เรื่องราวความสำเร็จของ 3 นักเทรด Forex ระดับโลก!ในวัยเด็ก เราต่างมีความฝันอยากจะเป็นนักบิน, นักอวกาศ, ซูเปอร์ฮีโร่, นักร้อง หรือ นักวิทยาศาสตร์ เราเชื่อว่าทุกคนเคยผ่านช่วงเวลาในการเล่นจำลองบทบาทเป็นคนนั้นคนนี้ที่เล่นเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อสักที เพราะมันทำให้เราได้เข้าใกล้ความฝันของเรามากยิ่งขึ้น มีคำถามมากมายที่เราสงสัยใคร่รู้ บางคนนอนอ่านหนังสือใต้ผ้าห่มด้วยไฟฉายดวงน้อยๆ ได้จนถึงเช้า ทุกคนมีไฟที่เปล่งประกายอยู่ภายใน และไม่หวาดหวั่นที่จะล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แล้วในตอนนี้ไฟเหล่านั้นมันหายไปไหนแล้วล่ะ?
แม้วันนี้เราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ฝันใฝ่อะไรอีกต่อไปเสียหน่อย อย่างน้อยๆ หากท่านกำลังลงเงินทุนสักก้อนสำหรับการเทรด ท่านไม่ฝันอยากจะได้กำไรที่เจริญงอกงามจากการลงทุนเทรดหรอกหรือ? เชื่อเถอะครับว่าการทำกำไรโดยใช้พละกำลังและมันสมองของท่านเองนั้นมันวิเศษสุดๆ ไปเลยล่ะ!
ไม่ว่าท่านจะเป็นมือใหม่หัดเทรด forex หรืออาจเคยมีประสบการณ์การเทรดอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ไม่ต่างกันเลยก็คือ ทุกท่านอาจกำลังฝันที่จะเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จในตลาด forex ในเร็ววัน ฉะนั้น บทความนี้จะพาทุกท่านไปเรียนรู้เรื่องราวของนักเทรดที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง พร้อมทั้งเคล็ดลับสู่เส้นทางในการเทรดอย่างประสบความสำเร็จ ถ้าอยากรู้ว่าชายคนใดที่เป็นผู้พังทลายธนาคารกลางอังกฤษ? และใครที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ราชาแห่งสกุลเงิน"? ถ้าพร้อมแล้ว... ไปเปิดประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นพร้อมกันเลยครับ
ติดตามอ่านเรื่องราวความสำเร็จของ:
- George Soros
- Stanley Druckenmiller
- Bill Lipschutz
จะเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร?ลองนึกถึงตอนที่ท่านเคยฝันอยากเป็นนักบินอวกาศดูนะครับ ว่าใครที่เป็นแรงบันดาลใจให้ท่านอยากอยากเป็นเช่นนั้น เพราะหนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองที่ดีที่สุด คือ การเรียนรู้จากบุคคลต้นแบบที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับท่าน ดังนั้น การจะเป็นหนึ่งในนักเทรด forex ที่ประสบความสำเร็จได้ ท่านจะต้องมีเทรดเดอร์ต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้ท่าน วันนี้เรามีตัวอย่างเทรดเดอร์ พร้อมเรื่องราวระหว่างทางที่นำพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด MTrading หวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเป็นแนวทางให้กับเทรดเดอร์มือใหม่ทุกท่านนะครับ เราเอาใจช่วยเสมอ!
อยากเทรด forex แบบมือโปร แต่มีเวลาว่างน้อยเหลือเกิน? ลองบริการ Copy trade แล้วคัดลอกการเทรดแบบเรียลไทม์จากนักเทรดชั้นนำทั่วโลก ให้พวกเขาทำกำไรให้กับท่าน!
เพียงเลือกนักเทรดที่ท่านชื่นชอบ ก็สามารถติดตามสัญญาณเทรดของพวกเขาได้ทุกเมื่อ ทันที! ทุกครั้งที่เทรดเดอร์ที่ท่านเลือกทำการเทรด ออเดอร์เทรดนั้นก็จะปรากฎในบัญชีของท่านโดยอัตโนมัติ โดยที่ท่านยังสามารถปรับเปลี่ยนและควบคุมการเทรดเหล่านั้นได้เองเสมอ!
George Sorosเริ่มกันที่เรื่องราวความโชคดีของเทรดเดอร์ระดับตำนานอย่าง George Soros
เมื่อท่านลองกูเกิลว่า "ใครคือนักเทรดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด" ชื่อของ Soros คงขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ เลยล่ะครับ เพราะเขาคือหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และถูกขนานนามว่าเป็น "ชายผู้ทำลายธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ" ด้วยการขายชอร์ตที่ทำกำไรได้มากถึง 1.5 พันล้านยูโรในวัน Black Wednesday (16 ก.ย. 1992) แค่เริ่มก็ฟังดูน่าตื่นเต้นแล้วใช่มั้ยล่ะครับ?
ต้องท้าวความก่อนว่าในช่วงเวลานั้น อังกฤษเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งระบบ Exchange Rate Mechanism (ERM) ซึ่งเป็นระบบที่ตรึงค่าเงินไว้ให้เกิดเสถียรภาพและไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ แต่จู่ๆ เงินปอนด์ของอังกฤษกลับอ่อนค่าลงในขณะที่เงินมาร์คของเยอรมนีนั้นมีมูลค่ามากขึ้นทุกวันๆ เนื่องด้วยเศรษฐกิจเยอรมนีที่เติบโตและมั่นคง จนในที่สุดก็ได้กลายมาเป็นสกุลเงินหลักของยุโรปในยุคนั้น
ในขณะเดียวกัน อังกฤษเองก็ต้องการที่จะตรึงค่าเงินปอนด์เอาไว้ถึงแม้มันจะกำลังร่วงลงไปแล้วก็ตาม โดยมีทางออก 2 ทางที่รัฐบาลอังกฤษจะยังหนุนค่าเงินไว้ได้ วิธีแรก คือ การใช้จ่ายทองคำสำรองเพื่อซื้อเงินปอนด์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เพื่อดันให้ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษยังคงมีมูลค่าเทียบเท่ากับสกุลเงินอื่นๆ ในยุโรปนั่นเองครับ และอีกหนึ่งทางออก คือ การเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วรัฐบาลอังกฤษสามารถใช้ทั้ง 2 วิธีการพร้อมกันได้ แต่นั่นจะเป็นการทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างยิ่ง เพราะการใช้ทองคำสำรองก็คือการผลาญเงินภาษีและการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้ธุรกิจการลงทุนที่แย่อยู่แล้วยิ่งแย่ไปกันใหญ่
จังหวะวิกฤตนี้เองที่ George Soros คาดการณ์ไว้ถูกต้องว่าจะมีความผันผวนเกิดขึ้นในธนาคารแห่งอังกฤษ เขาจึงได้เตรียมปืนใหญ่ไว้พร้อมโจมตี!
Soros มีวิธีการอย่างไรน่ะหรือ? เขาเริ่มสะสมออเดอร์เงินปอนด์เป็นจำนวนมากในเวลาไม่เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่ Black Wednesday จะมาถึง จากนั้นก็รอเพียงจังหวะในซุ่มยิงโดยการขายชอร์ต (Short sell)
และแล้วในคืนก่อน Black Wednesday เขาได้รับแถลงการณ์จากประธานของธนาคารกลางเยอรมนี (Bundesbank) รายงานว่าจะมีสกุลเงินของยุโรป 1-2 สกุลเงินที่อาจร่วงลงในไม่ใช้ Soros ใช้ความโชคดีของเขาในการคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นเงินปอนด์ของอังกฤษ เขาจึงอาศัยการ Hedge fund ด้วยความช่วยเหลือของพาร์ทเนอร์ในการตักตวงออเดอร์ชอร์ตของเงินปอนด์ และรวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดที่มีในการยืมเงินมูลค่าพันล้านปอนด์ เพื่อทำกำไรจากการ hedge fund
พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์อังกฤษหลายฉบับในเดือน ก.ย. ปี 1992 ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลอังกฤษ
หลายท่านอาจคิดว่าการยืมเงินจำนวนมหาศาลนั้นเป็นเรื่องเสี่ยงมากๆ ซึ่งก็คงไม่แปลก แต่สำหรับ Soros และพาร์ทเนอร์ของเขาแล้วนั้น การยืมครั้งนั้นถือเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในการทำกำไรมหาศาล ถึงแม้จะมีความเสี่ยงเกี่ยวกับอัตรากู้ยืมอยู่ก็ตาม แต่สุดท้าย ผลกำไรที่ได้นั้นช่างคุ้มค่าเหลือเกิน ลองจินตนาการดูสิครับว่า หากท่านทำแบบเดียวกันนี้:
- สมมุติว่าท่านอยากเทรดชอร์ต (short sell) เงินปอนด์ ท่านจึงทำการยืม £100 มาพร้อมกับดอกเบี้ยจำนวนหนึ่ง จากนั้นท่านได้แลกเปลี่ยนเงินปอนด์นั้นเป็นสกุลเงินอื่นๆ จำนวน 200 ยูนิต โดยหวังว่ามูลค่าเงินปอนด์จะร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นที่ท่านมีอยู่
- ทำไมต้องหวังเช่นนั้น? ก็เพราะว่าหากเงินปอนด์ร่วงลง 20% ท่านจะได้รับสกุลเงินอื่นที่ท่านซื้อมาจำนวน 220 ยูนิต หากท่านตัดสินใจแลกเปลี่ยนเงินปอนด์กลับคืนมา และหลังจากที่ท่านได้จ่ายดอกเบี้ยกลับคืนไป ท่านจะยังได้รับกำไร 15-19 ยูนิตของสกุลเงินนั้น
