(Jul 3) รายงาน: ยุทธการตอบโต้ภาษีสหรัฐเริ่มแล้ว!! การตอบโต้ต่อภาษีสหรัฐฯ จากทั่วโลกเริ่มขึ้นแล้วในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แคนาดาประกาศเก็บภาษีใหม่ต่อเนื้อวัวและจะมีการตอบโต้เพิ่มอีกในสัปดาห์นี้จากจีนและเม็กซิโกโดยจะพุ่งเป้าไปที่เนื้อหมู โดยเม็กซิโกเตรียมที่จะเริ่มเก็บภาษีเนื้อขาวอื่น ๆ 20% ในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ขณะที่จีนวางแผนที่จะเก็บภาษีถั่วเหลือง 25% ในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ นอกเหนือจากการขึ้นภาษีเนื้อหมู
สหภาพยุโรปได้ประเดิมเก็บภาษี 3,200 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน โดยส่วนใหญ่เก็บภาษีในอัตรา 25% ซึ่งกระทบต่อสินค้าสหรัฐฯ หลายชนิด เช่น มอเตอร์ไซค์ เรือ วิสกี้และเนยถั่ว
พันธมิตรสหรัฐฯ ทั้งสามรายประกาศเก็บภาษีใหม่เพื่อตอบโต้ต่อการตัดสินใจของคณะบริหารทรัมป์ที่เก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมโดยใช้เหตุผล "ความมั่นคงแห่งชาติ"
จีนกำลังเตรียมที่จะเปิดเผยรายการสินค้าสหรัฐฯ 545 รายการที่จะเก็บภาษีใหม่ 25% โดยมีมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์นมเนย และรถยนต์ โดยจะเริ่มเก็บในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้
1. แคนาดา
แคนาดา ได้กำหนดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 12,500 ล้านดอลลาร์ในอัตรา 10% ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา สินค้าหลัก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ ช็อกโกแลต ซอสมะเขือเทศ โยเกิร์ต เนื้อวัว กาแฟคั่วคาเฟอีนธรรมชาติ น้ำผลไม้ น้ำเชื่อมเมเปิ้ล น้ำสลัดและซุป นมเนยเป็นประเด็นที่สหรัฐฯ และแคนาดาเจรจากันไม่ได้ในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) แต่นั่นอาจจะไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้แคนาดาเลือกเก็บภาษีโยเกิร์ต แคนาดาอาจจะเก็บภาษีเพื่อให้ได้รับความสนใจจาก พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นส.ส.พรรครีพับลิกันจากรัฐวิสคอนซิน เนื่องจากถึงแม้ว่าแคนาดานำเข้าโยเกิร์ตจากสหรัฐฯ ทั้งหมดเพียง 3 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่มาจากโรงงานที่ตั้งอยู่ในวิสคอนซิน
นอกจากนี้ ในการเลือกเก็บภาษีซุป รัฐบาลแคนาดา อาจจะต้องการส่งสารถึงบริษัท แคมป์เบลล์ ซุป ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทประกาศแผนการที่จะระงับการผลิตซุปและน้ำซุปในแคนาดาและปลดพนักงานประมาณ 380 คน
รัฐบาลออตตาวาได้เปิดเผยรายการสินค้าที่จะเก็บภาษีในวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยได้รวมเอาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จำนวนหนึ่งเข้าไปด้วย เช่น หมอน แต่ได้ตัดมัสตาร์ดออกจากบัญชี ส่วนซอสมะเขือเทศ กระดาษชำระ และวิสกี้ ยังคงอยู่
ซอสมะเขือเทศของบริษัทคราฟต์ ไฮนซ์ เป็นผู้นำตลาดในแคนาดา แต่คราฟต์ไฮนซ์ได้ปิดโรงงานในเลียมิงตันในออนตาริโอเมื่อปี 2557 และลดตำแหน่งงานอีกกว่า 700 ตำแหน่ง คราฟต์ ไฮนซ์ จำหน่ายซอสมะเขือเทศที่ผลิตในแคนาดาโดยเป็นหุ้นส่วนกับซีเล็ค ฟูดส์ โพรดักส์
อเมริกาส่งออกซอส และผลิตภัณฑ์ปรุงรสไปยังแคนาดาทั้งหมดประมาณ 650 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ส่วนสหรัฐฯ จำหน่ายวิสกี้ให้กับแคนาดาประมาณ 55 ล้านดอลลาร์ในปี 2560
2.จีน
จีนตั้งเป้าเก็บภาษีสินค้าจากภาคเกษตรหรืออาหารของสหรัฐฯ ประมาณ 95% ซึ่งรวมถึงถั่วเหลืองซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่สำคัญที่สุดในเศรษฐกิจเกษตรของสหรัฐฯ
เกษตรกรอเมริกันได้เตรียมรับกับผลที่จะตามมาจากการเก็บภาษีถั่วเหลืองแล้วเนื่องจากมันอาจทำลายตลาดส่งออกที่สามารถทำกำไรได้ ทำให้กำไรลดลงและอาจส่งผลกระทบไปทั่วเศรษฐกิจในชนบท จากการประเมินของมหาวิทยาลัยเปอร์ดู การเก็บภาษีถั่วเหลืองอาจทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่สหรัฐฯ 3,000 ล้านดอลลาร์
จากตัวเลขของสมาคมถั่วเหลืองอเมริกา จีนซื้อถั่วเหลืองที่ส่งออกจากสหรัฐฯ ประมาณครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และประมาณหนึ่งในสามของถั่วเหลืองที่ปลูกในฟาร์มของสหรัฐฯ ส่งออกไปยังจีน
