สถาณการณ์เศรษฐกิจของออสเตรเลีย ดูท่าทางจะยังไม่ค่อยดีนัก โดยล่าสุดทาง ธนาคารกลางออสเตรเลีย ประกาศ 'คงอัตราดอกเบี้ย' อยู่ที่ระดับ 1.50% ไว้อย่างเดิม โดยทาง "Philip Lowe" ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย ระบุชัดเจนว่า เป็นเหตุผลจากความอ่อนแอของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในของออสเตรเลียเอง
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า เมื่อปีที่แล้วที่เรากำลังพูดถึงสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ที่ 'FED' ทะยอยขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ขึ้นมาเรื่อยๆ จนประเทศอื่นๆ ในโลกต้องค่อยๆ ทะยอยปรับดอกเบี้ยขึ้นตาม เนื่องจากกลัวว่า กระแสเงินลงทุนระยะสั้นๆ จะไหลออกจากประเทศตัวเองไปสู่สหรัฐฯ จนทำให้ค่าเงินอ่อนแอเร็วมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ไม่มีการส่งสัญญาณเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยเลย
พื้นฐานที่ไม่เข้มแข็งของออสเตรเลีย
ปัญหาภายในของออสเตรเลีย มีสองประเด็นหลักๆ (1) คือ การใช้จ่ายของภาคครัวเรือน และ (2) คือ ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวลง จึงเป็นเหตุผลให้ทางการออสเตรเลียคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในปี 2019 จะขยายตัวแค่ 3% เท่านั้น
ทั้งนี้ ในภาคครัวเรือนของออสเตรเลียมีปัญหาสำคัญ คือ หนี้สินต่อครัวเรือนที่สูงมาก แปลว่า เงินส่วนต่างที่เหลือจากรายได้ก็จะน้อยลง และนั่นทำให้การใช้จ่าย หรือก็คือการกระจายรายได้จากภาคครัวเรือนไปสู่ระบบเศรษฐกิจจะต่ำลง และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ออสเตรเลียต้องคงดอกเบี้ยนโยบายให้ต่ำ เพื่อลดผลกระทบที่ประชาชนได้รับ
ราคาบ้านทรุดตัว
ดัชนีราคาบ้านของออสเตรเลีย เคย Peak สูงสุดในช่วงปี 2017 แต่ตัวเลขก็ปรับลงมาเรื่อยๆ จนถึงจุดต่ำสุดในรอบ 12 เดือน ซึ่งปัญหามาจากที่เรียกว่า 'Credit Crunch' ซึ่งหมายถึงสภาวะตึงตัวของสินเชื่อ การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้เกิดจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลียพยายามป้องกันการเก็งกำไรราคาอสังหาริมทรัพย์ แต่ทั้งนี้ มันทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจค่อยๆ เบาบางลง