เอาล่ะ! คราวนี้ลองจินตนาการว่ากลยุทธ์ดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลอังกฤษอย่างไร หากมีการเทรดชอร์ตกว่า 1.5 หมื่นพันล้านปอนด์? ในขณะเดียวกัน ณ เวลา 9 โมงเช้าของวัน Black Wednesday รัฐบาลอังกฤษคงไม่อาจทำอะไรเพื่อจะหยุดยั้งการร่วงของสกุลเงินได้ แม้ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจาก 10% เป็น 12% หรือซื้อเงินปอนด์กลับคืนมาจำนวนมากพอที่พวกเขาอาจซื้อได้ก็ตาม และในวันถัดมา เงินปอนด์มีมูลค่าน้อยลงถึง 15% เมื่อเทียบกับเงินมาร์คของเยอรมัน และ 25% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
หลังจากค่าเงินปอนด์ลดลง มูลค่าการ hedge fund ของ Soros ได้เพิ่มขึ้นถึง 2.2 หมื่นล้านปอนด์ เนื่องจากว่าผู้บริหารของ hedge fund นั้นได้รับกำไร 20% ของกำไรทั้งหมด ในขณะที่ Soros และพาร์ทเนอร์ของเขาได้รับเงิน 1.5 พันล้านปอนด์ต่อดีล
Stanley Druckenmillerแน่นอนว่าอีกคนนึงที่จะไม่หลุดโผของนักเทรด forex ที่ดีที่สุดของโลกอย่างแน่นอนก็คือ Druckenmiller นักลงทุนผู้ใช้กลยุทธ์เทรดตาม George Soros ซึ่งได้จัดตั้งกลุ่มนักเทรดซื้อเก็งกำไรหุ้น (long buy) และกลุ่มนักเทรดชอร์ตหุ้น (short sell) รวมถึงการใช้เลเวอเรจเพื่อเทรดฟิวเจอร์สและสกุลเงิน
แต่เดิม Druckenmiller นั้นได้ทำงานให้กับ George Soros ตั้งแต่ปี 2000 และเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ที่ช่วยสนับสนุน Soros ตลอดมาในระหว่างการอ่อนตัวของเงินปอนด์ในปี 1992
Druckenmiller ยังเป็นอดีตประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานคณะกรรมการบริหารของ Duquesne Capital ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาในปี 1981 แต่ปิดตัวลงในปี 2010 เนื่องจากเขารู้สึกว่าจำนวนเงินที่ต้องคืนให้ลูกค้านั้นมันหนักหนาจนเกินไป โดยในบทความของ Wall Street Journal เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมได้แจ้งลูกค้าว่าผมกำลังคืนเงินทั้งหมดให้พวกเขา และจะปิดบริษัทที่ดำเนินการมาถึง 30 ปี เนื่องจากผมไม่อาจรับมือกับอารมณ์และความผิดหวังอันเป็นผลมาจากการไม่สามารถทำตามความคาดหวังของตัวผมเองได้" เขายอมรับว่ามันยากมากที่จะทำกำไรจำนวนมหาศาล เนื่องจากมันไม่ง่ายเลยที่จะต้องรับผิดชอบและจัดการเงินจำนวนมากเหล่านั้น
ในปี 2009 เขาได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลที่ใจบุญและมีเมตตามากที่สุดในอเมริกา เนื่องจากเขาได้นำเงินลงทุนของเขาไปสนับสนุนและช่วยเหลือการวิจัยทางการแพทย์, การศึกษา, นโยบายขจัดความยากจน และการค้นคว้าศึกษาในด้านอื่นๆ
Bill LipschutzBill Lipschutz เป็นตัวอย่างบุคคลที่พิสูจน์ให้เห็นว่า บางครั้งเวลาเพียงวันเดียวก็เพียงพอที่จะกอบโกยกำไรมหาศาลจากการเทรด forex หากเรามีความมานะ อุตสาหะ และพยายามมากเพียงพอ
ในวัยเด็ก Lipschutz ได้รับมรดกเป็นหุ้นจำนวน $12,000 หลังจากคุณย่าของเขาได้เสียชีวิตลง และในช่วงวัยเรียน Lipschutz ได้ใช้เวลาว่างในการเริ่มต้นลงทุน โดยเรียนรู้จากการอ่านหนังสือในห้องสมุด ทำการศึกษาค้นคว้า และอ่านข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอย่างละเอียด
เขาได้เริ่มทำงานให้กับ Salomon Brothers ในการก่อตั้งหน่วยงานเทรด Forex แห่งใหม่ โดย Salomon Brothers ได้รวบรวมทีมนักเทรดและวางแผนการเรียนรู้การเทรดสกุลเงิน และในปี 1985 Lipschutz ทำเงินให้กับ Salomon Brothers ถึง 300 ล้านเหรียญต่อปี!
