กองทุน SPDR GOLD SHARES
ถือทองก่อนหน้า
ถือทองล่าสุด
0.00
*หน่วยตัน / ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
สถิติกองทุน SPDR
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ
ครั้งที่
ราคาก่อนหน้า
ราคาล่าสุด
0
(หน่วย บาท*) / อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 13:04 น.
สถิติราคาทองคำ ไทย

✅⭐⭐แผนการเทรด EUR/USD พุธ 25 พฤศจิกายน 2563 New high มีไว้ให้ไปต่อที่ 1.2015🛸🛸🛸

  • 24 replies
  • 6,297 views
*

admin

  • 80,650
อ้างจาก: Aom_Danupol ที่ 25, พฤศจิกายน  2020, 07:37:50 PM
อ้างจาก: admin ที่ 25, พฤศจิกายน  2020, 07:20:11 PM
กราฟ กำลังมารับ นะครับ
**Hea** **Hea**
รออยู่เลยครับ  Hulk 2** Hulk 2**

พรุ่งนี้ ตลาดไม่ค่อย วิ่งนะครับ เนื่องในวัน ขอบคุณพระเจ้า
**Hea** **Hea**
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

*

ADT_

  • 239
อ้างจาก: admin ที่ 25, พฤศจิกายน  2020, 09:37:28 PM
อ้างจาก: Aom_Danupol ที่ 25, พฤศจิกายน  2020, 07:37:50 PM
อ้างจาก: admin ที่ 25, พฤศจิกายน  2020, 07:20:11 PM
กราฟ กำลังมารับ นะครับ
**Hea** **Hea**
รออยู่เลยครับ  Hulk 2** Hulk 2**

พรุ่งนี้ ตลาดไม่ค่อย วิ่งนะครับ เนื่องในวัน ขอบคุณพระเจ้า
**Hea** **Hea**
ครับผม ขอบคุณครับ (TH)** (TH)**
รู้ว่าตัวเองไม่เก่งก็ต้องพัฒนาต่อไป อย่าติดกับดักของความขี้เกรียจ

*

PoNgPk

  • 6,098
(Nov 25) ข้อตกลงการค้าเอเชีย' หมัดเด็ดจีนแผ่อิทธิพลแทน'สหรัฐ' : "สุภาพบุรุษและ สุภาพสตรี ผองเพื่อน ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คือบ้านที่เราอยู่ร่วมกัน เรายินดีร่วมมือกับ ภูมิภาคอื่นทุกภูมิภาค รวมทั้งประเทศหรือ บริษัทต่างๆ ที่อยากจะร่วมมือกับเรา" ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวใน เวทีประชุมนักธุรกิจเอเปค เมื่อวันพฤหัสบดี (19 พ.ย.) โดยผู้นำจีนกำลังดำเนินบทบาท รัฐบุรุษระดับโลก เหมือนที่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อันลือลั่น เมื่อเดือนม.ค.ปี 2560
         
ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีสี ถือโอกาสกระทุ้งสหรัฐด้วยการบอกว่าลัทธิเอกภาพนิยม กีดกันการค้าและการรังแกประเทศเล็กกว่าที่นับวันจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจน พฤติกรรมต่างๆ ที่ขัดต่อกระแสโลกาภิวัฒน์เพิ่มความเสี่ยงและสร้างความไม่แน่นอนแก่เศรษฐกิจโลก
         
ถ้อยแถลงของสี ในการประชุมทางไกล ของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เอเชีย-แปซิฟิก(เอเปค)เมื่อสัปดาห์ที่แล้วตอกย้ำว่ารัฐบาลปักกิ่งมีความต้องการ อย่างยิ่งยวดที่จะเข้ามาเติมเต็มภาวะสุญญากาศอำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่หายไปตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินโลก
         
สี กล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันศุกร์ (20 พ.ย.)ว่า เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ ที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ต้องเผชิญกับภาวะติดลบ การฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยตลาด ที่เปิดกว้าง และการคุ้มครอง ตลอดจนพัฒนา คุณภาพชีวิตให้แก่ประชากร ควรเป็นภารกิจเร่งรัดของรัฐบาลทุกประเทศ
         
นอกจากนี้ สี ยังกล่าวถึงข้อตกลง ซีพีทีพีพี ว่าเป็นหนึ่งในความร่วมมือทางการค้า ที่จีนจับตาและให้ความสนใจมาตลอด  โดยยังคงอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ และระหว่างการประชุมเอเปคครั้งนี้ ผู้นำจีนเสนอยุทธศาสตร์วงจรคู่ที่รัฐบาลปักกิ่งผลักดันมานานหลายทศวรรษ ซึ่งก็คือการปฏิรูปเศรษฐกิจให้เติบโตจากการพัฒนาภายในอย่างมั่นคง เพื่อนำมาซึ่งการสร้างสมดุล ให้กับตลาดทั้งในและต่างประเทศ
         
ศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ (ไอทีซี) ระบุว่า ตอนนี้จีนมีฐานะเกือบเทียบเท่าสหรัฐ ในฐานะประเทศจุดหมายปลายทางด้าน การส่งออก โดยการส่งออกไปจีนจาก 18 ประเทศสมาชิกเอเปคอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐและปาปัว นิวกินีซึ่งไม่มีข้อมูลล่าสุดให้เปรียบเทียบในปี 2562 มีมูลค่า 1.07 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 90% ของตัวเลขในสหรัฐและเพิ่มขึ้น 80% ในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 หลังเกิดวิกฤติการเงิน
         
หลังเกิดวิกฤติการเงิน อิทธิพลของจีน ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (585 พันล้านดอลลาร์)ของรัฐบาลปักกิ่งช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภคภายในประเทศได้ อย่างเห็นผล จนทำให้การนำเข้าเพิ่มขึ้น ชาติเศรษฐกิจเอเปคที่ส่งออกสินค้าไปจีนมากกว่าไปสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 7 ประเทศ ในปี 2551 เป็น 14 ประเทศในปี 2554 ส่วนจีนเอง ก็ไม่รู้สึกอายหรือตะขิดตะขวงใจที่จะใช้การค้า เป็นเครื่องมือกดดันประเทศต่างๆ ที่จีน มีปัญหาด้วย
         
อย่างกรณีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว รัฐบาลปักกิ่งยุติการส่งออกแร่หายากให้ญี่ปุ่นเพราะมีกรณีพิพาทการอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะเซนกากุ ในทะเลจีนตะวันออก และในตอนนี้ จีนกำลัง ลงโทษออสเตรเลียด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจหลายรูปแบบเพื่อแสดงให้ออสเตรเลียเห็นว่า จีนไม่พอใจที่รัฐบาลแคนเบอรา แนะนำประชาคมโลกว่าควรตรวจสอบถึงต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
         
ยูเรเซีย กรุ๊ป ระบุว่า สิ่งที่ต้องจับตามอง ในอนาคตคือการทำข้อตกลงการค้าเสรี ที่จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้หารือร่วมกัน มานาน แต่ไม่มีความคืบหน้าเพราะปัญหา ความตึงเครียดด้านภูมิศาสตร์การเมืองระหว่าง จีนและญี่ปุ่น และระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ แต่ทั้ง 3 ประเทศนี้อยู่ในความตกลงหุ้นส่วน ทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(อาร์เซ็ป)
         
"ความตกลงอาร์เซ็ป และข้อตกลง ซีพีทีพีพีจะเป็นตัวผลักดันให้จีนเร่งบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และการทำเอฟทีเอไตรภาคีนี้จะรวมจีน เข้ามาอยู่ในระบบห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค ซึ่งจะเป็นการยากมากขึ้นสำหรับสหรัฐ ที่จะกดดันญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ให้ลด การทำการค้ากับจีนในอุตสาหกรมที่มีความ อ่อนไหว อาทิ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอุตสาหกรรมเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตชิพ"รายงานของยูเรเซีย กรุ๊ป ระบุ
         
