สรุป : แนวโน้มตลาดหุ้น 2562

มองต่างมักได้ "ตังค์"
หากติดตามข่าวเศรษฐกิจ แนวโน้มตลาดหุ้น ไม่ว่าจะทั้งไทยหรือต่างประเทศ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะเป็นปีที่อย่างลำบากสำหรับการลงทุน เพราะมีทั้งประเด็นวิกฤตการณ์เบร็กซิท สงครามการค้า รวมถึงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของทั้ง Deutsche Bank และ Morgan Stanley กลับมองคล้ายกันว่า นี่คือโอกาสในการสะสมหุ้น

ธนาคารกลางทั่วโลก : อยู่ในโหมดผ่อนคลาทางการเงิน
หลังจากที่ธนาคารกลางหลายแห่งได้ ได้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด นำโดยธนาคารกลางสหรัฐ หรือ "FED" ซึ่งดำเนินนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นมาตลอด และการที่ดอกเบี้ยสูงขึ้นนั้น ย่อมทำให้ภาระทางการเงินของธุรกิจสูงขึ้น เป็นปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นให้ร่วงล่วงหรืออย่างน้อยๆ ก็มักชะลอตัว

แต่ทั้งนี้ เราได้เห็นแนวโน้มของธนาคารกลางทั่วโลกกำลัง "กลับลำ" นโยบายดังกล่าว อย่างกรณีของธนาคารกลางสหรัฐเอง ที่ได้ทำการหยุดการขึ้นดอกเบี้ย และกล่าวต่อสาธารณะว่า จะอดทนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาก่อน การที่ FED ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลจากสภาวะดอกเบี้ยที่สูงเกินไป นี่เป็นปัจจัยแรกที่จะดันตลาดหุ้นให้ปรับตัวขึ้น

Easy Money กลับมาอีกครั้ง
หลังจากเกิดจากโหมกระแสเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจแล้ว แนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกก็ค่อยๆ ปรับลดลง โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ แต่นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นแล้ว อีกสิ่งที่มีผลโดยตรง คือ การเข้าซื้อสินทรัพย์ของธนาคารกลาง

ธนาคารกลางมักกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการนำเงินไปซื้อตราสารหนี้ของเอกชน และเงินส่วนหนึ่งจะไหลเข้าไปตลาดหุ้นผ่านกองทุนต่างๆ แม้ธนาคารกลางสหรัฐ จะค่อยๆ ลดการซื้อสินทรัพย์ หรือที่เรียกว่า QT ไป แต่แนวโน้มของธนาคารกลางอื่นๆ กลับผ่อนคลายมากขึ้น และเข้าซื้อสินทรัพย์มากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ดันตลาดหุ้นให้ขึ้นไป New High ได้


การอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐ
ผลสืบเนื่องจากการทำ QT ของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งมีผลเท่ากับการดึงเงินกลับเข้าสู่สหรัฐและทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาตลอดปลายปีที่แล้ว แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ต่างปรับตัวลง เป็นเหตุผลให้ความร้อนแรงของดอลลาร์ลดน้อยลงเช่นกัน

การอ่อนค่าของดอลลาร์ มีผลดีต่อประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging Market ทั้งหมด เพราะกลุ่มประเทศดังกล่าวมีการกู้ยืมเงินตราเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐไว้จำนวนมาก (กู้ตอนสหรัฐ ทำ QE ใหม่ๆ ซึ่งเหมือนแจกเงิน)

การอ่อนค่าของดอลลาร์จึงเท่ากับทำให้ยอดหนี้ที่แท้จริงลดน้อยลง หรือจ่ายเป็นสกุลเงินดอลลาร์ที่ถูกลง อันจะทำให้ Sentiment ของกลุ่มตลาดเกิดให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นทั้งโลกดูดีไปด้วย เนื่องจากไม่ต้องกังวลกับภาระหนี้สินของกลุ่มตลาดเกิดใหม่มากเกินไป

สงครามการค้าผ่อนคลาย
ต้องขอบคุณ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ตัดสินใจไม่เก็บภาษีเพิ่มเติมในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีการส่งสัญญาณมาตลอดทางว่า ทั้ง ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง ต่างกำลังจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าในไม่ช้า ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจจีนทันที เพราะหากตกลงกันได้ จีนก็จะกลับมาสั่งซื้อสินค้าจากทั่วโลกในปริมาณที่ปกติอีกครั้ง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม Commodity ที่เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก