กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

พื้นฐาน Price Action เพื่อเทรดทอง - การวิเคราะห์ Candlesticks ตอน 1

  • 0 replies
  • 825 views
พื้นฐาน Price Action เพื่อเทรดทอง  - การวิเคราะห์ Candlesticks ตอน 1

การเข้าใจส่วนประกอบและความหมายของแท่งเทียน ช่วยให้เราวิเคราะห์แท่งเทียนในการเทรดเป็นส่วนสำคัญของการเทรด Price Action หรือท่านอาจใช้ประกอบในการเทรด Chart patterns หรือแทบไม่ต้องดู chart pattern เลยก็ได้เพราะเมื่อท่านวิเคราะห์แท่งเทียนเป็น ท่านก็อ่าน Price Action เป็น และอ่าน Chart pattern ต่างๆ ได้เอง บทความนี้ต่อจากบทความที่แล้วที่เน้นรายละเอียดไปที่ส่วนประกอบของแท่งเทียน

เข้าใจการวิเคราะห์แท่งเทียน


ก่อนที่จะวิเคราะห์ได้ ท่านจำเป็นต้องไม่ลืมว่าแท่งเทียนคืออะไร และบอกอะไร แท่งเทียนสะท้อนถึง การเทรดระหว่าง Buyers และ Sellers ว่าเกิดขึ้นตรงไหน เมื่อจบช่วงเวลาฝ่ายไปเป็นฝ่ายชนะหรือครองตลาด แท่งเทียนยังบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง demand/supply ที่เกิดขึ้นจากการเทรดของ Buyers/Sellers ด้วย ถ้าเราอ่านแท่งเทียนต่อเนื่องกันหรืออ่านหลายแท่ง ก็จะบอกถึงเรื่องราวว่าตลาดกำลังบอกอะไรมากกว่า

ส่วนประกอบของแท่งเทียน มี Open, High, Low, Close, Body, และ Range ที่ต้องเอามาตีความประกอบกันว่าแต่ละแท่งเทียนบอกอะไร  และท่านยังต้องตีความระยะห่าง จาก High/Low และมาส่วน Body หรือที่เรียกกว่า Wick หรือหางแท่งเทียนด้วย

การวิเคราะห์ จะเป็นตั้งแต่แท่งเทียนเดียว แท่งก่อนนี้ และมากกว่าแท่งก่อนนี้ประกอบกันหรือที่เรียกว่า ปริบท เพราะท่านไม่ได้อ่านแค่ข้อมูลจากแท่งเทียนเดียว แต่ท่านอ่านจากหลายแท่งเทียนต่อเนื่องกัน

จะอ่านความหมายแท่งเทียนอย่างไร


เมื่อท่านดูแท่งเทียนส่วนที่ดูง่ายสุดจะเป็น Body หลักการอ่านแต่ละแท่งเทียน เริ่มแรกเลยจะเป็นการอ่านเทียบจากราคาปิดของแท่งเทียนก่อน แล้วนำมาเปรียบเทียบ ส่วนที่เป็น Body บอกคือเรื่องของ Strength หรือ Weakness กำลังการเข้าเทรดของฝ่าย Sellers และ Buyers หรือบอกว่าเป็น Momentum ก็ว่าได้ ถ้ามีระยะห่างราคาเปิดและราคาปิด หรือ (Body) มาก (Wide), ปานกลาง (Average) หรือน้อยมาก (Narrow) ตามภาพประกอบ ส่วนของ Body บอกข้อมูลสำคัญหลายๆ อย่าง

เรื่องแรกบอกถึง Strength และ Weakness เมื่อเราดูระยะห่างราคาเปิดและราคาปิด ถ้าระยะห่างมาก หรือ Wide range body บอกถึง strength มากทางที่ราคาปิด เมื่อเทียบกันแท่งเทียนก่อน หรือ ถ้าส่วนของ Body น้อยหรือ Narrow บอกถึง Weakness เมื่อเทียบกับแท่งเทียนก่อน

ดูที่เลข 1 ขนาด wide range body เมื่อเทียบกับหลายแท่งเทียนก่อน และ lower wick น้อยด้วย บอกถึง Strength ทางฝ่าย Sellers ว่าจบแท่งเทียนนี้ คุมตลาด หรือ Supply เกิน Demand บอกได้ว่า Wide range body หรือระยะห่างที่มากบอกถึงความไม่สมดุลย์ที่เกิดขึ้น เพราะ Sell orders ที่เข้ามาทั้งจาก stop loss ของเทรดเดอร์ที่ถือ long positions ตอนราคา consolidation และ sell stop orders จากเทรดเดอร์ที่เทรดแบบ Breakout ด้วย เพราะแท่งเทียนบอกถึงการเทรดที่เกิดขึ้น และระยะห่างพร้อมปิดทางใดทางหนึ่งเป็นการบอกถึง Strength ที่เกิดจากความไม่สมดุลย์ออเดอร์เลยเป็นการยืนยัน stop loss orders และ sell stop orders และบอกถึง trapped traders ไปด้วย จนมาถึงแท่งเทียนที่เลข 5 ดูขนาดของ Body น้อยกว่าแท่งเทียน 1 2 และ 3 และให้สังเกตุดู lower wicks ที่เกิดขึ้นที่แท่งเทียนเลข 3 และ 4 เรื่องของ Wick บอกถึงแนวรับ-แนวต้านที่เกิดขึ้น และยังบอกถึงการเข้ามามีส่วนของขาใหญ่ด้วย


ส่วนที่สอง เรื่องตีความหมาย Wick  เป็นอีกจุดและดูง่าย สื่อความหมายสำคัญด้วย ไม่ว่าจะเกิดด้านบนหรือ Upper wick หรือ Lower wick ด้านล่างของแท่งเทียน บอก strength, weakness, indecision และบอกว่าขาใหญ่เข้าเทรดด้วย ตัวอย่างการอ่านความหมาย Wick จากภาพประกอบสำหรับแท่งเทียน Bearish candlestick 

เลข 1 ราคาเปิดมา ดันราคาลงล่างทำ low แล้วดันกลับขึ้นมาปิดแถวเดียวกับราคาเปิด สร้างส่วน Body แคบๆ หรือน้อย การดีดกลับมาจากล่างสุด มากกว่า 70% ของแท่งเทียนได้ แท่งเทียนนี้บอกว่า ทางด้าน Sellers ได้พยายามดันราคาลงไปแต่ล้มเหลวเพราะทางด้าน Buyers เข้ามา ดันราคากลับขึ้นมาปิดแถวๆ เดียวกันได้ เราบอกได้ว่า Sentiment แทนที่จะเป็น Bearish แต่เป็น Bullish อย่างชัดเจนเพราะการเด้งออกหรือ rejection อย่างแรงจากอีกฝ่าย

เลข 2 Sellers ดันราคาลงไปได้ แต่ย่อตัวกลับมา ประมาณ 50 % ได้  บอกได้ว่า Sellers ยังแข็งอยู่ แต่ Sentiment ไม่ชัดเจนพอ เป็นกลางๆ ระหว่างฝ่าย Sellers และ Buyers (Sentiment = Neural)

เลข 3 ดูส่วนหางแท่งเทียนน้อยกว่าการย่อตัว หรือที่เกิด lower wick ประมาณ 30% แสดงว่าทางฝ่าย Buyers น้อยหรืออ่อน เลยบอกว่า Sentiment ของแท่งเทียนนี้ Strong bearish

เลข 4 จะเห็นว่า ราคาเปิดมาแล้วดันขึ้นไป ทางฝ่าย Sellers เข้ามาดันลง สร้าง Resistance แล้วดันลงไปเกินราคาเปิดลงไปทำ Low แล้วทางฝ่าย Buyers เข้ามาดันกลับสร้าง Support ด้านล่าง จบด้วยราคาปิดแถวราคาเปิด หรือมีส่วนที่เป็น Body น้อยหรือแคบ เช่นแท่งเทียนพวก Doji เรื่องของ Sentiment เลยไม่ชัดเจน (indecision) สำหรับแท่งเทียนนี้อาจไปทางไหนก็ได้


การตีความจาก Pin bar เริ่มที่เลข 1 ราคาวิ่งเข้าหา แนวต้านหรือ Resistance ด้วย momentum ที่แท่งเทียนแรก เพราะขนาดของ body และราคาปิดเป็นตัวบอก แต่พอแท่งเทียนต่อมา ความแข็งหรือ strength ของแท่งเทียนที่สองลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ราคายังปิดบนได้เป็น Bullish candles ต่อเนื่องกัน สิ่งที่เห็นคือว่า ทำไมเกิดการ rejection ตรงพื้นที่ Resistance เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนนี้ยืนยัน Resistance เลยทำให้เทรดเดอร์ออกจากเปิดเทรดทาง Resistance เลยทำให้ Strength ลดลง แต่ถ้าขาใหญ่จะเปิดเทรดบ้างก็จะยากเพราะว่าขาใหญ่เปิดเทรดด้วยจำนวนเยอะ  ถ้าเปิดเทรด ออเดอร์ Buy ที่ดันขึ้นไปอาจไม่พอ และยังมีรายย่อยพยายามเปิดก่อนด้วย แต่ถ้าพวกเขาดันราคาขึ้นไปเหนือ Resistance ก่อนแล้วเปิดเทรด พวกเขาจะได้ Buy orders ที่มกาพอ เพราะจะมาจากเทรดเดอร์ทที่เปิดเทรดก่อนด้วย เทรดเดอร์ที่เรดด้วย Breakout ด้วย ล้วนจะกลายเป็น Buy orders หมด เลยทำให้เลข 2 เกิดขึ้นที่ดันราคาขึ้นไป ดูสิ่งที่เกิดขึ้น Strength เพิ่มขึ้นเพราะมาจาก stop orders บอก แต่พอมาภาพที่ 3 แสดงว่าขาใหญ่เข้าเทรดแน่นอน ไม่งั้นไม่เกิด Pin Bar ตรงพื้นที่นี้ได้ หางแท่งเทียนที่เกิดขึ้นในภาพที่ 3 บอกว่า Seller ขาใหญ่เข้ามาเทรด ความกดดันเปลี่ยนข้าง และตรงที่พื้นที่ Resistance ด้วย

ในภาพอธิบายการทำงาน Pin Bar ท่านจะเห็นว่านอกจากจะเป็นการล่า liquidity เพื่อจะหาที่เข้าเทรดแล้ว เมื่อเกิด Breakout ขึ้นยังกระตุ้นให้เทรดเดอร์ที่รอเปิดเทรดเอง ด้วย market orders หันมาเปิดเทรดทางนั้นด้วย เลยทำให้ขาใหญ่เข้าเปิด Sell ได้ง่ายและด้วยจำนวนออเดอร์ตรงข้ามที่มากพอด้วย แล้วดันราคาลงมา จนกลายมาเป็น Pin Bar สิ่งที่ทำให้ Pin bar เป็นสัญญาณ rejection ที่ดีคือส่วนเทรดเดอร์ที่ติดลบตอนที่ราคาขึ้นไปเบรค Resistance พอราคาลงมากลายเป็นติดลบหมดหรือ trapped traders ที่จำต้องออก เลยช่วยทำให้ราคาวิ่งไปต่อจาก Pin Bar ได้ง่าย

ดังนั้น ขนาดของ Body บอกถึง strength, weak หรือแม้แต่ indecision ว่าแต่ละช่วงแท่งเทียนเป็นอย่างไร เมื่อเราอ่านต่อเนื่องกัน เห็นความต่อเนื่องของ strength หรือ weakness ว่าเกิดขึ้นอย่างไร เลยบอกว่าแท่งเทียนบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง demand/supply ที่เกิดขึ้น ส่วนหางหรือ Wick บอกถึงแนวรับ-แนวต้านที่เกิดขึ้น บอกถึงว่าขาใหญ่เข้าเทรดหรือเปล่า ยิ่งเห็นชัดๆ ที่พื้นที่แนวรับ-แนวต้านยิ่งเห็นข้อมูลพวกนี้ชัดเจน