

  • 0 replies
  • 519 views
พื้นฐาน Price Action เพื่อเทรดทอง  - หาจังหวะเทรดด้วยแท่งเทียน

การเทรดด้วยการวิเคราะห์ Candlestick patterns ต่างๆ  ถ้าต้องการความเป็นไปได้สูงในการเทรด ต้องดูว่า รูปแบบนั้นๆ เกิดขึ้นที่ไหน ใช้ข้อมูลที่เห็นราคาเปิดเผยออกมาผ่านแท่งเทียน อ่านด้วยความเข้าใจเพื่อเทรดตามเทรนหรือสวนเทรนได้หมด ส่วนมากเราจะวิเคราะห์แท่งเทียนเพื่อดู Price Action ที่พื้นที่สำคัญ เช่นแนวรับ-แนวต้าน หรือพื้นที่ swing highs/lows หรือ demand/supply รูปแบบแท่งเทียนที่เปิดเผยออกมาตอนราคาไปถึงพื้นที่ จะเปิดเผยออกมาให้เห็นว่า ความเป็นไปได้น่าจะเทรดทางไหน

เช่นอย่างการเทรดที่แนวต้านหรือ Resistance เราต้องการเห็นว่า แท่งเทียนเปิดเผย Rejection หรือเด้งออกอย่างชัดเจน ในรูปแบบ Pin หรือ Engulfing เพื่อให้เรามั่นใจว่าจะเทรด หรือมั่นใจว่า Supply ยังเกิน Demand พื้นที่นั้นอีกอยู่ หรืออาจตรงกันข้าม ถ้าเราจะเทรดที่ Support เมื่อราคามาถึง เราก็ต้องการเห็นแท่งเทียนบอกถึงอาการที่เด้งออกมาที่บอกว่า Demand เกิน Supply ที่จะทำให้ราคาขึ้นได้ หรือเมื่อเราวิเคราะห์แท่งเทียนเป็น หาโอกาสเทรดได้ทั้งตามเทรนหรือสวนเทรนก็ได้ที่ตรงนั้นแล้วแต่ราคาเปิดเผยออกมาอย่างไร

ดูว่าราคาวิ่งมาหาพื้นที่แนวรับ-แนวต้านอย่างไร Momentum ลดลงหรือเปล่า


การดูราคาวิ่งมาหา ถือว่าเป็นสิ่งแรกที่เราต้องการเห็นว่า ราคาวิ่งมา และความหมายผ่านแท่งเทียนเป็นอย่างไร ตรรกะคือ ถ้าเราเห็นราคาวิ่งมาหาแนวรับหรือแนวต้านด้วย Momentum หรือ Strength ที่น้อยลงเรื่อยๆ แล้วมาถึง บอกว่ากำลังหรือความแข็งอีกข้างที่ดันราคามาหาพื้นที่นั้นๆ น้อยลงหรืออ่อนมาเรื่อยๆ พอราคามาถึงพื้นที่แนวรับ-แนวต้าน โอกาสที่ราคาจะเด้งออกหรือ Rejection จากพื้นที่แนวรับ-แนวต้านก็มีความเป็นไปได้สูง ดูส่วนที่ 3 ก่อนที่ราคาจะวิ่งไปหาแนวต้าน Resistance (เราใช้การ Rejection จากแท่งเทียนเพื่อบอกว่าเป็นแนวต้าน ถ้ามองมาทางช้าย จะเห็นว่าที่เลข 1 ราคาดันขึ้นไป แล้วถูกดันลงอย่างรวดเร็ว หรือเกิดการเด้งออกจากพื้นที่ราคานั้น Rejection บอกว่า Sellers เข้ามาและดันราคาลงมาได้ ดูแท่งเทียนต่อมา ที่เห็นแท่งเทียนยาวๆ ขึ้นไปทดสอบยังเด้งลงมาอีกถึง Support ด้านล่าง และพอราคากลับมาพื้นที่เดิมอีกครั้งที่ 2 ก็ยังเห็นแท่งเทียน Rejection พื้นที่เดียวกันอีกหลายรอบ ดูลูกศรต่างๆ ที่กำหนดไว้) ดูตรงแท่งเทียนที่บอก Momentum ที่เพิ่มขึ้นแล้วตามด้วย แท่งเทียนที่มี Body ยาวๆ บอกถึง Momentum และการเพิ่มขึ้นในแท่งเทียนต่อมาด้วย ดูหลังจากนั้นพอราคาใช้พื้นที่ Resistance ดูแท่งเทียนเล็กลง และหลายๆ แท่งต่อเนื่อง แถมยังพื้นที่เดียวกันอีก แท่งเทียนพวกนี้บอกถึง Momentum ทางด้าน Buyers ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด พอแท่งเทียนยาวๆ ที่เกิด Resistance ที่มีหางบอกถึง Sellers เข้ามาดันอีกรอบ แล้วดูที่ตามมา ราคาเลยลงมาง่าย

แท่งเทียนเปิดเผย Rejection เป็นอย่างไร

การเกิด Rejection ที่ชัดเจน ถ้าเกิดขึ้นที่แนวรับ-แนวต้าน บอกถึงความแข็งอีกข้างที่ลดลง และอีกข้างเข้ามาแทนที่หรือครอบ ไม่ยอมให้เกินพื้นที่ตรงนั้น แท่งเทียนที่บอกแบบนี้ ถ้าเห็นชัดเจนด้วย เป็นสัญญานที่ดีในการอ่านแท่งเทียนในการช่วยเทรด ว่าราคาจะเด้งออกจากแนวรับ-แนวต้าน แบบมีความเป็นไปได้สูง อย่างในภาพประกอบ แท่งเทียนที่เป็น Pin Bar ประกอบด้วย Upper wick ที่ยาวมาก เกิดขึ้นพื้นที่ Resistance บอกถึง การเข้ามามีส่วนรวมจากขาใหญ่แน่นอน ไม่งั้นไม่เกิดขึ้น เพราะ Pin Bar ตัวนี้แท่งขึ้นไปก่อนเพื่อล่า Liquidity จาก stop orders จาก stop loss และ buy stop เพื่อเข้า sell ได้ที่ราคาดีกว่า  หรือดูตรงที่กรอบเลข 2 ก็จะเห็นเรื่องของแท่งเทียนที่บอกถึง Rejection อย่างชัดเจนมากอีกที่ พอราคามาถึง ก็เกิด Rejection หลายแท่งเทียนต่อเนื่องกัน

ราคาไม่สามารถปิดเหนือแนวต้าน หรือปิดต่ำกว่าแนวรับได้


อีกสิ่งที่แท่งเทียนให้ข้อมูลได้ชัดเจนมากเมื่อการเทรดแนวรับ-แนวต้าน หรือพวก key level ดูราคาปิดแต่ละแท่งเทียนประกอบว่าเป็นอย่างไร ต่อเนื่องจาก Momentum เพราะราคาปิดบอกถึงการเข้ามาของขาใหญ่ที่ต้องการจะรักษาแนวรับ-แนวต้านนั้นๆ อย่างในกรณีภาพด้านบนเป็นการที่ราคาวิ่งเข้าหาแนวต้าน ดูที่เลข 2 แม้ว่าราคาจะพยายามดันไปหลายรอบ แต่ไม่สามารถปิดเหนือแนวต้านได้เลยสักครั้ง แต่มาที่เลข 3 ท่านจะเห็นแท่งเทียนสีเขียวสามารถปิดได้เหนือกว่า แต่ท่านมองดูส่วนประกอบของแท่งเทียนก่อนนี้เป็นอย่างไร Body ของแท่งเทียนส่วนมากน้อยหรือแคบ บอกถึงไม่มี strength หรือถ้ามองไปแท่งเทียนก่อนอีก ท่านจะเห็นว่ามีแท่งเทียนยาวๆ พร้อมด้วย Wide range body ที่บอกถึง Momentum หรือความแข็งเพิ่มขึ้น แต่พอราคามาถึงความแรงกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัดผ่านทางแท่งเทียนหลายแท่งต่อเนื่องกัน แท่งเทียนเดียวที่ปิดได้ ไม่มี Momentum แต่เกิดขึ้นเพราะขาใหญ่ต้องการดันราคาไปแตะ stop loss และ buy stop เพื่อหาที่เข้าเทรดได้ดีกว่า

แท่งเทียนปิดต่ำกว่า low แท่งก่อน และต่ำกว่าแนวต้าน


อีกสิ่งที่ต้องการเห็นการยืนยันจากสิ่งที่แท่งเทียนบอก จากกรณีเดิม ท่านอาจต้องการเห็นแท่งเทียนบอกข้อมูลอื่นประกอบ ว่าขาใหญ่เข้าเทรดจริงหรือเปล่า จำเป็นต้องเห็นว่านอกจากที่ราคาสามารถปิดต่ำกว่า Resistance ได้แล้ว ยังต้องปิดต่ำกว่า Low ของแท่งเทียนก่อนนี้ด้วย เพื่อเป็นการบอกถึงการเปลี่ยนข้างของเรื่อง strength อย่างชัดเจนและยืนยันว่าเปลี่ยนข้างจริง เพราะเรื่องของราคาปิดต่ำกว่า Low ของแท่งเทียนก่อนของแต่ละแท่งเทียนบอกถึงการเปลี่ยนข้าง strength ได้จริงหรือเปล่า ยิ่งมีเรื่องของขนาด Body เข้ามาประกอบด้วย ถ้ามีระยะห่างมากก็ถึง Strength ที่เกิดตอนเปลี่ยนด้วย จะเป็นการเพิ่มความเป็นไปได้ในการเทรดแท่งเทียนต่อมา

Momentum ตอนราคาจากพื้นที่แนวรับ-แนวต้านเป็นอย่างไร


เรื่องของแท่งเทียน อย่างที่อธิบายมาก่อนนี้ ยังบอกถึง Momentum ที่เกิดขึ้นด้วยว่าเป็นอย่างไร ด้วยการดูระยะห่างราคาเปิด-ปิด หรือ  Body พร้อมด้วยราคาปิด ที่เป็นไปทางเดียวกันได้หรือเปล่า ถ้าเราเห็น Momentum เกิดขึ้นตอนที่ราคาวิ่งออกจากแนวรับหรือแนวต้าน ยิ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่จะเพิ่มความเป็นไปได้ในการเทรดว่าราคามีความเป็นไปได้สูงที่จะไปทางนั้น เพราะร่องรอยการเข้าเทรดเปิดเผยผ่าน Momentum ให้เห็น

นี่คือข้อหลักๆ ในการใช้แท่งเทียนวิเคราะห์เพื่อหาพื้นที่เข้าเทรด เช่นอย่างที่แนวรับ-แนวต้าน หรือ price level นอกจากนั้นแล้ว แท่งเทียนหลักการเดียวกัน ยังเป็นการยืนยันแนวรับ-แนวต้านว่าแข็งพอที่จะเทรดหรือเปล่าด้วย ตอนที่เกิดขึ้น เมื่อท่านใช้หลักการเดียวกันเข้าไปกำหนดเพื่อดูคุณภาพพื้นที่นั้นว่าพอที่จะหาโอกาสเทรดได้หรือเปล่า