ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 300 จุด ทะลุแนว 28,000 ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 21.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,001.21 จุด บวก 335.57 จุด หรือ 1.21% ขณะที่ดัชนี S&P 500 บวก 1.65% ส่วนดัชนี Nasdaq บวก 2.27%
การดิ่งลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 2.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวรายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. ส่วนดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 4% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
ราคาหุ้นแอปเปิล อิงค์พุ่งขึ้นเกือบ 3% ในวันนี้ ก่อนที่บริษัทจะจัดแอปเปิลอีเวนต์ในวันพรุ่งนี้
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัว Apple Watch และ iPad รุ่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ ส่วน iPhone 12 จะมีการเปิดตัวในเดือนต.ค.
การดีดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ ยังได้แรงหนุนจากข่าวการซื้อกิจการของบริษัทจดทะเบียน
บริษัทออราเคิล คอร์ป ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ทางบริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงกับบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อก (TikTok) ในการซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงดังกล่าวยังต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐ
ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะพิจารณาข้อตกลงดังกล่าวในสัปดาห์นี้
ส่วนบริษัท กิลเลียด ไซแอนเซส (Gilead Sciences) บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการของบริษัทอิมมูโนเมติค (Immunomedics) วงเงินราว 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านบริษัท Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ ได้ตกลงซื้อกิจการ Arm Holdings จากบริษัทซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป ของญี่ปุ่น ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์
ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ จะกลับมาทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟส 3 อีกครั้ง หลังจากที่ได้ระงับโครงการไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากอาสาสมัครรายหนึ่งมีอาการอักเสบที่ระบบประสาทในไขสันหลังอย่างรุนแรง หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ขณะที่คาดการณ์ผลประกอบการสดใส และได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ก.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ที่ประชุมเฟดจะให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับ "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวถึงในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ
ทั้งนี้ นายพาวเวลระบุว่า เฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ
นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดจะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น และสามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 2% แทนที่จะกำหนดเป้าหมายตายตัวที่ 2%
การประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินดังกล่าว ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มน้อยลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้น ขณะที่ก่อนหน้านี้ เฟดมีความเชื่อว่าอัตราว่างงานต่ำจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นจนถึงขีดอันตราย ทำให้เฟดดำเนินการล่วงหน้าด้วยการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อาจก่อตัวขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