นอกจากนี้ ยูเรซีย กรุ๊ป ซึ่งมีฐาน ดำเนินงานอยู่ในนิวยอร์ก ยังให้ความเห็นเรื่อง ความตกลงซีพีทีพีพีว่าเป็นความตกลง ที่มีความทะเยอทะยานมากกว่าความตกลง อาร์เซ็ป ทั้งยังมีโอกาสน้อยมากที่จีนจะเข้าร่วม ในเร็วๆ นี้  เนื่องจากความตกลงซีพีทีพีพี เรียกร้องชาติสมาชิกให้ลดข้อกีดกันทางการค้า รูปแบบต่างๆ อาทิ ข้อมูลซึ่งเป็นหัวข้ออ่อนไหว สำหรับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และความตกลงนี้ อาจจะห้ามให้มีการให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทที่เป็นของรัฐบาล ซึ่งอาจจะสร้างความไม่พอใจ อย่างมากแก่รัฐบาลจีน
         
ที่สำคัญ คาดการณ์กันว่าความสัมพันธ์ ระหว่างจีนและสหรัฐยังคงไม่ดีขึ้น แม้โจ ไบเดน จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งต้องการสร้างความมั่นใจว่า รัฐบาลชุดใหม่ ของสหรัฐจะไม่เข้ามาเป็นผู้กำหนด กฎเกณฑ์ต่างๆ บนถนนการค้า-การลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกแห่งนี้
         
ยูเรเซีย กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ภายใต้ ภาวะแวดล้อมที่จีนมุ่งมั่นทำข้อตกลงเอฟทีเอ กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ รวมทั้งการลงนามความตกลงอาร์เซ็ปของจีนกับบรรดาชาติอื่นๆ เมื่อไม่นานมานี้ จะทำให้จีนเป็นผู้เล่นสำคัญในระบบห่วงโซ่อุปทานโลกต่อไป แม้ขณะนี้ จะมีบริษัทข้ามชาติหลายแห่งตัดสินใจ ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพาระบบ ห่วงโซ่อุปทานในจีนมากเกินไป

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
TRADE RIDER

*

pawin1

  • 213
หวัดดีคับแอด 
xc4* xc4* xc4*

*

admin

  • 80,650
อ้างจาก: pawin1 ที่ 25, พฤศจิกายน  2020, 11:12:51 PM
หวัดดีคับแอด 
xc4* xc4* xc4*

สวัสดีครับผม
TKo*)
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

*

admin

  • 80,650
#spdrจะหยุดขายเมื่อไหร่
#เดือนนี้ขายมากสุดในรอบปี

#Spdrเทขายทอง #ช่วงนี้พี่ขายเก่ง #ยังขายไม่หยุด

รายงานการถือครองทองคำแท่งของกองทุน SPDR Gold Share  26 พฤศจิกายน 2563

🏆🏆 #SPDR อัพเดททองคำแท่งลดลง🔻🔻-4.96 ตัน

ทองคำแท่ง รวมในคลัง SPDR 🔻+1194.78 ตัน

เดือนนี้ พฤศจิกายน 2563 ลดลง 🔻-62.89 ตัน
ปีนี้ 2563 เพิ่มขึ้น 💹+301.53 ตัน

#เครื่องมือช่วยเทรดทองคำ
#ราคาทอง วันนี้ ราคาทองย้อนหลัง กราฟราคาทองคำ คลิกที่ นี่ : : https://bit.ly/2KCAAWV
#อัพเดทการซื้อขายทองคำ ของ SPDR Gold  ที่ลิ้งนี้ : : https://bit.ly/2KE162k

#ทองคำ,#ทองคำแท่ง,#กองทุนทองคำ,#ซื้อทอง,#spdrgoldtrust,#gold,#goldtrust,#goldshare,#ราคาทองคำ #traderider

TRADERIDER.COM
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

ถึงกราฟจะไม่ค่อยวิ่ง ขอให้พี่ทอง ซิ่งงงงงงง ลงก็คงพอ.. xc8* xc8* xc8*
2 อย่าง ที่เป็นปัญหา..จะหาข้อมูล ถาม หรือปรึกษาใครก็ไม่ได้ ต้องแก้ไขด้วยตัวเอง
" ความโลภ ได้ตามที่ควรจะได้แล้วไม่พอ "
" OVT โอเวอร์เทรดตลอด "
แก้ไขได้เมื่อไหร่ พอร์ตจะใหญ่ กำไรจะอยู่นาน..

