Moving Average หรือเรียกสั้นๆ ว่า MA เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการกำหนดเทรนง่ายที่สุด เพราะหลักการดูเทรนแค่ดูว่าราคาสูงกว่าหรือต่ำกว่าเส้น MA ถ้าราคาตลาดปัจจุบันสูงกว่าเส้นถือว่าเป็นทรนขาขึ้น ถ้าต่ำกว่าเส้นเป็นเทรนขาลง เลยมีการนำหลักการหลายเส้นจากการกำหนดค่า MA เข้าไปที่ชาร์ตมาประกอบกันเพื่อหาจุดเข้าเทรด การเทรดเทรนที่กำลังเกิดขึ้น หรือการเทรดแบบระยะสั้น เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่นิยมใช้หลักการ MA มาใช้เทรดทอง

Moving Average ใช้อย่างไร


MA ถือว่าเป็นอินดิเคเตอร์พื้นฐานที่มีทุก platform สำหรับเทรดเลย ในส่วนของ Metatrader ท่านก็เพิ่มอินดิเคเตอร์ Moving Average เข้าไป อย่างในกรณีนี้เป็นการใช้ MA เพื่อใช้ในการเทรดระยะสั้น [การเทรดระยะสั้นเป็นการเน้นเทรดเทรนที่กำลังเกิดอยู่ ต่างจากการเทรดแบบเก็บสั้นหวังการทำไรไม่กี่ pips ด้วยหลักการ scalping แต่การเทรดระยะสั้นเป็นการเทรดเทรนหรือ market structure ตามเทรน แต่เน้นปิดวันต่อวันไม่ต้องการถือข้ามวัน] ตัวแปรในการกำหนดที่สำคัญคือตรงที่บอกว่า Period ในที่นี้กำหนด 60 และ 10 ที่ชาร์ตเลยมีเส้น MA 60 สีนำเงิน และอีกเส้นเป็น MA 10 หลักสำคัญของการทำงาน MA คือหาค่าเฉลี่ยจาก Period หรือแท่งเทียนนั้นเองว่าท่านใช้กี่แท่งเทียนของ timeframe ที่ท่านเปิดอยู่ในการหาค่าว่า ราคาค่าเฉลี่ย ควรอยู่ตรงไหน ดูที่ส่วนสุดท้ายของชาร์ตที่มีภาพประกอบบอกว่า ค่า EMA 60 ค่า EMA 10 และ ราคา Bid  และต้องไม่ลืมว่าค่า Period ที่ท่านกำหนดเข้าไปในอินดิเคเตอร์ในที่นี้ 60 และ 10 หมายถึงแท่งเทียนที่ใช้ในการหาค่า ตัวอินดิเคเตอร์ก็จะอ่านค่า Open, High, Low, Close เพื่อประกอบการหาค่า เมื่อท่านเปลี่ยน timeframe ค่าก็จะเป็นค่า timeframe นั้นๆ แต่ในที่นี้เน้นไปที่ short-term trading เน้นการอ่านค่าจาก H1 เป็นหลักสำหรับกำหนด trade setup

MA Crossing สำหรับเทรดทองระยะสั้น


กลยุทธนี้เน้นไปที่หาจุดเข้าเทรดจากเทรนที่เป็นอยู่ด้วยการใช้ 2 เส้น MA ประกอบกัน ด้วยการดูการเส้น MA วิ่งตัดกันด้วยการกำหนด การหาค่าที่ต่างกับ MA แรก กำหนดหาค่าจาก 60 แท่งเทียน ที่กำหนดในชาร์ตเป็น EMA 60 [การหาค่าเป็นแบบ Exponential] สำหรับกำหนดเทรนยาวหรือ Long-term trend สำหรับชาร์ต H1 และอีกตัว เป็น EMA 10 สำหรับหาค่าเฉลี่ยนเทรนจาก 10 แท่งเทียน สำหรับ Short-term trend  ยิ่งค่า MA น้อย ค่าที่ได้ก็จะไม่ต่างจากราคาปัจจุบันหรือราคา Bid/Ask มาก กลยุทธ์การเทรดนี้ใช้กับชาร์ต H1 เป็นหลัก โอกาสการเทรดเกิดขึ้นเมื่อ EMA 10 วิ่งตัด EMA 60 หรือที่เรียกว่า Crossing  ถ้า short-term trend หรือ EMA 10 ตัด long-term trend หรือ EMA 60 ขึ้นหาโอกาสเปิด Buy และ ถ้าตัดลงหาโอกาสเปิด Sell

หลักการเทรดทั่วๆ ไปเมื่อท่านใช้เส้น MA มี 2 อย่างคือ เทรดตอนที่ราคาจะห่างออกจากเส้น อย่างในกรณีนี้ เป็นการเทรดเริ่มเทรนหรือเทรดตามเทรน และถ้าราคาห่างออกจากเส้นเยอะมาก ถ้ามองดูจากชาร์ตให้ดูแท่งเทียนและระยะห่างจากเส้น ให้เทรดกลับเข้ามาหาเส้น หรือเป็นการเทรดสวนเทรนนั่นเอง ตอนที่ราคาจะมาทดสอบเทรนหรือทำ Corrective นั่นเอง

ดูที่เลข 1 เส้น EMA 10 วิ่งขึ้นไปหา EMA60 แล้วตัดลงมา เข้าหลักการที่บอกว่า การเทรด MA มี 2 อย่างเทรดตอนที่ราคาเริ่มดีดออก เป็นโอกาสให้เปิด Sell 1 หรืออาจเห็นโอกาสอีกรอบตอนที่ราคาย่อตัวกลับมาเทส ตรงที่มีหางแท่งเทียน 2 หางที่ต่ำกว่าเส้น EMA60 และไม่สามารถปิดบนได้ เป็นโอกาสเปิด Sell อีกรอบได้ ราคาลงมาจนกว่ามาถึงจุดที่ 2 เส้น EMA10 ตัด EMA60 ขึ้นเทรนเปลี่ยนเปิดกาสให้เปิด Buy และ ปิด Sell 1 ที่เปิดตอนแรก [ตรงส่วนนี้ ท่านจะเห็นว่ากว่าเส้น MA จะมาตัดกันอีกรอบ Sell 1 ที่ท่านเปิดลงไป ราคาเด้งขึ้นมาเยอะมาก กำไรน้อยลง แนะให้ท่านใช้หลักการเดียวกัน แต่เปิด timeframe เล็กลงไป เช่น M15 เพื่อหาจุดเข้าและออกประกอบ แต่ตรงส่วน Trade setup ท่านยังคงใช้ H1 เป็นหลัก]

ที่เลข 2 โอกาสเทรดเกิดขึ้นเมื่อเส้น EMA10 ตัด EMA60 เป็นการเปลี่ยนเทรน ถ้าท่านดูการทำงานของ เทรนไลน์จากหลักการ EMA อย่างกรณี EMA10 ท่านจะเห็นว่าราคาได้ออกไปห่างจากเส้นเยอะแล้ว เช่นอย่างที่จุดเลข 2 ถ้าท่านเปิดเทรดตาม Buy ก็จะห่างจากจุดที่ราคาตัดแล้ว เพราะต้องไม่ลืมว่าข้อมูลที่มาใช้ในการหาค่า EMA เป็นการอ่านค่าจากแท่งเทียนที่จบไปแล้ว ดังนั้น EMA ก็จะแสดงผลช้ากว่าราคาเสมอ ยกเว้นท่านใช้การเปิดเทรดด้วยการดูหลาย timeframe ประกอบกัน เช่น ใช้ M5 หรือ M15 เพื่อเข้าเทรด หรืออีกวิธีการหนึ่งที่นิยมกันคือ เทรดตอนที่ราคาลงมาทดสอบหรือทำ Corrective เทรน ตรงเส้นสีดำแต่ละจุด  ส่วนจุดที่ 3 4 และ 5 หลักการไม่ต่างกันแค่ประยุกต์ตรรกะคนละทางเข้าไปเท่านั้นเอง

ใช้ Timeframe ย่อยเพื่อเข้า-ออกดีขึ้น


จากกลยุทธ์การเทรดทอง short-term trading ด้วยการใช้ MA crossing สำหรับ H1 เป็นหลัก แต่ด้วยหลักการทำงานของ MA ที่หาค่าจาก แท่งเทียนที่จบไปแล้ว เมื่อเปิดเทรดเลย ราคาอาจเคลื่อนไปเยอะบ้างแล้ว แต่เราไม่ได้เน้นการเทรดแบบ Scalping ตามตัวอย่างที่ยกมาประกอบถือว่าเป็นกลยุธธ์การเทรดที่ง่ายและได้ผลดี แต่ถ้าจะหาทางเข้าและออกให้ได้จุดดีขึ้น ท่านจำเป็นต้องใช้หลักการวิเคราะห์และเทรดอิงหลาย timeframe ประกอบกัน คือเราหาเทรนหรือ trade setup จาก H1 แล้วเราดูรายละเอียดย่อยลงมาหรือการพัฒนาการของ market structure ด้วย timeframe ย่อยลงมา ในตัวอย่างใช้ 2 ชาร์ตคือ H1 สำหรับกำหนดเทรนและ trade setup และ M15 เพื่อหาจุดเข้าและออก เมื่อท่านใช้ M15 เข้าไป ท่านจะเห็นว่าโอกาสการเทรดเกิดขึ้นตรงไหน อย่างภาพประกอบตรงที่ลูกศรชี้ไปจากพื้นที่ H1 ไปยัง M15 จะเห็นว่า long-term trend หรือ EMA60 เป็นเทรนลง และราคาได้เด้งออกตลอด ท่านก็จะสามารถเข้าและออกเทรดด้วยจุดที่ดีกว่าได้

ขอบคุณมากครับ...