(Jan 23) ประธานาธิบดี Biden ลงนามคำสั่งบริหาร (Executive Order) เพิ่มเติมในวันนี้ ซึ่งว่าด้วยการขยายขอบเขตมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำและผู้ว่างงาน
ประธานาธิบดี Biden ลงนามคำสั่งบริหาร (Executive Order) เพิ่มเติมในวันนี้ ซึ่งว่าด้วยการขยายขอบเขตมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำและผู้ว่างงาน ระหว่างที่รอเสนอให้สภาพิจารณาผ่านงบการคลังเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้ คำสั่งบริหารนี้จะมีผลขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านอาหารและเปิดโอกาสให้ผู้ว่างงานยังสามารถรับสวัสดิการการว่างงานต่อไปได้หลังจากที่ยังไม่สามารถหางานใหม่ได้เพราะปฏิเสธงานที่สภาวะการทำงานนั้นเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ ทั้งนี้ หลายฝ่ายกังวลว่าอัตราการติดเชื้ออาจจะปรับสูงขึ้นหลังจากนี้ จากที่ล่าสุดมีจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เฉลี่ยที่ 188,110 รายต่อวัน ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,000 รายต่อวัน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศล่าสุดอยู่ที่กว่า 24 ล้านราย โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดค่อนข้างรุนแรงในรัฐ Virginia และ Texas
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีปัญหาการเข้าถึงบริการตรวจเชื้อไวรัสอย่างครอบคลุม โดยพบว่าชุดตรวจแบบที่สามารถอ่านผลทันทีนั้นยังกระจุกตัวในเมืองใหญ่ ขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำไม่สามารถเข้าถึงการตรวจสอบเชื้อ โดยคาดว่ามีเมืองที่ไม่มีศูนย์ตรวจเชื้อกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนเมืองทั่วประเทศ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ในเมืองเหล่านี้ยังเป็นกลุ่ม front-line worker ที่อาศัยรวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ซึ่งมีทั้งผู้สูงอายุและเด็กในบ้านเดียวกัน ปัญหาดังกล่าวทำให้การควบคุมโรคไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิผลเท่าที่ควรในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่ประธานาธิบดีแคนาดานาย Justin Trudeau ตกที่นั่งลำบากหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden ลงนามยกเลิกโครงการท่อลำเลียงน้ำมัน Keystone XL ผ่านคำสั่งบริหาร (Executive Order) เนื่องจากโครงการดังกล่าวขัดแย้งกับแนวคิดด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยโครงการ Keystone XL ถูกประเมินว่าจะสามารถลำเลียงน้ำมันจาก Alberta ไป Nebraska และส่งต่อไปที่โรงกลั่นได้วันละ 800,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งการยกเลิกดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดี Trudeau อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบเนื่องจากทางแคนาดาไม่มีอำนาจมากพอที่จะใช้นโยบายคว่ำบาตรทางการค้าอย่างมีนัยสำคัญต่อสหรัฐฯ แต่หากประธานาธิบดี Trudeau ปล่อยให้โครงการ Keystone XL ถูกยกเลิก พรรคการเมืองของนาย Trudeau ก็มีแนวโน้มเสียคะแนนนิยมจากประชาชนใน Alberta
นอกจากนี้ การยกเลิกโครงการดังกล่าวยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาปรับแย่ลง และกดดันให้ผู้ผลิตน้ำมันในแคนาดามองหาทางเลือกอื่นในการส่งออกน้ำมันแทนการพึ่งพิงสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นาย Dennis J. McConaghy อดีตรองประธานบริหารด้านการพัฒนาองค์กรของบริษัท TC Energy Inc. เชื่อมั่นโครงการ Keystone XL จะถูกนำกลับมาก่อสร้างต่อในภายหลังเนื่องจากโครงการดังกล่าวมีประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ขณะที่เหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเพียงมุมมองส่วนบุคคล ดังนั้น ในอีก 4 ปีข้างหน้า หากมีการเปลี่ยนประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุมมองต่อโครงการนี้ก็จะเปลี่ยนไปอีกทางหนึ่ง
ด้าน Sentiment ในตลาดการเงินสหรัฐฯ ปรับแย่ลงในวันนี้ จากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งมีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ดัชนี S&P500 ปรับลดลงจากที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์วานนี้ ลงมาปิดที่ 3,841.47 สุทธิปรับลดลงร้อยละ 0.30 นำโดยการลดลงของราคาในกลุ่ม Financial (-0.72%), Energy (-0.50%) และ Industrial (-0.49%) ส่วนดัชนีค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.09 ปิดที่ 90.2120 สอดคล้องกับการปรับลดลงของราคาสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าและราคาทองคำ ด้านอัตราผลตอบแทบพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยปรับลดลง 1-2 bps ในระยะ 5-30 ปี ทั้งนี้ผู้ร่วมตลาดต่างจับตารอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 27 ม.ค. และประกาศผลประกอบการของ Facebook, Apple และ Tesla ในสัปดาห์หน้าเป็นสำคัญ
Source: BOTSS