สิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าราคาวิ่งไปทางใดทางหนึ่งคือราคา consolidation  ถ้าราคาจะวิ่งไปทางไหน ก็จะมีการเบรคก่อน แล้วตามด้วย Momentum แล้วราคาก็วิ่งไปทางนั้นๆ มีการพัฒนาการรูปแบบเทรนตามไปสักระยะที่จะเห็น swing highs/lows ก็จะตามมา  แล้วก็เข้าสู่โหมด consolidation อีก ถ้ามองมุมเรื่องของช่วงตลาดหรือ market phases ก็จะเป็นช่วงที่ตลาดทำ accumulaion หรือ distribution แล้วตามด้วย market-up หรือ market-down การเข้าใจหลักการ build-up จะช่วยให้หาโอกาสเทรด ตอนที่ราคาจะเบรคพื้นที่พวกนี้ได้ง่ายขึ้นด้วยความมั่นใจและหาพื้นที่ stop loss ได้ชัดเจนด้วย

ลักษณะที่เรียกว่า Build-up เป็นอย่างไร


การกำหนด Build-up ไม่ยาก แค่ท่านเข้าใจเรื่องของราคาทองที่อยู่ในกรอบหรือ conslidation หรือราคาทองที่วิ่งอยู่ในพื้นที่ แต่ที่ Build-up เน้นรูปแบบที่ราคาทองวิ่งอยู่ในกรอบแคบๆ และมักจะเกิดแถวพื้นที่ๆ เป็นแนวรับ-แนวต้านหรือ key levels เป็นนัยสำคัญ ราคาทองสามารถเบรคกรอบเล็กๆ เพื่อสร้าง new high หรือ new low ได้แถวนั้นเพื่อโต้ตอบ การหวังการเคลื่อนไหวที่น่าจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทองวิ่งไปถึงแนวรับ-แนวต้าน แต่เมื่อท่านมองเรื่องของออเดอร์และ trading presure ที่เกิดขึ้นจากโครงสร้างที่เกิดขึ้นแล้วมาเกิด build-up ท่านจะเข้าใจมากขึ้น นี่คือมุมของ trading pressure เมื่อราคาทองวิ่งไปทางใดทางหนึ่งได้ และราคาสร้างกรอบ consolidation ที่อีกข้างไม่สามารถดันสวนกลับมาได้ บอกถึงความกดดันทางการเทรดหรือ trading pressure เกิดขึ้นทางนั้นๆ และทางที่ไม่สามารถดันสวนกลับมาได้บอกถึง trading pressure ทางนั้นๆ น้อย หรือถ้ามองมุมด้าน order flow หลังจากมีการสะสม positions ต่อเนื่อง ทางด้านที่อ่อนบอกถึงการขาดการต่อเนื่องทาง market orders ทางนั้นๆ โอกาสที่ market orders ที่ทางดันขึ้นมาด้วย momentum และมาทำ consolidation ได้มีโอกาสที่จะเกิด breakout ได้ เพื่อจะใช้ประโยชน์จาก stop orders ทั้งมาจากการกำหนด stop loss ของเทรดเดอร์ที่ถือ Positions อยู่และเทรดเดอร์ที่รอเข้า

อีกอย่าง Build-up ก็จะเกิดหลังจากที่ราคาได้ conslidation นาน ใน timeframe ภาพรวมที่ใหญ่ขึ้นมา การพัฒนาการ swing highs/lows ค่อยเกิดขึ้น หรือเมื่อราคาไปถึงพื้นที่ๆ เป็นแนวรับ-แนวต้านหรือ key level หลัก ที่มีการเด้งออกมาน้อย ไม่สามารถสร้าง high หรือ low ใหม่เกิดขึ้นได้

ตรรกะที่ทำให้ Build-up เกิดขึ้น และสร้าง trade setup ที่น่าเทรดได้


สิ่งที่สำคัญเพื่อให้การตีความ Build-up ว่าท่านจะเทรดอย่างไร ต้องอ่าน price structure ที่เกิดขึ้นประกอบเป็น หรือภาพรวมของช่วงที่ทำให้เกิด Build-up ได้มาอย่างไร จุดสำคัญอยู่ที่เลข 1 ที่ราคาทองเกิด momentum หรือ impulsive move ทำให้เทรนใหม่เกิดขึ้น บอกว่าการเข้าเทรดด้านล่าง ต้องขาใหญ่มีส่วนแน่นอน เพราะขาใหญ่เทรดด้วยจำนวนวอลลูมเยอะ และมากพอที่จะดันราคาไปทางไหนที่พวกเขาเปิดเทรดได้ มีการเบรคขึ้นมาและมาทำ new high ตรงพื้นที่ที่เป็นแนวต้านเก่าพอดี (มองมาทางซ้ายมือ)  ย่อตัวลงไปหน่อย ขึ้นมาทำ high พื้นที่เดียวกันอีก เริ่มกลายมาเป็น Resistance ตรงพื้นที่ต้านทานเก่าพอดี จะเห็นว่าราคาทองดันลงมาหลังจากที่ทำ High ครั้งที่ 2 ตรงพื้นที่เดียวกับจุดแรก แต่ราคาทองเด้งลงมาทำ new low ได้ แต่เด้งกลับตรงที่ Momentum เบรคขึ้นไปพอดี พอราคาทองเด้งกลับขึ้นไปอีกรอบก็ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 ที่ราคาขึ้นมาพื้นที่นี้ หลังจาก Momentum ขึ้นไปทำ consolidation เล็กๆ แถวแนวต้านได้ และที่สำคัญสัมพันธ์กับ Momentum แบบต่อเนื่อง ตรงนี้ละที่เรียกว่า Build-up ถ้ามองภาพรวมต่อเนื่องจะเห็นว่า trading pressure เป็นอย่างไร และพื้นที่ราคาโต้ตอบกลายมาเป็นพื้นที่มี long/short positions มากขึ้นด้วย เพราะเทรดเดอร์ที่เทรดตามเทรนทางซ้ายก็จะเปิด sell ช่วงนั้น เทรดเดอร์ที่เปิดตามเทรนด้านล่างก็จะเปิด buy  และอีกอย่าง ก่อนที่ราคาทองจะมาทำ buildup ราคาขึ้นจาก Low ก่อนและราคาโต้ตอบ Build up ได้สร้าง high low ขึ้นมาด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นพวกนี้ทำให้ตรรกะใหม่เกิดขึ้น สำหรับเทรดเดอร์ที่ถือ short positions หรือที่เปิด sell ในกรอบก็จะหันมากำหนด stop loss และเทรดเดอร์ที่รอเข้าก็จะหันมาเพิ่ม buy stop เข้าไปบริเวณพื้นที่เดียวกันเลยทำให้มี buy liquidity จะเกิดขึ้นมากและทันทีถ้าราคาขึ้นไปแตะ เลยทำให้ Build-up ช่วยเทรด Breakout หรือ consolation พื้นที่แคบๆ แบบนี้ได้ง่าย และมีความเป็นไปได้สูง เพราะมีออเดอร์ที่มาจากการออกเทรดและการเข้าเทรด

เทรดด้วย Build-up จะเห็น stop loss ชัดเจน


การที่ราคาสร้าง Buildup ให้เห็นตรงพื้นที่แนวรับ-แนวต้านหรือ consolidation ก่อนที่จะเกิดการ break เกิดขึ้น ถ้าอ่าน price structure ประกอบต่อเนื่องกัน ก็จะช่วยให้กำหนด trade setup ได้ และที่สำคัญสุดคือเรื่องของการกำหนด stop loss ท่านจะพบว่าพื้นที่ที่จะกำหนด stop loss ของท่านจะแคบด้วย นั่นหมายความว่า risk:reward สำหรับ trade setup ท่านจะดีขึ้น  และยิ่งมีการทำเทรนมาก่อน หรือ momentum หรือ impulsive move ที่เป็นตัวช่วยกำหนดเทรนหลัก ยิ่งดี เพราะพื้นที่ buildup จะเกิดขึ้น สิ่งที่เห็นชัดเจนมักจะเห็นว่ามีการพัฒนา swing high/low น้อยๆ ไปในตัวด้วย อย่างตัวอย่างกราฟทองในภาพ ราคาทองจะทำ higher lows ขึ้น แล้วค่อยมาสร้าง buildup ทำให้เกิดการสะสม positions ในตลาดไปในตัว ถ้าเบรคเกิดขึ้นก็จะทำให้ราคาทองหา stop loss ได้ง่าย และภาพที่เกิดขึ้นก็จะมีเทรดเดอร์ที่เทรดแบบ breakout ก็จะหาโอกาสเข้าเทรดพื้นที่เดียวกับ stop loss และเทรดเดอร์ที่รอเข้าเพราะห็นพื้นที่ consolidation เล็กๆ แบบนี้ก็จะหาโอกาสเทรดตามเทรนไปด้วย เลยทำให้เกิดความไม่สมดุลย์เกิดขึ้นได้ง่ายเพราะเรื่องของ liquidity ที่มีอยู่เยอะและเป็นไปทางเดียวกันเป็นหลัก