หลังจากนั้นในปี 1995 Bill Lipschutz ได้ก่อตั้ง Hathersage Capital Management และเป็นผู้อำนวยการบริหารการลงทุนที่เชี่ยวชาญสกุลเงิน G10 (สกุลเงินของกลุ่มประเทศสมาชิกของ IMF 10 ประเทศ) และในที่สุดความสำเร็จด้านอาชีพการงานของเขาได้เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเขาเองสร้างบริษัทเทรด forex ที่มีมูลค่าถึง $200 ล้านในที่สุด
Lipschutz ได้รับการขนานนามว่า "The Sultan of Currencies" หรือ "ราชาแห่งสกุลเงิน" นั่นเองครับ เขายังได้กล่าวว่าตลาด forex นั้นเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยอารมณ์และจิตวิทยา และประสบการณ์เทรดของเขาสอนให้รู้ว่า อย่างน้อยๆ การรู้จังหวะเวลาเทรดที่เหมาะสมประมาณ 20-30% นั้นจะทำให้ท่านได้รับกำไรมหาศาลได้ไม่ยาก และนี่คือ...
เทคนิคการเทรดจาก Bill Lipschutz
- การหาสมดุลระหว่าง Risk และ Reward - หลักการเทรดที่สำคัญของเขา คือ การให้ความสำคัญกับการคำนวณความคุ้มค่าระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุน หรือ Risk-reward ratio โดยเขากำหนดว่า การเทรดระยะสั้นควรจะมีอัตรา risk-reward ratio เท่ากับ 3:1 เท่าของขาขึ้นถึงขาลง ซึ่งนั่นหมายความว่า จะต้องเลือกเปิดออเดอร์ที่โอกาสทำกำไรนั้นเป็นอย่างน้อย 3 เท่าของจำนวนที่อาจเสี่ยงขาดทุน และในการเทรดอื่นๆ ที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น หรือมีความเสี่ยงมากขึ้น อัตรานั้นควรจะเท่ากับ 5:1 เป็นอย่างต่ำ
- ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ - การเทรดผิดจังหวะเวลานั้นอาจเป็นบทเรียนที่มีมูลค่ามหาศาลสำหรับเทรดเดอร์หลายๆ ท่าน ดังนั้น สิ่งสำคัญก็คือ การเปิดหรือปิดออเดอร์ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ศึกษารายละเอียดทุกอย่างที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ท่านเทรดได้ชนะมากยิ่งขึ้น แล้วอย่าลืมจำกัดและบริหารความเสี่ยงในการเทรดอยู่เสมอ
- ใส่ใจอารมณ์และความอ่อนไหวของตลาด - ไม่ว่าท่านจะใช้กลยุทธ์หรือเทคนิคเทรดใดๆ ก็ตาม หากท่านไม่ใส่ใจมุมมองของตลาดให้มากพอ ท่านก็อาจเทรดพลาดเอาได้ง่ายๆ
- ไม่เจ็บปวด ก็ไม่เติบโต - Lipschutz เรียกได้ว่าเป็นนักเทรดที่ชาญฉลาด มีความพยายาม และทุ่มเทให้กับการทำงานมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่าการมีความรู้ ฉลาด เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ และการจดจ่ออยู่แค่ว่าจะต้องได้เงิน ได้กำไร นั้นนับเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวง เพราะต้องยอมรับว่าการจะเทรดให้ได้กำไรนั้นไม่ได้จบในเวลาสั้นๆ แต่มันคือวิถีชีวิตเลยต่างหากล่ะครับ
ขอให้เทรดเดอร์ทุกท่านโชคดีกับการเทรด แล้วอย่าลืมหมั่นเพิ่มความรู้ในการเทรดเพิ่มเติม ด้วย
คลาสสอนเทรดออนไลน์ และ
บทเรียนการเทรด จาก MTrading ทุกครั้งที่ท่านมีข้อสงสัยใดๆ สามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้จากทีมงานของเราผ่านทาง
Live Chat บนหน้าเว็บไซต์
MTrading.com/thบทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน