กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

พื้นฐาน Price Action เพื่อเทรดทอง - จะศึกษา Candlesticks สำหรับเทรดอย่างไร

  • 0 replies
  • 516 views
พื้นฐาน Price Action เพื่อเทรดทอง  - จะศึกษา Candlesticks สำหรับเทรดอย่างไร

การอ่านแท่งเทียนหรือตีความการเคลื่อนไหวตลาดผ่านแท่งเทียนถือว่าจำเป็นสำหรับการเทรด เพราะว่าแท่งเทียนบอกสิ่งที่ตลาดเกิดว่าเป็นอย่างไร (objective ) ไม่ใช่การคาดการณ์เอาเอง (subjective) ตามหลักการวิธีการเทรดด้านเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทรดด้วยอินดิเคเตอร์ เช่นอินดิเคเตอร์ Moving Average หรือยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างอินดิเคเตอร์แบบ Oscillator หรือเทรด price level เช่นหลักการแนวรับ-แนวต้าน หรือ supply/demand ยังต้องการอ่าน price action ประกอบเข้ากับการเทรดพวกนี้อีก เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ Candlesticks เป็นส่วนประกอบสำคัญของการอ่าน Price Action

Candlesticks คืออะไร


Candlesticks เป็นรูปแบบการนำเสนออย่างหนึ่งสำหรับบอกถึง trading transactions ที่เกิดขึ้นแต่ละช่วงเวลา (timeframe/period) ว่าเกิดที่ช่วงไหนบ้าง ออกมาในรูปของแท่งเทียน ถ้าท่านเทรดด้วย Metatrader ท่านจะได้รูปแบบ ชารต์ 3 อย่างคือ Bar charts, Candlesticks และ Line charts  แต่ละแท่งเทียนก็จะบอกว่า Buyers/Sellers ที่ช่วงราคาไหน ในช่วงเวลานั้นๆ พวกเขาเคลื่อนราคาอย่างไร และยังบอกถึงข้างไหนป็นฝ่ายชนะ

ส่วนประกอบของแท่งเทียน


  • ราคา Open เป็นราคาปิดจากแท่งเทียนย่อมเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาที่จะเกิดการเทรดขึ้น การมอง sentiment ว่าอยู่ข้างไหนต่อเนื่อง จะดูง่ายๆ ได้จากราคาเปิด เพราะราคาเปิดเป็นราคาปิดของแท่งเทียนก่อน อย่างภาพประกอบของ Bullish candle แท่งเทียนก่อนเป็น Bearish Candle ราคาเปิดลง Sentiment เป็นไปทางลง แต่พอเกิดใหม่จะเป็นจุดแรกที่จะบอก Sentiment ที่จะเกิดขึ้นกับแท่งเทียนใหม่ ส่วนมากเราจะดู Sentiment ต่อเนื่องจากราคาเปิดของแท่งเทียนก่อนประกอบ เป็นการอ่านแบบปริบท (จะอธิบายในบทความหลัง)
  • ราคา High เป็นจุดราคาสูงสุดช่วงแท่งเทียนนั้นๆ ที่มีการเทรดเกิดขึ้น เป็นข้อมูลบอกว่าเป็นจุดสูงสุดที่ด้าน Buyers สามารถดันราคาขึ้นไปได้ ก่อนที่ Sellers เข้ามาและดันราคาลงมา บอกได้ว่าราคาที่จุด High เป็นจุดรับหรือที่มั่นของฝ่าย Sellers หรือบอกว่าเป็นพื้นที่ต้านทานหรือ Resistance นั่นเอง แต่ถ้าราคาเปิดที่ High ได้ แสดงว่ายังไม่มีการต้านทานจากฝ่าย Sellers เกิดขึ้น
  • ราคา Low เป็นราคาต่ำสุดที่มีการเทรดเกิดขึ้นช่วงแท่งเทียนนั้นๆ เป็นจุดที่ Sellers สามารถดันราคาลงไปได้มากสุดก่อนที่ฝ่าย Buyers จะเข้ามาควบคุมและดันราคากลับขึ้นมาถือว่าเป็น Demand ที่มีมากพอที่จะดันราคาขึ้นมาหรือเป็นพื้นที่แนวรับหรือ Support สำหรับช่วงนั้นๆ เว้นราคาปิดแถว Low ได้ แสดงว่ามี Support จากทางฝั่ง Buyers ถ้าแท่งเทียนไม่หมดเวลาราคาอาจลงไปต่อก็ได้
  • ราคา Close บอกว่าฝ่าย Sellers หรือ Buyers เป็นฝ่ายชนะเมื่อจบช่วงเวลานั้นๆ หรือบอกถึงความไม่สมดุลย์ ดังนั้นเมื่อราคาปิดก็บอกถึง Sentiment ที่เกิดกับแท่งเทียนนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร และก็จะส่งผลต่อมุมมองของเทรดเดอร์ในการเทรดแท่งเทียนต่อไป ว่าจะหาความเป็นไปได้ทางไหน ดังนั้นราคาปิดสำคัญมากเพราะเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ส่วนมากใส่ใจ
  • Body   เป็นสิ่งที่บอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหรือความต่างต่อเนื่องจากราคาปิดแท่งเทียนก่อน หรือราคาเปิดแท่งเทียนนี้ กับ ราคาปิดแท่งเทียนนี้ ถ้าราคาปิดมากสูงกว่าก็บอกว่า demand ชนะ supply หรือฝ่าย Buyers ชนะ Sellers ในช่วงเวลาแท่งเทียนนี้ ทางตรงกันข้ามราคาปิดต่ำกว่าบอกว่า Sellers เป็นฝ่ายชนะ Buyers
  • Range บอกระยะห่างการเทรดที่เกิดขึ้น ด้วยการวัดจากราคา High และราคา Low ระยะห่างช่วงแท่งเทียนหรือ Range ให้ข้อมูลสำคัญว่า demand หรือ supply สามารดดันราคาไปมาอย่างไร เช่นเมื่อราคามาถึง High ราคาถูกดันลงด้วย Supply ลงมาได้ง่ายหรืออย่างไร ลงมาได้มากหรือเปล่า หรือทางกลับกัน เมื่อราคามาถึง Low ราคาขึ้นด้วย Demand หรือ Buyers ได้ง่ายและเร็วและมากหรือเปล่า ยิ่งระยะห่างมาก ยิ่งบอกว่า demand หรือ supply ดันราคาไปได้ง่าย หมายความว่า ความไม่สมดุลย์อยู่ข้างนั้นๆ ชัดเจน

Bullish candlestick หรือ Bearish candlestick

การบอกแท่งเทียนเป็น Bullish Candlestick หรือ Bearish Candlestick ก็แค่ดูราคาเปิด (ที่เป็นราคาปิดของแท่งเทียนก่อน) กับราคาปิดของแท่งเทียน ว่าราคาปิดมากกว่าหรือต่ำกว่าราคาเปิด ถ้าราคาปิดมากกว่า เป็น Bullish candlestick  ถ้าราคาปิดต่ำกว่าเป็น Bearish candlestick

หลักสำคัญการวิคราะห์ Candlesticks


  • ข้อ 1 ความยาวของหางแท่งเทียนหรือ Upper wick/Lower wick เพราะหางแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเกิดจากอีกฝ่ายเข้ามาแล้วดันราคากลับ บอกได้ถึง strength ว่ามาจากฝ่ายไหน บอกถึง weakness ว่าอยู่ข้างไหน หรือถ้ามีหางยาวๆ ทั้งสองข้างอย่างกรณี ราคาเปิด-ปิด อยู่แถวเดียวกันหรือ Doji บอกถึง Indecision ระหว่าง Buyers และ Sellers และที่สำคัญบอกถึงการเข้าเทรดของขาใหญ่ด้วย
  • ข้อ 2 ถ้าไม่มี Wick ราคาปิดทางที่ราคาเปิดได้ แทบไม่มีหรือไม่มี wick เลยบอกว่าขาใหญ่เข้าเทรดแน่ หรือบอกว่า ราคาไปทางใดทางหนึ่งชัดเจน Bullish หรือ Bearish ครองช่วงเวลานั้นๆ บอกถึง Sentiment ที่ครองช่วงเวลานั้นๆ
  • ข้อ 3 ขนาด Body โดยเฉพาะ wide body ยิ่งสัมพันธฺกับข้อ 2 ยิ่งขนาดยาว [ขนาด Body คือช่วงราคาเปิดและปิด] บอกเรื่องของ Sentiment ได้เป็นอย่างดี ตรงส่วนนี้แนะให้ดู Volume ประกอบจะเห็นชัด
  • ข้อ 4 การดูแท่งเทียนดูให้สัมพันธ์กับเทรน หรือปริบทของ market structure ประกอบ เพราะท่านจะได้เทรดตามขาใหญ่ได้ง่าย เพราะแท่งเทียนเดียวกัน ถ้าอ่านประกอบปริบทความหมายจะต่างกัน
  • ข้อ 5 แท่งเทียนจาก higher timeframe สำคัญกว่าแท่งเทียนจาก lower timeframe

การเข้าใจ Candlestick ช่วยให้คาดการณ์แท่งเทียนต่อไปได้ง่าย


หลักสำคัญของการเทรดด้วย Price Action อยู่ตรงนี้ คือการดูสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อคาดการณ์สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นบนแท่งเทียนต่อไป สิ่งแรกก่อนที่จะตีความต้องคิดถึงส่วนประกอบที่บอกก่อนนี้ เพราะว่าแต่ละแท่งเทียน ข้อแรก สะท้อนว่า Buyers และ Sellers กำลังทำอะไร แต่ะละแท่งเทียนเราสามารถบอกได้ว่าใครเป็นฝ่ายชนะ ข้อต่อมา แต่ละแท่งเทียนบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง demand และ supply ที่เกิดขึ้น ข้อสาม ถ้าเราอ่านแท่งเทียนหลายแท่งต่อเนื่องกันเราก็จะได้รู้ว่าราคากำลังบอกเรื่องราวมันเองอย่างไร ดังนั้นการเข้าใจ Candlesticks จึงจำเป็นสำหรับการเทรดแบบ Price Action

ดูที่เลข 6 และเลข 7 ราคาปิด บวกกับ wide body และแทบไม่มี wick เลยบอกถึงการเข้าเทรดของขาใหญ่ ช่วยให้เราคาดการณ์แท่งเทียนต่อมาได้ง่ายว่าจะไปทางไหนต่อ

กลับมาเทียบดูที่เลข 1 จะเห็นว่าแท่งเทียนยาว เบรคลงไป แต่ดูเรื่องของ wide body ท่านจะเห็นมาไม่มากแบบที่แท่งเทียน 6 และ 7 ที่เป็นตัวอย่างที่ดูง่าย และชัดเจน แต่ดูราคาปิด ที่แท่งเทียนเลข 1 ราคาสามารถดันขึ้นมาได้อีก บอกว่าเป็นพื้นที่ แนวรับหรือขา Buyers เข้ามาดันราคา ดูอีก 2 แท่งเทียนต่อมา [เป็นการอ่านแท่งเทียนต่อเนื่องกันเพื่ออ่านว่าราคาบอกอะไร แต่ละแท่งเทียนบอกข้อมูลที่เกิดขึ้นช่วงนั้นๆ แต่การอ่านแท่งเทียนต่อเนื่องกันบอกเรื่องราว ] หางแท่งทียนพื้นที่เดียวกันหมด บอกชัดเจน จนมาที่เลข 2 แท่งเทียนดันลงไปได้ แต่ไม่สามารถปิดล่างได้กลับมาปิดแถวเดิมอีก บอกถึงความ weakness เกิดขึ้นทาง Sellers ไม่งั้นราคาลงไปได้ ขณะเดียวกันบอกถึง Strength ของฝ่าย Buyers จึงไม่แปลกที่จะเห็นแท่งเทียน เลข 3 ดันขึ้นมา ตรงส่วนนี้เราได้เรียนรู้ว่า แท่งเทียนที่เป็น Bearish candle ไม่ได้หมายความว่าจะดันราคาลง ถ้าเราอ่านแท่งเทียนต่อเนื่องกันตั้งแต่เลข 1 และ 2 มา เราก็จะรู้ว่าตลาดบอกอะไร