*

admin

  • 80,650
อ้างจาก: Lil Mayfly ที่ 26, พฤศจิกายน  2020, 07:43:26 AM
ถึงกราฟจะไม่ค่อยวิ่ง ขอให้พี่ทอง ซิ่งงงงงงง ลงก็คงพอ.. xc8* xc8* xc8*

สวัสดี ตอนเช้า ครับคุณพี่
xc4* xc4*
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

*

PoNgPk

  • 6,098
วัคซีน Sputnik V ของรัสเซียได้รับผลการทดสอบเพิ่มเติม เผยขายถูกกว่าเจ้าอื่นและมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน

วันที่ 24 พ.ย. 2563 สำนักข่าวอัลจาซีรา (Al Jazeera) รายงานความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของสถาบันกามาเลยาในรัสเซีย โดยระบุว่าผลการทดสอบมีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 95% และประกาศว่าชาวรัสเซียจะได้รับวัคซีนตัวนี้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ผลการทดสอบเบื้องต้นที่เปิดเผยออกมาเพิ่มเติมนี้ พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ 91.4% ในวันที่ 28 ซึ่งเป็นเวลา 7 วันหลังจากได้รับการฉีดโดสที่ 2 และจะเพิ่มเป็น 95% ในวันที่ 42

โดยข้อมูลนี้วิเคราะห์จากกลุ่มผู้ติดเชื้อ 39 คน จากอาสาสมัครที่เข้าร่วมทั้งหมด 18,794 คน

ในด้านราคา วัคซีนที่มีชื่อว่า Sputnik V จะขายให้กับต่างชาติในราคาต่ำกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 300 บาทต่อ 1 โดส กำหนดให้มีการฉีด 2 โดสต่อคน โดยเว้นระยะห่าง 21 วัน

จากแถลงการณ์ระบุว่าวัคซีนตัวนี้มีราคาถูกกว่าของ ไฟเซอร์ (Pfizer) และ โมเดอร์นา (Moderna) ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA เหมือนกัน และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ตอนนี้มีกว่า 50 ประเทศ ที่ติดต่อขอซื้อรวมกันทั้งหมด 1.2 พันล้านโดสแล้ว

ที่มา: https://www.aljazeera.com/news/2020/11/24/sputnik-vaccine
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 6,098
(Nov 26) รายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุดแสดงมุมมองของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าค่อนข้างทรงตัวจากการประชุมครั้งก่อนหน้า และมีการหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้อื่นของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณแต่ไม่ได้แสดงความเร่งรีบที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ

Minutes การประชุม FOMC ของการประชุมวันที่ 4 – 5 พ.ย. แสดงมุมมองของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าค่อนข้างทรงตัวจากการประชุมครั้งก่อนหน้า และมีการหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้อื่นของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณแต่ไม่ได้แสดงความเร่งรีบที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งนี้รายละเอียดในแต่ละด้านมีดังนี้

1. ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ

คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมุมมองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อนข้างทรงตัวจากการประชุมครั้งก่อนหน้า โดยยอมรับว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้สร้างความยากลำบากต่อชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และของโลก อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานฟื้นตัวขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมาแม้จะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงต้นปี อุปสงค์ที่อ่อนแอและราคาน้ำมันที่ปรับลดยังเป็นแรงกดดันด้านต่ำต่ออัตราเงินเฟ้อ ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลาย ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการที่ได้ดำเนินการไปเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการไหลเวียนของสินเชื่อเข้าสู่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังขึ้นอยู่กับพัฒนาการของการแพร่ระบาดของโรคและวิกฤตด้านสาธารณสุข ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อในระยะใกล้ รวมทั้งเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลาง

- การใช้จ่ายภาคครัวเรือน: คณะกรรมการฯ เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วแม้จะยังไม่ฟื้นตัวทั้งหมด โดยในไตรมาสสามเศรษฐกิจ (real GDP) ขยายตัวที่ระดับร้อยละ 33 ต่อปี จากการปรับขึ้นของการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน กิจกรรมในภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย และการลงุทนซื้ออุปกรณ์ของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนที่ผ่านมาความเร็วของการฟื้นตัวเศรษฐกิจอยู่ในระดับปานกลางและคาดว่าจะชะลอลงในไตรมาสที่ 4  แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี เช่นเดียวกับการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนโดยเฉพาะการซื้อสินค้าคงทนที่มีความแข็งแกร่งและปรับสูงกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายด้านการคลังและการต่ออายุสิทธิประโยชน์จากการว่างงานมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายและเป็นการให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อภาคครัวเรือน นอกจากนี้ยังเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมีส่วนช่วยสนับสนุนการบริโภคสินค้าคงทน กระตุ้นการลงทุนในที่อยู่อาศัย และการปรับขึ้นของยอดขายบ้านเช่นกัน ในขณะเดียวกัน ยอมรับว่าการบริโภคบริการปรับตัวขึ้นช้ากว่าการบริโภคสินค้าคงทน โดยเฉพาะการเดินทางด้วยเครื่องบิน การเข้าพักโรงแรม และการรับประทานที่ร้านอาหาร จากการเว้นระยะห่างทางสังคมทั้งที่สมัครใจและไม่สมัครใจ ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ คาดว่าความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะดำเนินต่อไปโดยเฉพาะการบริโภคสินค้าคงทนและการลงทุนในที่อยู่อาศัย คณะกรรมการฯ บางส่วนยังเห็นว่าฐานะทางการเงินของครัวเรือนโดยทั่วไปยังมีสุขภาพดี การนำเงินออมที่สะสมระหว่างช่วงเกิดวิฤตไวรัสออกมาใช้จะสามารถกระตุ้นยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในระยะหลายเดือนข้างหน้าได้มากกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ หลายรายแสดงความกังวลว่า หากไม่มีมาตรการด้านการคลังแล้ว ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางจะมีความจำเป็นต้องลดการใช้จ่ายลงหากเงินออมเริ่มหมด ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการฯบางรายได้รับทราบจากแหล่งข่าวภาคธนาคารว่า เงินที่ครัวเรือนได้รับจากมาตรการด้านการคลังเริ่มปรับลดลงอย่างรวดเร็วแล้ว

- การลงทุนภาคธุรกิจ: คณะกรรมการฯ เห็นว่าการลงทุนซื้อวัสดุอุปกรณ์ของภาคธุรกิจได้ปรับดีขึ้น โดยคณะกรรมการฯ บางรายคาดว่าการฟื้นตัวของการลงทุนจะมีแรงส่งยาวไปถึงปีหน้าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ในขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ บางรายชี้ว่าภาคธุรกิจหลายรายในเขตพื้นที่รับผิดชอบมีการชะลอการลงทุนระยาวออกไปเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในระดับสูง การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีการกระจายตัวในแต่ละภาคธุรกิจไม่เท่าเทียมกัน มีรายงานว่าภาคธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าคงทน ที่อยู่อาศัย มีการปรับตัวได้ดีขึ้นในภาวะวิกฤตและมีแนวโน้มธุรกิจดีขึ้น ในขณะที่ภาคธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจบริการ ธุรกิจการบิน ธุรกิจก่อสร้างที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยพบว่ายังมีความยากลำบากอยู่ ด้านธุรกิจเกษตรภาวะธุรกิจโดยรวมดีขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์จากจีน การผลิต Ethanol ในประเทศ ราคาสินค้าเกษตร และเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ  อนึ่ง แหล่งข่าวจากภาคธุรกิจเริ่มแสดงความกังวลว่า ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจหลายรายขณะนี้อยู่ในจุดที่อ่อนแอกว่าเดิม มีความสามารถในการรับมือรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะถัดไปได้น้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงที่เริ่มเกิดวิกฤตไวรัส

- ด้านตลาดแรงงาน: คณะกรรมการฯ สังเกตว่าสภาวะในตลาดแรงงานปรับดีขึ้นซึ่งการจ้างงานกลับมาประมานครึ่งหนึ่งของที่เสียไป อัตราการว่างงานปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา และการจ้างงานปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด ทั้งนี้บางอุตสาหกรรมเช่น Manufacturing, Health-care และ Technology มีรายงานว่าพบปัญหาในการจ้างงานเนื่องจากประเด็นเกี่ยวกับไวรัสหรือความจำเป็นในการดูแลบุตรที่บ้าน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ มองว่าการจ้างงานที่ปรับขึ้นจะเริ่มชะลอลงในระยะถัดไป ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ พบว่าจำนวนของพนักงานประจำที่สูญเสียงานปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสมีแนวโน้มปลดพนักงาน ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ หันมาเน้นการลดต้นทุนหรือเพิ่มผลิตผลผ่านการลงทุนใน Automation แทน นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่สังเกตว่าการจ้างงานที่เสียไปส่วนใหญ่เห็นได้ชัดเจนในกลุ่มแรงงานที่มีค่าแรงต่ำ โดยเฉพาะในภาคธุรกิจบริการ กลุ่มแรงงานสตรี กลุ่มแรงงานชาวแอฟริกันอเมริกัน และกลุ่มแรงงานชาว Hispanics ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าหากแนวโน้มนี้เปลี่ยนแปลงช้า จะทำให้ประเด็นปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ ทางเชื้อชาติ เพศ ความแตกต่างทางสังคมและเศรษฐกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก

- ด้านเงินเฟ้อ: คณะกรรมการฯ แสดงความเห็นว่าราคาสินค้าในบางกลุ่มปรับเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด แต่การปรับเพิ่มขึ้นโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำ การปรับเพิ่มขึ้นของราคาส่วนใหญ่มาจากสินค้าในกลุ่มที่ความต้องการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงของการระบาดของเชื้อไวรัสเช่น Consumer durables ในทางตรงกันข้าม ราคาในภาคบริการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากช่วงก่อนการเกิดวิกฤตไวรัส นำโดยราคาการบริการในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Social distancing เช่น ร้านอาหารและค่าเครื่องบิน รวมถึง Housing services

2. ด้านเสถียรภาพในระบบการเงิน

คณะกรรมการฯ มองว่าภาวะทางการเงินยังคงอยู่ในระดับผ่อนคลาย มาตรการช่วยเหลือที่ Fed ได้ดำเนินการไปก่อนหน้าช่วยสนับสนุนสภาพคล่องในการกู้ยืมของภาคครัวเรือน ธุรกิจ และชุมชนและต้องการให้คงมาตรการต่อไปอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ บางท่านแสดงความกังวลต่อภาวะทางการเงินสำหรับธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะในช่วงหลังจากที่มาตรการ Payment Protection Program (PPP) ได้สิ้นสุดลงและมาตรการช่วยเหลือรอบใหม่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะได้ข้อตกลง

นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังคาดว่าความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจในระยะถัดไปจะยังคงอยู่ในระดับสูงซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของไวรัสของประชาชนและภาคธุรกิจ รวมไปถึงมาตรการการรักษาสุขอนามัย ทางด้านภาคธนาคาร คณะกรรมการฯ มองว่าระบบธนาคารในปัจจุบันมีความคงทนต่อความไม่แน่นอนสูงซึ่งแสดงจากสถานะของงบการเงินของลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดและอัตราการผิดชำระหนี้ที่ลดลงหรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ทุนสำรองและเงินสำรองเผื่อหนี้สูญของธนาคารรายใหญ่อยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัส ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ยังคงต้องการให้ธนาคารคงเงินทุนในระดับสูงต่อไปเนื่องจากพบว่าระดับทุนที่ต่ำมีความเชื่อมโยงความสามารถในการปล่อยกู้ที่ต่ำ

3. ด้านนโยบายทางการเงิน

คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0-0.25 และจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ Effective Lower Bound (ELB) รวมทั้งใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่มีอย่างเต็มที่จนกว่าตลาดแรงงานจะเข้าสู่ภาวะที่ทำให้บรรลุเป้าหมายการจ้างงานสูงสุด และอัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2 โดยคณะกรรมการฯ เห็นว่าควรปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงกว่าร้อยละ 2 เล็กน้อย (moderate) ไประยะหนึ่ง เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะยาวอยู่ที่ร้อยละ 2 อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ เห็นพ้องกันว่าท่าทีการดำเนินนโยบายการเงินยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ หากเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเสี่ยงให้แก่แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

นอกจากนี้ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการฯ เน้นหารือเกี่ยวกับ "pace" และ "composition" ที่เหมาะสมของมาตรการการเข้าซื้อสินทรัพย์ โดยแม้ว่าคณะกรรมการฯ จะประเมินว่าการปรับรูปแบบการดำเนินมาตรการดังกล่าวจะยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่ด้วยพัฒนาการของสถานการณ์อาจทำให้ต้องปรับมาตรการการเข้าซื้อสินทรัพย์ในที่สุด ซึ่งองค์ประกอบทั้งสองจะเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินมาตรการการเงินแบบผ่อนคลาย ที่คณะกรรมการฯ ประเมินว่าจะสามารถดำเนินนโยบายการเงินในระดับที่ผ่อนคลายมากขึ้นได้ด้วยการเพิ่มขนาดการเข้าซื้อ หรือการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวในสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยมีคณะกรรมการฯ หลายท่าน (several) ที่สนับสนุนการลดขนาดการเข้าซื้อแต่ปรับสัดส่วนการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวมากขึ้นเพื่อเพิ่มระดับการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ดังเช่นในกรณีของธนาคารกลางแคนาดา ขณะที่ในแง่การเพิ่มขนาดการเข้าซื้อนั้น มีคณะกรรมการฯ บางส่วน (a few) ที่กังวลต่อแรงกดดันต่องบการเงินของธนาคารพาณิชย์หาก Fed เข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มและทำให้ขนาด reserve ปรับสูงขึ้น แต่ในประเด็นเดียวกันนี้คณะกรรมการฯ ส่วนมาก (most) ประเมินว่า Fed มีเครื่องมืออื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการบริหารจัดการไม่ให้การใช้มาตรการการเข้าซื้อสินทรัพย์ไปบั่นทอนการกำกับดูแลสถาบันการเงิน

ในด้านการดำเนินมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ในระยะต่อจากนี้ กรรมการฯ ประเมินว่าแม้ว่าที่ผ่านมาการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินจะได้ทำให้ภาวะในตลาดการเงินปรับดีขึ้นมาก แต่เห็นว่าการคงมาตรการนี้ยังมีความจำเป็นภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความเสี่ยงสูง ขณะที่คณะกรรมการฯ บางส่วน (a few) เห็นว่ามาตรการดังกล่าวยังช่วยลดแรงกดดันด้านสูงต่ออัตราดอกเบี้ยระยะที่อาจเกิดจากการออกประมูลพันธบัตรรัฐบาลในขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ส่วนมาก (most) ยังคงสนับสนุนให้มีการปรับการให้ forward guidance ที่เกี่ยวกับมาตรการการเข้าซื้อสินทรัพย์เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบ outcome-based forward guidance และควรสื่อสารให้ชัดเจนว่าหากถึงเวลาที่จะดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัว จะมีการพิจารณาลดขนาดและหยุดการเข้าซื้อสินทรัพย์ก่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้มีคณะกรรมการฯ จำนวนมาก (many) เห็นพ้องว่าควรพิจารณาปรับ forward guidance ของมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ภายในเร็วๆ นี้ (fairly soon)

Source: BOTSS
TRADE RIDER