(Aug 16) รัฐบาลเยอรมนีกำลังเผชิญกับแรงกดดันอีกครั้งหลังจากหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ตัดสินใจดำเนินนโยบายการคลังเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ : BDI industry federation ซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนของกลุ่มผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ในเยอรมนี รวมถึงพรรคฝ่ายค้านและนักเศรษฐศาสตร์เยอรมนี ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของ นาง Angela Merkel นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจดำเนินนโยบายด้านการคลังผ่านการกู้ยืมและลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่ในขณะนี้ เยอรมนีกำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวซึ่งมีสาเหตุมาจากประเด็นปัญหาสงครามการค้าระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของเยอรมนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์
รัฐบาลเยอรมนีพยายามยึดมั่นต่อแนวนโยบายงบประมาณสมดุล (Balanced budget) หรือที่เรียกว่า "black zero" และหลีกเลี่ยงที่จะก่อหนี้ก้อนใหม่ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล Christian Democrats (CDU) และ Social Democrats (SPD) ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีก็อยู่ในฐานะงบประมาณเกินดุลมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า รัฐบาลเยอรมนีควรผ่อนคลายข้อยึดมั่นดังกล่าว และหันมาใช้แนวทางที่เรียกว่า "debt brake" ซึ่งเป็นนโยบายที่ยอมให้มีการขาดดุลงบประมาณได้ไม่เกินร้อยละ 0.35 ของ GDP แทน
หลายฝ่ายประเมินว่า ภายใต้สถานการณ์ที่รัฐบาลเยอรมนีสามารถกู้ยืมได้ด้วยต้นทุนอัตราดอกเบี้ยติดลบเช่นนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเริ่มก่อหนี้ก้อนใหม่เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อาทิ การปรับปรุงโครงสร้างระบบการสื่อสาร การพัฒนาด้านงานวิจัย รวมถึง ปรับปรุงด้านโครงสร้างของระบบการศึกษา แม้ว่าบางโครงการอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 10-15 ปีก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
Source: BOTSS