การเก็บภาษีของจีนเป็นการตอบโต้ต่อการประกาศของทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่จะเก็บภาษีสินค้าจีน 25% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากอุตสากรรมการบินอวกาศ หุ่นยนต์และเครื่องจักร ภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเหล่านี้มีมูลค่าประมาณ 34,000 ล้านดอลลาร์ และจะเริ่มเก็บตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคมนี้
นอกจากถั่วเหลืองแล้ว ภาษีใหม่ของจีนจะกระทบต่อเนื้อหมู ข้าวสาลี และนมเนย และผลไม้และผลิตภัณฑ์ผัก หนึ่งในสี่ของเนื้อหมูในสหรัฐฯ จำหน่ายในต่างประเทศและจีนเป็นผู้บริโภคเนื้อหมูรายใหญ่สุดของโลก
จากข้อมูลของสมาคมเนื้อสัตว์ในสหรัฐฯ จีนและฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกเนื้อหมูสำคัญของสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์ โดยจีนเป็นตลาดเนื้อหมูสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับสองรองจากเม็กซิโก
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การพุ่งเป้าไปเก็บภาษีสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสูง เช่น ถั่วเหลือง และเนื้อหมู เพราะจีนต้องการส่งสัญญาณถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์เกษตรทั้งสองชนิดนี้มาจากรัฐในภาคตะวันตกตอนกลางเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นรัฐที่ช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2559
ในกรณีของเนื้อหมู การตอบโต้ทำให้เกษตรกรสหรัฐฯ เจ็บปวดเป็นพิเศษ เนื่องจากอุตสาหกรรมเนื้อหมูยังคงซวนเซหลังจากที่จีนเก็บภาษี 25% เมื่อวันที่ 2 เมษายน
จีนยังเก็บภาษีเพิ่มต่ออาหารทะเลหลายชนิด เช่น แซลมอน ทูน่า หูฉลาม ปู กุ้ง และล็อบสเตอร์ สหรัฐฯ ส่งออกอาหารทะเลไปยังจีนมากกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์ในปี 2560 โดยเฉพาะล็อบสเตอร์จากรัฐเมน มีสัดส่วนมากกว่า 90 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
3. เม็กซิโก
เม็กซิโกได้ตอบโต้ต่อการเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของทรัมป์เมื่อต้นเดือนมิถุนายนด้วยการประกาศลงโทษสินค้าเกษตรหลายสิบรายการ เช่น มีแผนที่จะเก็บภาษีเนื้อหมู 20% ในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ หลังจากที่เก็บภาษีเนื้อหมูที่ยังไม่แปรรูป 10% เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน
สหรัฐฯ ส่งออกเนื้อหมูไปยังเม็กซิโกมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา โดยมีการส่งออกแฮมหมูมากที่สุดในเม็กซิโก แต่หลังจากที่มีความขัดแย้งเกี่ยวกับกำแพงพรมแดนและการเจรจาสนธิสัญญานาฟตาใหม่ ทำให้เม็กซิโกมองหาผลิตภัณฑ์และสินค้าเกษตร เช่น เนื้อหมู ถั่วเหลืองและข้าวโพดจากที่อื่น ๆ
เม็กซิโกยังเป็นผู้ซื้อผลิตภัณฑ์นมเนย เช่น ชีส รายใหญ่สุดของสหรัฐฯ แต่ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคมนี้ เม็กซิโกจะเก็บภาษีชีสจากสหรัฐฯ 20-25% จากที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 10-15% นับตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน
โดยรวมแล้ว ภาษีที่เม็กซิโกประกาศเก็บในเดือนมิถุนายนครอบคลุมสินค้าสหรัฐฯ 3,000 ล้านดอลลาร์ และเม็กซิโกและแคนาดาเป็นตัวแทนสินค้าเกษตรส่งออกของสหรัฐฯ เกือบหนึ่งในสามของทั้งหมด
รอยเตอร์รายงานว่า เม็กซิโกได้ศึกษาที่จะเก็บภาษีเพิ่มซึ่งอาจจะยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับเกษตรกรสหรัฐฯ เช่น การเก็บภาษีข้าวโพดและถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา เม็กซิโกเป็นตลาดส่งออกข้าวโพดใหญ่สุดของสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ ส่งออกข้าวโพดไปยังเม็กซิโกมากกว่า 2,300 ล้านดอลลาร์ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และมียอดขายถั่วเหลืองถึง 1,000 ล้านดอลลาร์
4. สหภาพยุโรป
อียูได้พิจารณาเก็บภาษีตอบโต้ต่อการเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของทำเนียบขาวเช่นกัน โดยภาษีที่อียูประกาศเก็บเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน มีผลต่อสินค้าสหรัฐฯ 180 รายการ หรือมีมูลค่าประมาณ 3,400 ล้านดอลลาร์
ผลิตภัณฑ์ที่อียูจะเก็บ 25% ได้แก่ มอเตอร์ไซค์ ยีนส์ เรือ วิสกี้ และสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพดหวาน ข้าว ยาสูบ เนยถั่ว และน้ำส้ม
ผลจากการเก็บภาษีของอียู ทำให้ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประกาศย้ายการผลิตส่วนหนึ่งไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยอมรับได้
Source: ข่าวหุ้น